ซูจิ่นซีเดินย่องเข้าไปหาเยี่ยโยวเหยา ทว่าเยี่ยโยวเหยาก็ยังได้ยินเสียงฝีเท้าของนาง เขาขมวดคิ้วขณะหันศีรษะกลับมา
“เจ้าออกมาได้อย่างไร? ”
ซูจิ่นซีเดินไปเบื้องหน้าเยี่ยโยวเหยา นางยื่นมือออกมาคลายรอยย่นบนหน้าผากของเขา
“ท่านอ๋อง ช่วงเวลาเช่นนี้ท่านมักจะขมวดคิ้วอยู่เสมอ”
เยี่ยโยวเหยาคิดจะถอดเสื้อคลุมผืนใหญ่ออกแล้วคลุมร่างซูจิ่นซี ทว่าซูจิ่นซีกลับปฏิเสธ
นางแย้มยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง ท่านจะห่อข้าจนเป็นหมีแพนด้าหรือ? บนร่างของข้ามีเสื้อคลุมผืนใหญ่อยู่แล้ว”
“ข้ากลัวว่าเจ้ากับลูกเราจะเย็นเกินไป”
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก “ท่านอ๋องวางใจ ข้าจะปกป้องสุดที่รักตัวน้อยของท่านเป็นอย่างดีแน่นอน”
“อืม! ” เยี่ยโยวเหยาตอบรับอย่างจริงจัง “ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมปกป้องสุดที่รักตัวใหญ่ของข้าเป็นอย่างดีด้วย”
ซูจิ่นซียืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็อดขำออกมาไม่ได้
ตั้งแต่อยู่กับนาง นางไม่สามารถหาคำที่เหมาะสมมาอธิบายความเป็นเยี่ยโยวเหยาได้เลย
อ๋องจอมโหด เสือยิ้มยากผู้นั้นหายไปที่ใดแล้ว?
“ลูกเตะเจ้าหรือไม่” เยี่ยโยวเหยาซุกมือซูจิ่นซีเข้ามาในอ้อมแขนของตนเอง
“เตะ! ”
“อืม เหมือนข้า! ”
เอ่อ…
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วอย่างแรง สายใยเช่นนี้เชื่อมโยงกันได้ด้วยหรือ?
“ท่านอ๋อง กำลังคิดอันใดอยู่? ”
“คิดถึงอนาคตของพวกเรา”
อนาคต?
อนาคตจะเป็นอย่างไร?
สี่สมุทรสงบสุข อำนาจจักรพรรดิจะค้ำจุนโลกหรือ? นี่ดูเหมือนจะเป็นอนาคตที่สวยงามที่สุด ทว่ามันจะมีวันนั้นหรือ?
จากแววตาของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาเหมือนจะคาดเดาได้ว่านางกำลังคิดอันใด จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “จะต้องมีวันนั้น และบุตรของพวกเราจะสืบทอดใต้หล้าที่เจ้าและข้าพิชิตมาได้ บุตรจะส่งต่อใต้หล้าให้หลาน หลานส่งต่อให้เหลน ใต้หล้าสงบสุขไปอีกหลายหมื่นปี”
ซูจิ่นซีไม่เคยคลางแคลงใจ และรู้ว่าจะต้องมีวันนั้นอย่างแน่นอน
ทั้งสองยืนอยู่บนขอบหน้าผาเป็นเวลานาน ระหว่างนั้นก็มีองครักษ์วิหารวิญญาณกลับมารายงานว่ายังไม่มีข่าวคราวใดๆ ของสำนักกระบี่คุนหลุนและวิหารเทพซีหวังหมู่
ตามแบบฉบับของเยี่ยโยวเหยา พวกเขาควรลงมือตั้งแต่เข้าสู่แคว้นเป่ยอี้ ตอนนี้ต้องค้นหาทั่วทั้งเขาคุนหลุนแล้ว!
ทว่ายังไม่มีข่าวใดๆ ทั้งสองสถานที่นี้ราวกับหายสาบสูญไปบนเขาคุนหลุน
ซูจิ่นซีหนาวจนแก้มแดงเล็กน้อย เยี่ยโยวเหยามองด้วยความรักสุดหัวใจ “พวกเราเข้าไปกันเถิด! ”
“เพคะ! ”
ทั้งสองหันหลังเดินกลับเข้าไปในถ้ำ ทันใดนั้น ด้านหลังก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้น
แม้เสียงนั้นจะต่ำและเบามาก ทว่าซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาก็แยกออกว่าคือสิ่งใด สีหน้าพวกเขาพลันเปลี่ยนไป
“แม่นางพิษน้อยระวัง! ”
“ท่านอ๋อง พระชายา รีบเข้ามาเร็ว! ”
ในขณะเดียวกัน อู๋จุนและอวิ๋นจิ่นก็ร้องเตือนพร้อมกัน เดิมทีพวกเขาทั้งสองไม่ได้หลับ
ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่รีบเดินเข้าไปในถ้ำและหันไปมองด้านหลังไปด้วย
ตรงข้ามหน้าผาข้างหลัง ท่ามกลางภูเขาหิมะ คาดไม่ถึงว่าจะเต็มไปด้วยฝูงหมาป่า นอกจากนั้นยังเป็นหมาป่าหิมะ
ดวงตาของหมาป่าหิมะเหล่านั้นเป็นสีฟ้าอมเขียว เล็กเหมือนดวงดาวเจิดจรัสส่องแสงระยิบระยับและมองเห็นได้ชัดเจนในค่ำคืนที่มืดมิด
มองดูแล้วมีไม่น้อยกว่าร้อยตัว
แม้หมาป่าหิมะจะอาศัยอยู่บนเขาคุนหลุน ทว่าได้ยินมาว่าสายเลือดของพวกมันสูงส่งและหาได้ยากอย่างยิ่ง เหตุใดเพียงครู่เดียว พวกมันถึงปรากฏตัวออกมาจำนวนมากเช่นนี้?
แม้วรยุทธ์ของเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซี และคนอื่นๆ จะสูงส่งเพียงใด ทว่าหมาป่ามากมายเช่นนี้ ทั้งยังเป็นหมาป่าหิมะ พวกเขาก็ไม่อาจต่อกรกับพวกมันได้
“โฮก… ” หมาป่าหิมะหลายตัวกระโจนมาจากหน้าผาฝั่งตรงข้าม
ลำตัวสีขาวหิมะ เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคม ท่าทางดุดันน่าสะพรึงกลัว ค่อยๆ เดินเข้ามาหาพวกเขา
ในมือของอู๋จุนมีอาวุธพร้อมต่อสู้ เขาตวัดแส้หงหลิงและยืนอยู่ด้านหน้าทุกคน แววตาของอวิ๋นจิ่นก็ปรากฏความเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
ทว่า สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ ขณะที่ฝูงหมาป่าเห็นกระบี่เสวียนหยวน พวกมันก็หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน เหมือนมันจะหวาดกลัวมากและหดหัวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง จากนั้น เยี่ยโยวเหยาจึงอาศัยจังหวะได้เปรียบเดินเข้าไปหาพวกมันสองก้าว
“เยี่ยโยวเหยา! ” ซูจิ่นซีรีบดึงแขนเสื้อของเยี่ยโยวเหยา
พวกมันเป็นคือหมาป่าหิมะ!
เยี่ยโยวเหยาหันหลังกลับมามองมือของซูจิ่นซีที่กำลังจับแขนเสื้อ พลางแสดงสีหน้าปลอบใจ
“วางใจเถิด! เชื่อใจข้า! ”
นางเชื่อใจเยี่ยโยวเหยามาโดยตลอด ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นางรู้สึกสบายใจ
ตงหลิงหวงเดินมาถึงปากถ้ำ นางหยิบกระบี่ออกมาจากแหวนเก้ามังกรแล้วยื่นให้ซูจิ่นซี
“แม้กระบี่เล่มนี้จะเทียบไม่ได้กับกระบี่เฟิ่งอวี่ที่พระชายาโยวอ๋องเคยใช้ ทว่าน่าจะใช้ได้คล่องมือ”
“ขอบใจมาก! ”
ซูจิ่นซีรับกระบี่และรีบเดินไปอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยา นางต้องการสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วลึก ทว่าเขาเข้าใจอุปนิสัยของซูจิ่นซีจึงไม่ได้ปฏิเสธ
“โฮก… ” หมาป่าหิมะสองสามตัวกระโจนมาทางพวกเขา
จากนั้นอีกสองสามตัวก็กระโจนตามมา
ในชั่วพริบตา หมาป่าหิมะที่มาประจันหน้ากับพวกเขาก็มีมากกว่าร้อยตัว กระจายอยู่ตรงหน้าผาด้านนอกถ้ำหนาแน่นจนเป็นสีขาว
นอกจากนี้ จำนวนหมาป่าหิมะตรงข้ามหน้าผากลับไม่ลดน้อยลงทว่าเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยตัว
นี่เป็นจังหวะฉีกกระชากพวกเขาไม่ให้เหลือแม้กระทั่งกระดูกและเศษซาก!
ทันใดนั้น หมาป่าหิมะก็กระโจนใส่ซูจิ่นซี อู๋จุนยกแส้ยาวในมือแล้วฟาดหมาป่าหิมะตัวนั้นอย่างรุนแรง ก่อนจะเหวี่ยงมันออกไป
หมาป่าหิมะตัวนั้นร่วงลงบนพื้นและกลิ้งไปหลายตลบ แต่คาดไม่ถึงว่ามันจะลุกขึ้นมาได้อีก ทั้งยังส่งเสียงคำรามดังลั่น
จากนั้นหมาป่าหลายสิบตัวที่อยู่ใกล้อู๋จุนและคนอื่นๆ ก็โจมตีใส่ทุกคนพร้อมกัน
ทุกคนไม่มีเวลารีรอจึงรีบเข้าไปต่อต้าน
หมาป่าถูกตัดศีรษะทีละตัว เลือดหยดลงบนพื้นหิมะ ราวกับหิมะขาวเปลี่ยนเป็นลูกพลัมสีแดงสว่างเจิดจ้า
“โฮก… ”
“จี๊ดจี๊ดจี๊ด… จี๊ดจี๊ดจี๊ด… ” สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีไม่รู้ออกมาจากที่ใด พวกมันเข้าร่วมต่อสู้ด้วย
ถังเสวี่ยและซูอวี้ที่ได้รับบาดเจ็บทำได้เพียงพักอยู่ภายในถ้ำ พวกเขารู้สึกร้อนใจเหมือนมดบนหม้อร้อน
“ถังเป่าอวี้ เจ้าต้องระวังด้วย! หากได้รับบาดเจ็บข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า! ” ถังเสวี่ยตะโกนบอกอู๋จุนที่อยู่นอกถ้ำ
อู๋จุนจดจ่ออยู่กับการต่อสู้จึงไม่ได้ตอบกลับมา
แม้ซูอวี้จะไม่พูดอันใด ทว่าความสนใจของเขาอยู่ที่ร่างของซูจิ่นซีซึ่งแวบไปแวบมาอยู่ตรงปากถ้ำ ในใจเป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าที่ถังเสวี่ยมีต่ออู๋จุน
ทว่าซูจิ่นซีอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยาเสมอ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ทั้งสองร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ไม่ว่าจะพบเจอความยากลำบากแบบใดในการลงมือฆ่าศัตรู เยี่ยโยวเหยาจะจับมือซูจิ่นซีไว้เสมอ ยากเย็นเพียงใดก็ไม่มีวันปล่อยนาง
หมาป่าหิมะยิ่งฆ่ายิ่งเพิ่มจำนวน ข้างหน้าล้ม ข้างหลังบุก ฆ่ากลุ่มหนึ่งเสร็จก็มีอีกกลุ่ม หลังจากเห็นเลือดก็ยิ่งบ้าระห่ำมากขึ้น พวกมันพุ่งไปทางซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา อวิ๋นจิ่น และคนอื่นๆ อย่างสุดชีวิต
ถังเสวี่ยและซูอวี้ต่างได้รับบาดเจ็บจึงไม่สามารถต่อสู้ได้ เมื่อเห็นหมาป่าหิมะอ้าปากเผยฟันแหลมคมแล้วค่อยๆ เข้ามาหาพวกเขาทั้งสองคน ถังเสวี่ยหวาดกลัวสุดขีด ทว่ากังวลว่าตอนที่ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจะทำให้ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านนอกไม่มีสมาธิ จึงรีบปิดปากไว้
หมาป่าหิมะยิ่งเข้าใกล้พวกเขา… มากขึ้นเรื่อยๆ