“ทำไม? ไม่พูดหรือ?” รอยยิ้มบนใบหน้าของหยางหมิงหยู่หายไป บรรยากาศมีความตึงเครียดมากเป็นพิเศษ เขาตบไปที่ไหล่ของถานชิวเซิงอย่างหนัก และส่งสัญญาณให้ลูกน้องเอาของที่เหมือนไม้กระบองมาสองอัน พูดว่า : “อย่าดูถูกไม้กระบองสองอันนี้โดยเด็ดขาดนะ ในสมัยโบราณสิ่งนี้ถูกเรียกว่า ‘เครื่องมือประหารชีวิต’ ยาวหนึ่งฟุตห้านิ้ว กว้างประมาณสี่นิ้ว ช่องว่างตรงกลางสองช่องนี้เอาไว้ยึดแขนของนาย จากนั้นผมจะจับมัดนายไว้เหมือนกับพระเยซู เช่นนี้แล้วเมื่อนายดิ้นขณะที่โดนลงโทษอย่างอื่นอยู่ แขนก็จะได้รับความเจ็บปวดที่ร้าวไปถึงหัวใจ เช่นนี้แล้วนายก็จะไม่กล้าดิ้นมากมายขนาดนั้นแล้ว”
“จุ๊ ๆ ๆ” หยางหมิงหยู่มองดูถานชิวเซิง พูดว่า : “นายดูสิ ผมดีกับนายมากแค่ไหน กลัวว่านายจะดิ้นผมจึงไปศึกษาบันทึกโบราณมาโดยเฉพาะ แต่นายไม่ต้องขอบคุณผม แค่เพลิดเพลินกับมันก็พอแล้ว”
ภายใต้คำสั่งของหยางหมิงหยู่ ลูกน้องทั้งสองคนเอาไม้กระบองไปวางไว้ที่แขนของถานชิวเซิงจริง ๆ จากนั้นใช้ลิ่มไม้ตัดผ่านแขนทั้งสองของถานชิวเซิงผ่านช่องว่างระหว่างไม้ทั้งสองกระบอง ทำให้ไม้กระบองกับแขนขัดกันแน่น
ในระหว่างนี้ถานชิวเซิงไม่พูดอะไรเลยสักคำ มีเพียงเสียงร้องที่ดังอยู่ในลำคอเบาๆ เหงื่อท่วมหัว สีหน้าขาวซีดร่างกายที่เป็นตะคริวของตนทำให้รู้ว่าเขากำลังเผชิญกับความทุกข์ทรมานครั้งใหญ่
หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้น ลูกน้องทั้งสองก็พาถานชิวเซิงไปมัดไว้บนไม้กางเขนอีก แต่มัดแค่แขน ไม่ได้มัดที่ขา
หยางหมิงหยู่ปรบมือและพูดว่า : “ไม่ตะโกน ไม่ร้อง และไม่ด่าออกมา คุณชายถานก็คือคุณชายถาน น่าชื่นชม พี่น้อง เพิ่มเครื่องให้คุณชายถานหน่อย”
ลูกน้องทั้งสองยกหม้อน้ำพริกออกมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และเอาจวักตักน้ำซุปมาสองอัน ราดไปยังแผลที่อยู่บนแขนของถานชิวเซิงทั้งซ้ายและขวา
ปกติแล้วการบรรยายถึงช่วงเวลาที่เจ็บปวดส่วนใหญ่จะใช้คำว่าโรยเกลือใส่แผลเพื่อการบรรยายถึงความเจ็บปวดของผู้ประสบภัย แต่การราดน้ำพริกลงบนแผล จะเจ็บปวดยิ่งกว่าโรยเกลือ
สีหน้าของถานชิวเซิงบิดเบี้ยวอย่างมาก เงยหน้าขึ้นสูง ๆ เปล่งเสียงร้องที่เจ็บปวดอยู่ในลำคอราวกับสัตว์ป่า ขาทั้งสองเตะไปบนพื้นไม่หยุด หากแต่ว่าดิ้นแรงขึ้นเพียงเล็กน้อย บาดแผลที่อยู่บนแขนก็จะโดนเครื่องประหารทำให้ขยายใหญ่ขึ้น น้ำพริกก็จะซึมเข้าไปในรอยแผลใหม่ จะนำมาซึ่งความเจ็บปวดที่ไม่รู้จบมากยิ่งขึ้น
“อ๊า!” ในที่สุดถานชิวเซิงก็ทนไม่ไหวร้อนตะโกนออกมา ด่าว่า : “หยางหมิงหยู่! เชี่ยเอ้ย! เชี่ยเอ้ย!”
หยางหมิงหยู่ส่งเสียงที่เย็นชาออกมา พูดว่า : “ถานชิวเซิง ผมจะบอกแกให้ เพียงแค่แกบอกในสิ่งที่ผมอยากรู้ ผมจะดูแลแกอย่างดี ไม่เช่นนั้นละก็แกต้องทนทุกข์ไปอีกเยอะ นี่เป็นเพียงแค่การเรียกน้ำย่อยท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายอย่างที่ยังไม่นำมาเสิร์ฟ! แกลองทายดูว่า แกจะลิ้มรสชาติได้สักกี่อย่าง?”
ขณะที่พูดอยู่นั้นหยางหมิงหยู่ก็เอามีดเล็กออกมาจากในกระเป๋าอีกหนึ่งเล่ม มองดูคอที่ยื่นออกมาขณะที่ถานชิวเซิงเงยหน้าขึ้น พร้อมพูดว่า : “ต่อไปผมจะใช้มีดเล็กเล่มนี้ถลอกหนังที่คอของแกออก แต่แกวางใจได้ ผมจะไม่ราดน้ำพริกลงไปที่คอแกแน่นอน ผมจะใส่น้ำหวานให้แกเพียงเล็กน้อย จากนั้นปล่อยมดไว้จำนวนหนึ่ง มดเหล่านี้ชอบของหวานที่สุด พวกมันจะกัดกินเนื้อนุ่ม ๆ ที่อยู่บนคอแก แต่ว่าแกวางใจได้ มดเหล่านี้อาจจะกัดเจ็บไปหน่อย แต่ไม่มีพิษ”
หยางหมิงหยู่พูดกับลูกน้องทั้งสองว่า : “ยึดหัวของเขาเอาไว้ให้ผม ประเดี๋ยวเขาจะได้ไม่สามารถใช้คอทำให้มดของผมตาย”
“อย่า~~”
ถานชิวเซิงร้องขอ : “ขอร้องนายล่ะ ขอร้องนายอย่าทรมานผมอีกเลย นายฆ่าผมเถอะ ให้ผมตายไปเลย!”
หยางหมิงหยู่ส่ายหัวและพูดว่า : “ไม่ได้ นอกจากแกจะบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมอยากรู้ ให้ผมได้รู้ก่อน”
ถานชิวเซิงเงียบ