บทที่ 872 สั่งสอนให้รู้สำนึก

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

หลังจาก 1 ปีผ่านไป ราชาเทพมารหกปรารถนาหรือว่าเสี่ยวลิ่วก็คลายม่านพลังที่ปกปิดนางกับหลิงตู้ฉิงออก

นางมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพูดว่า “มิน่าล่ะทำไมท่านถึงไม่อยากจะเจอข้านัก ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ใช่! ข้ากำลังไปได้สวยกับเส้นทางใหม่ของข้าอยู่ดี ๆ แต่เป็นเพราะการปรากฏตัวของเจ้าทำให้ข้าลำบากไปพักใหญ่!”

“แต่ตอนนี้ข้าชดใช้ให้ท่านแล้วจริงไหม?” ราชาเทพมารหกปรารถนาเอ่ยขึ้น

“มันเป็นบาปที่เจ้าต้องชดใช้” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

เมื่อพูดจบหลิงตู้ฉิงก็ยืดเส้นยืดสาย จากนั้นเขาก็ลองสำรวจตัวเอง ซึ่งในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาได้ทะลวงมาถึงระดับนักบุญเรียบร้อยแล้ว

เหตุผลที่เขาทะลวงระดับมาได้เร็วขนาดนี้นั้นเป็นเพราะในระหว่างที่เขาทำกิจกรรมร่วมกับราชาเทพมารหกปรารถนามันทำให้เขาได้เข้าใจในเต๋าหกปรารถนาจนทะลุปรุโปร่ง และใช้ความเข้าใจนั้นมาเติมเต็มความปรารถนาทั้งหกของเขาเองจนสมบูรณ์แบบ

ไม่นานหลังจากที่หลิงตู้ฉิงและราชาเทพมารหกปรารถนาเสร็จกิจ หวงซีก็เดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยสีหน้าซับซ้อนและพูดว่า “ในที่สุดพวกท่านก็เสร็จกันสักที! ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาการคัดเลือกมหาปราชญ์แล้ว ซึ่งเหล่าศิษย์ของปราชญ์ถังกำลังอยู่ในระหว่างปรึกษากันอยู่ว่าจะสนับสนุนปราชญ์ถังยังไง”

“ข้าแนะนำว่าตอนนี้ท่านควรจะไปดูพวกเขาสักหน่อย เพราะในเวลานี้พวกเขาไม่เห็นลูก ๆ ของท่านอยู่ในสายตาเลย พวกเขาอ้างว่าลูก ๆ ของท่านมีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำเกินไป และถึงแม้ว่าปราชญ์ถังจะเอ่ยออกมาแล้วว่าแผนการทั้งหมดจะให้ท่านเป็นคนตัดสินใจ แต่คนอื่น ๆ ก็มองว่าท่านไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นคนนำพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงอยากจะทำตามแผนการของพวกเขาเอง”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพวกเราไปดูกันก่อน หากใครไม่เชื่อฟังข้า เมื่อถึงเวลาข้าจะสั่งสอนพวกเขาให้รู้สำนึกเอง”

ในเวลาเดียวกัน ตอนนี้มีคนมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่หน้ากระท่อมไม้ของถังชี่หยุน เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องมาปรึกษากันว่าจะสนับสนุนถังชี่หยุนยังไง

เหตุผลที่พวกเขาจำเป็นต้องจริงจังกันขนาดนี้ก็เพราะหากถังชี่หยุนกลายเป็นมหาปราชญ์ได้สำเร็จ พวกเขาจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากการติดตามนาง

ในทันทีที่หลิงตู้ฉิงปรากฏตัวขึ้น หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิผู้หนึ่งก้าวออกมาจากฝูงชน และพูดกับหลิงตู้ฉิงอย่างไม่เกรงใจว่า “ถึงแม้ว่าอาจารย์จะมอบหมายหน้าที่ให้เจ้าเป็นผู้สั่งการพวกเราทั้งหมด แต่ข้ารู้สึกว่ามันคงจะดีกว่าหากพวกข้าจะทำตามแผนของพวกข้าเอง ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเจ้าอย่าได้บังอาจมาชี้นิ้วสั่งอะไรพวกข้าทั้งนั้น”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “สรุปคือเจ้าจะไม่เชื่อฟังคำพูดของอาจารย์เจ้าใช่ไหม?”

“ข้าเคารพในคำพูดของอาจารย์ข้าอยู่แล้ว แต่เจ้าไม่เห็นสารรูปของเจ้าเองรึไง? ระดับการบ่มเพาะของเจ้าอยู่ในระดับแค่นี้เจ้ามีคุณสมบัติอะไรจะมาสั่งพวกข้า?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

“ขอบเขตจักรพรรดิขั้นปลาย? เจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติมากกว่าข้างั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงถามกลับ

“อย่างน้อย ๆ ก็ดีกว่าเจ้าก็แล้วกันไอ้ระดับนักบุญ!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิตวาดขึ้น

“งั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงไม่เถียงอะไรต่อ แต่เขาโคจรพลังเบญจธาตุและชกไปที่กลางอกของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิทันที

ด้วยหมัดที่เต็มไปด้วยอำนาจของธาตุหลักทั้งห้าที่เกื้อหนุนกัน มันส่งผลให้พลังของกฎต่าง ๆ ที่อยู่ในร่างของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิถูกผนึกไว้ในทันทีโดยที่เขาไม่สามารถต่อต้านหรือดึงพวกมันออกมาใช้ต่อกรกับหลิงตู้ฉิงได้เลย เขาทำได้เพียงแค่มองหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตะลึงค้างโดยที่หมัดของหลิงตู้ฉิงยังคาอยู่ในรอยยุบที่หน้าอกของเขา

“ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าเพราะเจ้ายังคงมีประโยชน์อยู่ แต่ตอนนี้เจ้าคงจะรู้ดีแล้วว่าถ้าหากข้าอยากจะเอาชีวิตเจ้ามันก็ง่ายเหมือนข้าบี้มดบี้แมลง!” จากนั้นหลิงตู้ฉิงหันไปพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “ข้าขอเตือนพวกเจ้าทุกคนให้ชัดเจนตรงนี้เอาไว้เลย เมื่อถึงเวลาหากใครไม่ฟังคำสั่งข้า ข้าจะฆ่ามันผู้นั้นทันทีโดยไม่มีการเตือนซ้ำ!”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ดึงหมัดของตัวเองกลับและถอนพลังเบญจธาตุออกจากร่างของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ

ทางด้านของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเมื่อถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ เขาก็รีบโคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บที่หน้าอกของเขาทันที พร้อมกับรีบก้มหน้าเดินถอยหลังไปด้วยสีหน้าหวาดกลัวและไม่กล้าพูดอะไรอีก

หลิงตู้ฉิงยังคงจ้องมองไปที่เหล่าผู้คนและพูดขึ้นอีกว่า “พวกเจ้าทุกคนจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า หากข้าบอกให้ใครออกไปสู้คนผู้นั้นจะต้องออกไปสู้ให้เต็มที่ตามที่ข้าสั่ง หากใครขัดคำสั่งของข้าไม่ยอมออกไปสู้หรือออกไปสู้แล้วแต่จงใจสู้ไม่เต็มที่ ข้าจะฆ่าคนผู้นั้นในทันทีและแน่นอนว่าลูก ๆ ของข้าทั้งหมดจะร่วมต่อสู้ไปกับพวกเจ้าด้วยเช่นกัน”

บรรดาผู้คนทั้งหลายเมื่อได้ยินเช่นนี้ต่างก็นิ่งเงียบกันไปพักใหญ่ แต่ในท่ายที่สุดก็มีใครบางคนที่ตะโกนขึ้นมาว่า “พวกเรายอมรับในความสามารถของท่าน แต่สำหรับลูก ๆ ของท่านแล้วระดับการบ่มเพาะสูงสุดในหมู่พวกเขาอยู่แค่ระดับนภาคราม และระดับต่ำสุดอยู่ในระดับเหนือล้ำแค่นั้นเอง หากท่านให้พวกเขาออกไปสู้มันจะไม่เป็นการส่งพวกเขาออกไปตายรึไง?”

ด้วยความช่วยเหลือที่หลิงตู้ฉิงทำให้พวกเขาเห็นอนาคตเส้นทางการบ่มเพาะของตัวเอง หลิงยู่ชาน และคนอื่น ๆ จึงทะลวงระดับการบ่มเพาะกันได้อย่างบ้าคลั่งในช่วงเวลาสั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่นก่อนมาถึงที่นี่ระดับการบ่มเพาะของหลิงไช่หยุนนั้นอยู่ในระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แต่แค่เวลาผ่านไปเพียงปีเดียวนับจากที่หลิงตู้ฉิงให้นางเห็นอนาคตนางก็ทะลวงระดับมาเป็นระดับนภาคราม ส่วนหลิงยู่ชานก็ทะลวงระดับมาอยู่ที่ระดับเหนือล้ำ

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของลูก ๆ หลิงตู้ฉิงจะนับได้ว่าไม่ได้ต่ำต้อยอะไรหากเทียบกับโลกภายนอก แต่สำหรับงานคัดเลือกมหาปราชญ์ที่มีการแข่งขันดุเดือดรุนแรง ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาแค่นี้จึงนับได้ว่าอยู่ในระดับท้าย ๆ ของเหล่าผู้สนับสนุนที่มารวมตัวกันที่นี่

หลิงตู้ฉิงเหล่มองไปที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันที่พูดท้วงขึ้นเมื่อครู่ จากนั้นเขาหันไปพูดกับหลิงยู่ชานว่า “ยู่ชาน เจ้าออกไปสั่งสอนคนผู้นั้นที”

“ด้วยความยินดีท่านพ่อ!” หลิงยู่ชานหัวเราะ

จากนั้นหลิงยู่ชานเดินตรงดิ่งไปหาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน และพูดว่า “เจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะชกเจ้าแค่หมัดเดียวเท่านั้น ซึ่งหลังจากหมัดนี้หากเจ้ายังคงยืนหยัดได้มันก็เป็นข้าที่แพ้!”

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันแสดงสีหน้าเย้ยหยันและตอบกลับ “แน่นอนว่ามันต้องเป็นเจ้าที่แพ้!”

“ในเมื่อเจ้ามั่นใจขนาดนี้งั้นข้าขอไม่ออมแรงเลยก็แล้วกัน!” หลิงยู่ชานหัวเราะ

เมื่อพูดจบ หลิงยู่ชานก็โคจรพลังสายเลือดของเขาทันทีจนมีเสียงระเบิดดังลั่นและพร้อมกันนั้นหมอกเลือดสีแดงสดก็ปะทุออกมากจากรูขุมขนปกคลุมไปทั่วร่างของเขา จากนั้นเขาง้างหมัดต่อไปที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันอย่างเต็มแรงในทันที

“นี่เจ้าเป็นคนของสันเขาทรราช?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันอุทานขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ และมันทำให้เขาประเมินพลังของหลิงยู่ชานสูงขึ้นมาอีกระดับ

เป็นที่รู้กันทั่วไปอยู่แล้วว่าคนของสันเขาทรราชทุกคนนั้นใช้พลังสายเลือดของตนเองในการต่อสู้ และมันทำให้ความแข็งแกร่งแท้จริงของพวกเขาสูงมากกว่าระดับการบ่มเพาะของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันก็ยังคงคิดอยู่ในใจว่า ต่อให้หลิงยู่ชานจะเป็นคนของสันเขาทรราชและมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำปกติแน่นอน แต่เขาในตอนนี้มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตราชัน ดังนั้นเขาก็ควรจะไม่มีอะไรต้องห่วงจริงไหม?

แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงมันต่างจากที่เขาคิดอย่างสิ้นเชิง เพราะเมื่อหมัดของหลิงยู่ชานถูกปล่อยออกมา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันก็รู้สึกได้ว่าร่างของเขาถูกตรึงอยู่กับที่ไม่สามารถขยับหนีได้นอกซะจากการป้องกันตัวเอง

“เจตจำนงแห่งหมัด!?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันอุทานขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

จากนั้นเขารีบดึงพลังแห่งกฎของสวรรค์และโลกที่อยู่รอบ ๆ บริเวณมาไว้ที่หมัดของเขา และปล่อยหมัดสวนออกไปเพื่อปะทะกับหมัดของหลิงยู่ชานตรง ๆ

ปัง!! หมัดของทั้งคู่ปะทะกันเข้าอย่างจัง ซึ่งจากแรงปะทะทำให้หลิงยู่ชานต้องถอยร่นไปสองสามก้าว

แต่ในทางกลับกัน แขนขวาทั้งข้างของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันกลับแหลกละเอียดกลายเป็นหมอกเลือดไปจนหมด

จากผลลัพธ์ที่ออกมามันเห็นได้ชัดว่าหากวัดกันในเรื่องพละกำลัง หลิงยู่ชานนั้นเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันซะอีก!