ถังเสวี่ยหยิบหินข้างกายขึ้นมาและขว้างไปทางหมาป่าหิมะ แม้ตนจะได้รับบาดเจ็บ ทว่าทิศทางนั้นแม่นยำมาก และมันกระแทกเข้ากับศีรษะของหมาป่าพอดิบพอดี
ทว่าหินเพียงก้อนเดียวจะทุบหมาป่าตายได้อย่างไร?
เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลลงมาจากศีรษะของหมาป่า มันเผยความเกรี้ยวกราด ก่อนจะอ้าปากเผยคมเขี้ยวแหลมคมแล้วพุ่งเข้าใส่ถังเสวี่ย
ถังเสวี่ยกุมศีรษะตนเองด้วยความหวาดกลัว ทว่ายังคงไม่ส่งเสียงร้อง
“แม่นางถังเสวี่ย! ” ซูอวี้รีบร้องเรียก
ทว่าความเจ็บปวดที่คาดไว้ยังไม่ทันมา ความตายยังมาไม่ถึง ข้างหูกลับมีเสียงร้องอันน่าสังเวชของหมาป่าหิมะดังขึ้น
ถังเสวี่ยเงยศีรษะมองอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าอู๋จุนที่ไม่รู้ว่าเข้ามาในถ้ำเมื่อไร กำลังยกแส้ในมือขึ้นฟาดใส่หมาป่าหิมะไม่ยั้ง จนหมาป่าหิมะที่พุ่งเข้าใส่นางถูกรัดด้วยแส้ยาว และกระแทกเข้ากับกำแพงหินในถ้ำอย่างรุนแรง
ทันใดนั้น หมาป่าหิมะสองตัวที่เหลือก็พุ่งเข้าใส่อู๋จุนอย่างดุดันจนต้องถอยหลังซ้ำๆ เมื่อเห็นช่องว่าง เขาจึงกระโดดขึ้นแล้วฟาดแส้ใส่หลังหมาป่าหิมะตัวหนึ่งอย่างรุนแรง
หมาป่าหิมะตัวนั้นกรีดร้องและไม่ลุกขึ้นมาอีก
แม้ในดวงตาของหมาป่าที่เหลือจะมีประกายความขลาดกลัวอยู่บ้าง ทว่าพวกมันกลับไม่ล่าถอย จู่ๆ ก็ยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นแล้วพุ่งใส่อู๋จุน
อู๋จุนยกแส้ขึ้น พวกมันจึงหลบ
จากนั้นก็พุ่งใส่กลางหลังอู๋จุนด้วยความเร็วสูง ทว่าอู๋จุนชะลอความเร็วลงหนึ่งก้าว แส้ที่เหวี่ยงออกไปไม่ได้ถูกดึงกลับและเขาก็หมุนกายกลับมาโดยไร้ช่องว่าง
“ถังเป่าอวี้ ระวัง! ” ถังเสวี่ยตะโกนเตือน
เมื่อเห็นว่าหมาป่าหิมะกำลังกัดเข้าที่คออู๋จุน ทันใดนั้น ชุดสีขาวราวหิมะก็แวบเข้ามา และขลุ่ยในมือก็กระแทกเข้าที่คอของหมาป่าหิมะอย่างรุนแรง
“โฮก… ”
หมาป่าหิมะกรีดร้องก่อนจะล้มลงกับพื้นแล้วหมดสติไป
อู๋จุนรอดพ้นอันตราย เขาถอยหลังไปสองสามก้าวพลางมองอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้าตกใจแล้วเอ่ยว่า “แซ่อวิ๋น ขอบใจเจ้า ข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้า! ”
“หน้าสิ่วหน้าขวาน เจ้าหุบเขาอู๋ไม่ต้องกล่าวขอบคุณ! ” เขาพูดพลางหันหลังกลับออกไปนอกถ้ำแล้วจัดการกับหมาป่าหิมะที่พุ่งเข้ามาเรื่อยๆ
ถังเสวี่ยกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป นางร้องไห้น้ำตาไหลอาบสองแก้ม
“ฮือ… ถังเป่าอวี้ ท่านทำข้าตกใจเกือบตาย! ฮือ… ข้าตกใจเกือบตาย ถังเป่าอวี้… ”
อู๋จุนเหลือบมองถังเสวี่ย ก่อนจะเดินไปหานางและโน้มตัวเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของถังเสวี่ย “ร้องไห้เรื่องอันใด! ข้ายังไม่ตาย ยิ่งไม่ปล่อยให้เจ้าถูกหมาป่ากิน! ”
อู๋จุนจะรู้ได้อย่างไรว่าถังเสวี่ยไม่ได้กลัวตนเองตาย เมื่อครู่ที่หมาป่าหิมะพุ่งเข้าใส่ นางไม่ได้กรีดร้องเพราะกลัวว่าจะทำให้อู๋จุนเสียสมาธิ
ทว่าตอนที่หมาป่าหิมะพุ่งเข้าใส่อู๋จุน นางกลัวมากจริงๆ
“ถังเป่าอวี้… ” ถังเสวี่ยมองอู๋จุน น้ำตาของนางไหลออกมาไม่หยุด
“ไม่ต้องร้องแล้ว! ร้องอีกข้าจะไม่สนเจ้า! ” เขาพูดพลางถือแส้หงหลิงในมือแล้วเดินออกไปนอกถ้ำ
ถังเสวี่ยมองไปที่แผ่นหลังของอู๋จุนแล้วเม้มกลีบปากแน่น แม้น้ำตาจะยังคงไหลออกมา ทว่านางไม่กล้าส่งเสียงร้องไห้
คืนนี้ลิขิตได้ว่าเป็นการต่อสู้นองเลือด ศพหมาป่าหิมะกระจายเกลื่อนเต็มหน้าผา เลือดไหลราวกับแม่น้ำ
เยี่ยโยวเหยา อวิ๋นจิ่น ซูจิ่นซี อู๋จุน ตงหลิงหวง เป่ยถังฉินฉิน และเป่ยถังหลี ทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย
ท้ายที่สุด หมาป่าหิมะทั้งหมดล้วนถอยกลับไปสองสามก้าว พวกมันหมอบลงและมองไปที่ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ อย่างดุร้าย ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่หน้าถ้ำประจันหน้ากับหมาป่าหิมะ ผ่านไปได้ครึ่งชั่วยาม ทั้งสองฝ่ายต่างก็เริ่มโจมตีพร้อมกันอีกครั้ง
นิ้วเรียวของซูจิ่นซีค่อยๆ ลูบท้องน้อยของตนเอง ต่อให้เขาคุนหลุนนองด้วยเลือด วันนี้นางก็ต้องมีชีวิตออกไปให้ได้ และพาทุกคนที่นี่รอดออกไปทั้งหมดด้วย
“ยังสู้ได้อีกหรือไม่? ” แววตาของซูจิ่นซีปรากฏความเย็นชา ทว่าน้ำเสียงเย็นชายิ่งกว่าแสงในดวงตาสามส่วน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า… ” อู๋จุนมองเลือดที่นองเต็มพื้น “ผู้ที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเทียนเหอคงอยู่ที่นี่ในวันนี้ใช่หรือไม่? โชคดีที่พวกเรามา หากเป็นคนอื่นคงถูกสัตว์ร้ายเหล่านี้เขมือบทั้งเป็นหมดแล้ว! ”
เยี่ยโยวเหยายื่นมือออกไปเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของซูจิ่นซี ดวงตาเต็มไปด้วยความรักและไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
ในบรรดาคนเหล่านี้ เป่ยถังหลีได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุด เป่ยถังฉินเกอพยุงนางเข้าไปในถ้ำ ทว่านางเอ่ยอย่างไม่เต็มใจว่า “มารดา ข้ายังสู้ไหว ทิ้งไว้ที่นี่ ข้าทำอันใดไม่ได้แล้ว! ”
“หลีเอ๋อร์ฟัง! ” ฉินเกอลูบแก้มเป่ยถังหลี หลังจากนั้นก็เหลือบมองซูอวี้
เป่ยถังหลีมองซูอวี้ไปตามแววตาของมารดา นางเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า
แววตาของตงหลิงหวงกลายเป็นสีแดงอาฆาตไปแล้ว แววตาหยุดอยู่ที่อาคมกำไลปี่อั้นบนข้อมือของซูจิ่นซี
นางยังไม่ได้เห็นมู่หรงฉีเลย! จะรีบตายเร็วได้อย่างไร?
ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
……
ซูจิ่นซียิ้มแผ่วเบาที่มุมปาก แววตาค่อยๆ หันไปทางใบหน้าของอวิ๋นจิ่น แสงในดวงตาหม่นลงเล็กน้อย
“หมอหลวงอวิ๋น! ”
อวิ๋นจิ่นมองไปยังซูจิ่นซี
รอยยิ้มตรงมุมปากของซูจิ่นซีกว้างขึ้น “หมอหลวงอวิ๋นยังจะรั้นอยู่หรือ? หากท่านหลบซ่อนมันไว้ วันนี้พวกเราทั้งสิบคนคงต้องถูกฝังอยู่ที่นี่แล้ว! ”
สิบคน!
ซูจิ่นซีนับเด็กในครรภ์ของตนเองเข้าไปด้วย
แววตาของอวิ๋นจิ่นเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
รอยยิ้มอบอุ่นเสมือนฤดูใบไม้ผลิในเดือนสามค่อยๆ เผยขึ้นบนใบหน้าของเขา รอยยิ้มสดใสที่เป็นของซูจิ่นซีโดยเฉพาะ
เขาพูดขึ้นเบาๆ “พ่ะย่ะค่ะ! ”
หลังจากนั้น เขาก็เดินไปถึงปากถ้ำและโยนขลุ่ยในมือไปทางซูอวี้ “อวี้เอ๋อร์ เล่นบทเพลงใต้หล้าดั่งความฝัน”
ซูอวี้ยื่นมือไปรับขลุ่ยแล้วพูดอย่างไม่ลังเล “ขอรับ! ”
จากนั้นเขาก็ยกขลุ่ยขึ้นมาเป่า
ใต้หล้าดั่งความฝัน
ใต้หล้าในฝัน
ผู้ใดกลับชาติมาเกิด หินสามชาติสามภพ สลักลิขิตรัก
ผู้ใดปกป้องมานับพันปี เพียงเพื่อเวียนกลับมาในชาตินี้
ดอกปี่อั้นเบ่งบาน ดอกปี่อั้นเบ่งบาน
ผู้ใดเหยียบประตูแดนนรก ไม่ได้กลับมาเกิดตลอดกาล
ผู้ใดถือครองใต้หล้า บรรเทาทุกข์ปวงประชา
เส้นทางในยมโลก โดดเดี่ยวอ้างว้าง…
เส้นทางจักรพรรดิ โดดเดี่ยวทว่าได้คนงามช่วย
บทเพลงนี้ ใต้หล้าดั่งความฝัน
……
เสียงเพลงทอดยาว อ้อยอิ่งไพเราะเสนาะหู
ส่วนประโยคที่ซูจิ่นซีพูดกับอวิ๋นจิ่นนั้นมีความหมายอันใด ตงหลิงหวงและเป่ยถังฉินเกอต่างสับสน สามคนภายในถ้ำยิ่งไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ทว่ามีเพียงอู๋จุนและเยี่ยโยวเหยาเท่านั้นที่รู้แน่ชัด
ทั้งสองขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ช่างเป็นบทเพลงใต้หล้าดั่งความฝันที่ดีมาก! ” ตงหลิงหวงเอ่ย “โยวอ๋อง พระชายาโยวอ๋อง หมอหลวงอวิ๋น เจ้าหุบเขาอู๋ เป่ยถังฮูหยิน วันนี้พวกเราจะฆ่าพวกมันไม่ให้เหลือซาก กำจัดฝูงหมาป่าหิมะบนเขาคุนหลุน จะได้ไม่ทำอันตรายใครอีก! ”
“รัชทายาทตงเฉินพูดถูก! ” เป่ยถังฉินเกอเอ่ยขึ้น
แสงในดวงตาอวิ๋นจิ่นค่อยๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เสื้อผ้าของเขาปลิวไสวท่ามกลางสายลมยามค่ำคืน… หากมองใกล้ๆ อย่างละเอียดจะพบว่า แม้กระทั่งซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยายังมีคราบเลือดติดอยู่บนชุด ทว่าบนชุดสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะกลับไม่มีสีแดงแปดเปื้อนแม้แต่น้อย
ไอสังหารรอบกายเย็นลง ในชั่วพริบตา เสมือนเทพที่ถูกเนรเทศลงมาจากสรวงสวรรค์ผู้นั้น เทพสังหารที่เยื้องย่างออกมาจากขุมนรกผู้นั้นได้กลับมาอีกครั้ง
หมาป่าหิมะที่มองอยู่อดถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวไม่ได้