ในขณะเดียวกัน สีหน้าของนักพรตอวี้หยางและผู้อาวุโสทั้งหกยิ่งดูแย่ลงเรื่อยๆ ผู้อาวุโสท่านหนึ่งอาเจียนเป็นเลือด
เยี่ยโยวเหยารีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยพยุงเขา จากนั้นจึงรวบรวมพลังภายในอยู่ระหว่างฝ่ามือทั้งสองข้างและส่งถ่ายพลังไปในร่างของผู้อาวุโส
คนที่เหลือร่างกายเริ่มไม่มั่นคง
“รีบมาช่วย! ”
ซูจิ่นซีรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วเข้าร่วมค่ายกล
อวิ๋นจิ่น อู๋จุน ตงหลิงหวง และเป่ยถังฉินเกอต่างตอบรับและเข้าร่วมค่ายกลเช่นกัน
เดิมทีดาวทั้งเจ็ดที่เชื่อมต่อกันใกล้ริบหรี่ลง ค่อยๆ สว่างขึ้นมาอีกครั้ง แสงสว่างขับไล่เมฆดำ ฝั่งนักพรตอวี้หยางเริ่มได้เปรียบ
ทันใดนั้น นักพรตจื่ออินก็ลืมตาขึ้น เขาเหลือบมองซูจิ่นซีและคนอื่นๆ นัยน์ตาปรากฏแสงดุร้ายแวบผ่าน ทันใดนั้นก็ดึงฝ่ามือแล้วผลักพลังใส่ซูจิ่นซี
“พระชายา… ”
“แม่นางพิษน้อย… ”
อวิ๋นจิ่นและอู๋จุนถอนฝ่ามือเกือบจะพร้อมกันและเหาะไปหาซูจิ่นซี ทว่าเยี่ยโยวเหยาเร็วกว่าพวกเขาสองคน
เยี่ยโยวเหยามาอยู่ข้างกายซูจิ่นซีด้วยความเร็วดุจสายลม และพาซูจิ่นซีเหาะขึ้นไป ดังนั้นพลังฝ่ามืออันแข็งแกร่งของนักพรตจื่ออินจึงผ่านปลายผ้าของทั้งสองไปอย่างฉิวเฉียด แม้จะน่าหวาดเสียว ทว่าทุกคนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า ขณะที่แววตาของทุกคนจับจ้องไปที่ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา นักพรตจื่ออินกลับฉวยโอกาสรวมพลังฝ่ามือใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็วและซัดออกไปอย่างเต็มที่ ทันใดนั้นมันก็ถูกผลักไปทางนักพรตอวี้หยางและผู้อาวุโสทั้งหกที่จัดค่ายกลกระบี่เจ็ดดาว
ครั้งนี้พลังที่ส่งมาโหดเหี้ยมและรุนแรงกว่าครั้งก่อน ผู้อาวุโสทั้งหกยกเว้นนักพรตจื่ออินถูกผลักกระเด็นออกไป จากนั้นนักพรตอวี้หยางและนักพรตจื่ออินก็ต่อสู้กัน
กระบวนท่าของทั้งสองรวดเร็วมาก จนเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีมองไม่ชัด
จวินอู๋เย่ขมวดคิ้วเบาๆ “ปกติวรยุทธ์ของนักพรตจื่ออินสู้ท่านอาจารย์ไม่ได้ จู่ๆ เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้? ”
ลูกศิษย์ที่นำทุกคนมาต้อนรับเยี่ยโยวเหยาและคนอื่นๆ ด้านนอกสำนักคือเสวียนเจิ้นจื่อ น้องชายคนรองของนักพรตอวี้หยาง เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์อาจื่ออินแอบฝึกวรยุทธ์ต้องห้าม ‘พลังเทพผนึกมาร’ ที่หอคัมภีร์ฉงชางโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ จนกระทั่งเมื่อเจ็ดวันก่อน ตอนที่เขาถูกท่านอาจารย์เรียกไปถาม จู่ๆ ก็ระเบิดออกมา เขาทำร้ายอาจารย์และยังฆ่าลูกศิษย์ในสำนักไปไม่น้อย”
หอคัมภีร์ฉงชางเป็นหอคัมภีร์ลึกลับของสำนักกระบี่คุนหลุน มีเพียงเจ้าสำนักเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ‘พลังเทพผนึกมาร’ เป็นวรยุทธ์ชั่วร้ายโหดเหี้ยมอย่างมาก บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งได้มาตอนที่ต่อสู้กับเผ่ามารที่แดนมารในตอนนั้น แม้จะนำกลับมาที่สำนัก ทว่ามันถูกผนึกไว้ที่หอคัมภีร์ฉงชางและไม่อนุญาตให้ลูกศิษย์ผู้ใดในสำนักฝึกฝน นักพรตจื่ออินเอามาได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เยี่ยโยวเหยาไม่มีเวลาครุ่นคิดมากนัก
นักพรตจื่ออินและนักพรตอวี้หยางต่อสู้กันโดยไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปแทรกแซงได้ อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าก็รู้ผลแพ้ชนะของทั้งสอง เมื่อครู่นักพรตจื่ออินรวบรวมพลังถึงสิบส่วนเพื่อจัดการกับนักพรตอวี้หยางและผู้อาวุโสทั้งหก พลังจึงได้รับความเสียหาย หลังจากต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่า ความเร็วก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เขารับกระบวนท่าของนักพรตอวี้หยางไม่ไหว
นักพรตอวี้หยางฉวยโอกาสบังคับนักพรตจื่ออินไปที่ขอบหน้าผา การต่อสู้ของทั้งสองน่าหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ผู้ชมอดตื่นเต้นไม่ได้
บอกได้เลยว่านักพรตอวี้หยางเมตตาเกินไปด้วยซ้ำ หลายครั้งที่นักพรตจื่ออินเกือบตกหน้าผา เป็นนักพรตอวี้หยางที่ได้แสดงความเมตตาให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อ ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนไม่คาดคิดก็คือ ขณะที่นักพรตจื่ออินรู้ว่าตนเองไม่อาจเอาชนะนักพรตอวี้หยางได้นั้น เขาจึงดึงนักพรตอวี้หยางกระโดดลงหน้าผาไปพร้อมกัน
“ท่านอาจารย์… ”
เยี่ยโยวเหยา เสวียนเจิ้นจื่อ และคนอื่นพลันหน้าถอดสี
เยี่ยโยวเหยากระโดดตามลงไปโดยไม่คิด ซูจิ่นซีหน้าเปลี่ยนสี นางไล่ตามไปที่ขอบผาทว่ากลับถูกอู๋จุนขวางไว้
“แม่นางพิษน้อย เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ? หน้าผาสูงชันเช่นนี้ สถานการณ์ด้านล่างเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ เจ้าตามไปคิดจะฆ่าตัวตายหรือ? ”
ซูจิ่นซีดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ ต้องการหลุดพ้นจากมือของอู๋จุน “เจ้าปล่อยข้า ข้ารู้ขอบเขตตนเองดี”
“ไม่ปล่อย! ”
อู๋จุนดวงตาแดงก่ำราวกับเลือด ทั้งยังแน่วแน่อย่างยิ่ง “หากไม่คิดถึงตนเองก็คิดถึงเด็กในท้องบ้างได้หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีเป็นกังวลมากเพียงใด?
แววตาของนางเย็นชาและแน่วแน่ยิ่งกว่าอู๋จุน “พูดอีกครั้ง ปล่อย หากไม่ปล่อย อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
อู๋จุนไม่ได้พูดอันใด ซูจิ่นซีจึงหมุนข้อมืออย่างรวดเร็ว ตรงระหว่างนิ้วมีแสงระยิบระยับ จู่ๆ เข็มเหมันต์เทวะก็ถูกสอดเข้าไปที่จุดสำคัญบนข้อมือ อู๋จุนสะดุ้งและปล่อยมือทันที
ซูจิ่นซีหมุนตัวไล่ตามลงหน้าผาไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
อู๋จุนมองไปที่เข็มโปร่งใสประกายระยิบระยับบนข้อมือ พลางยกยิ้มมุมปากอย่างขมขื่น ใช้เข็มเหมันต์เทวะจัดการเขาอีกแล้วหรือ? เขารู้ดีว่าห้ามไม่อยู่
อวิ๋นจิ่นตบบ่าอู๋จุน “วางใจได้ มีข้าอยู่! ” พูดจบ อวิ๋นจิ่นก็กระโดดลงหน้าผาตามซูจิ่นซี
ในเมื่อเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซี และอวิ๋นจิ่นไปแล้ว จะขาดอู๋จุนและตงหลิงหวงได้อย่างไร?
ทั้งสองจึงตามลงไปด้วย
วรยุทธ์ของเป่ยถังฉินเกอ เสวียนเจิ้นจื่อ และลูกศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนไม่สูงส่งมากนัก หากตามลงไปคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย ทำได้เพียงรออยู่บนหน้าผาเท่านั้น
หลังจากที่ซูจิ่นซีกระโดดลงหน้าผาไปไม่นาน “โฮก… ” ทันใดนั้น สัตว์เทพกิเลนไม่รู้ปรากฏกายขึ้นจากที่ใด มันให้อวิ๋นจิ่น อู๋จุน และตงหลิงหวงนั่งบนหลังและไล่ตามไป
“พระชายาโยวอ๋อง! ”
ตงหลิงหวงยื่นมือออกไปหาซูจิ่นซี ซูจิ่นซียื่นมือให้แล้วถูกดึงขึ้นมาบนหลังสัตว์เทพกิเลน
ทว่านางไม่มีเวลาสนใจมากนัก แววตามองไปที่ด้านล่างหน้าผา ทว่าน่าเสียดายที่เมฆปกคลุมแน่นหนาจนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย
“พระชายาวางพระทัย ในเมื่อท่านอ๋องตามลงมา แสดงว่าเขามีแผน เขาไม่เป็นอันใดแน่พ่ะย่ะค่ะ” อวิ๋นจิ่นกล่าว
เมื่อสิ้นเสียงของอวิ๋นจิ่น ข้างหูก็มีเสียงต่อสู้ด้วยกำลังภายในดังขึ้น ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเมื่อรู้ว่าเยี่ยโยวเหยาอยู่ไม่ไกลจากตนเองแล้ว
สัตว์เทพกิเลนพาทุกคนลงมาบนพื้นด้วยความเร็วสูง ผ่านไปไม่นานก็เห็นเยี่ยโยวเหยาและนักพรตอวี้หยางกำลังปีนหน้าผาและต่อสู้กับนักพรตจื่ออิน
ซูจิ่นซีกระโดดเป็นแนวดิ่งไปอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยา
“เยี่ยโยวเหยา… ”
เยี่ยโยวเหยาเหลือบมองซูจิ่นซี เขาผลักนักพรตอวี้หยางไปตรงหน้าซูจิ่นซี “ดูแลท่านอาจารย์ให้ดี”
ซูจิ่นซียังไม่ทันได้ตอบ นักพรตอวี้หยางก็ล้มลงบนร่างของนาง นางขมวดคิ้วแน่น จากนั้นจึงพบว่าใบหน้าของนักพรตอวี้หยางซีดขาวอย่างมาก ที่ท้องยังมีกริชเหมันต์เสียบอยู่
นางมีเข็มเหมันต์เทวะ ดังนั้นเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพลังทำลายล้างของอาวุธสังหารที่เป็นผลจากกริชเหมันต์มีมากกว่าอาวุธเทพทั่วไปหลายสิบเท่าหลายร้อยเท่า
เดิมทีนักพรตอวี้หยางได้รับบาดเจ็บ การต่อสู้กับนักพรตจื่ออินใช้พลังเป็นจำนวนมาก ทั้งตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บจากกริชเหมันต์อีก
เกรงว่า… น่าเป็นห่วงอย่างมาก
ขณะที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในจิตใจ ซูจิ่นซีจึงแบมือออก ฝ่ามือปรากฏยาเม็ดจำนวนมาก นางป้อนใส่ในปากของนักพรตอวี้หยางทันที
นักพรตอวี้หยางคิ้วขาว ใบหน้าขาวกว่าเส้นผมและเคราเสียอีก อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดว่าตอนที่กำลังอยู่ในอันตรายเช่นนี้ เขายังสังเกตซูจิ่นซีอย่างละเอียด
“เจ้าคือพระชายาของเหยาเอ๋อร์?”