เล่มที่ 33 เล่มที่ 33 ตอนที่ 980 วรยุทธ์ลึกลับวิหารเทพฉงชาง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ในขณะเดียวกัน สีหน้าของนักพรตอวี้หยางและผู้อาวุโสทั้งหกยิ่งดูแย่ลงเรื่อยๆ ผู้อาวุโสท่านหนึ่งอาเจียนเป็นเลือด

เยี่ยโยวเหยารีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยพยุงเขา จากนั้นจึงรวบรวมพลังภายในอยู่ระหว่างฝ่ามือทั้งสองข้างและส่งถ่ายพลังไปในร่างของผู้อาวุโส

คนที่เหลือร่างกายเริ่มไม่มั่นคง

“รีบมาช่วย! ”

ซูจิ่นซีรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วเข้าร่วมค่ายกล

อวิ๋นจิ่น อู๋จุน ตงหลิงหวง และเป่ยถังฉินเกอต่างตอบรับและเข้าร่วมค่ายกลเช่นกัน

เดิมทีดาวทั้งเจ็ดที่เชื่อมต่อกันใกล้ริบหรี่ลง ค่อยๆ สว่างขึ้นมาอีกครั้ง แสงสว่างขับไล่เมฆดำ ฝั่งนักพรตอวี้หยางเริ่มได้เปรียบ

ทันใดนั้น นักพรตจื่ออินก็ลืมตาขึ้น เขาเหลือบมองซูจิ่นซีและคนอื่นๆ นัยน์ตาปรากฏแสงดุร้ายแวบผ่าน ทันใดนั้นก็ดึงฝ่ามือแล้วผลักพลังใส่ซูจิ่นซี

“พระชายา… ”

“แม่นางพิษน้อย… ”

อวิ๋นจิ่นและอู๋จุนถอนฝ่ามือเกือบจะพร้อมกันและเหาะไปหาซูจิ่นซี ทว่าเยี่ยโยวเหยาเร็วกว่าพวกเขาสองคน

เยี่ยโยวเหยามาอยู่ข้างกายซูจิ่นซีด้วยความเร็วดุจสายลม และพาซูจิ่นซีเหาะขึ้นไป ดังนั้นพลังฝ่ามืออันแข็งแกร่งของนักพรตจื่ออินจึงผ่านปลายผ้าของทั้งสองไปอย่างฉิวเฉียด แม้จะน่าหวาดเสียว ทว่าทุกคนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า ขณะที่แววตาของทุกคนจับจ้องไปที่ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา นักพรตจื่ออินกลับฉวยโอกาสรวมพลังฝ่ามือใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็วและซัดออกไปอย่างเต็มที่ ทันใดนั้นมันก็ถูกผลักไปทางนักพรตอวี้หยางและผู้อาวุโสทั้งหกที่จัดค่ายกลกระบี่เจ็ดดาว

ครั้งนี้พลังที่ส่งมาโหดเหี้ยมและรุนแรงกว่าครั้งก่อน ผู้อาวุโสทั้งหกยกเว้นนักพรตจื่ออินถูกผลักกระเด็นออกไป จากนั้นนักพรตอวี้หยางและนักพรตจื่ออินก็ต่อสู้กัน

กระบวนท่าของทั้งสองรวดเร็วมาก จนเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีมองไม่ชัด

จวินอู๋เย่ขมวดคิ้วเบาๆ “ปกติวรยุทธ์ของนักพรตจื่ออินสู้ท่านอาจารย์ไม่ได้ จู่ๆ เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้? ”

ลูกศิษย์ที่นำทุกคนมาต้อนรับเยี่ยโยวเหยาและคนอื่นๆ ด้านนอกสำนักคือเสวียนเจิ้นจื่อ น้องชายคนรองของนักพรตอวี้หยาง เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์อาจื่ออินแอบฝึกวรยุทธ์ต้องห้าม ‘พลังเทพผนึกมาร’ ที่หอคัมภีร์ฉงชางโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ จนกระทั่งเมื่อเจ็ดวันก่อน ตอนที่เขาถูกท่านอาจารย์เรียกไปถาม จู่ๆ ก็ระเบิดออกมา เขาทำร้ายอาจารย์และยังฆ่าลูกศิษย์ในสำนักไปไม่น้อย”

หอคัมภีร์ฉงชางเป็นหอคัมภีร์ลึกลับของสำนักกระบี่คุนหลุน มีเพียงเจ้าสำนักเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ‘พลังเทพผนึกมาร’ เป็นวรยุทธ์ชั่วร้ายโหดเหี้ยมอย่างมาก บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งได้มาตอนที่ต่อสู้กับเผ่ามารที่แดนมารในตอนนั้น แม้จะนำกลับมาที่สำนัก ทว่ามันถูกผนึกไว้ที่หอคัมภีร์ฉงชางและไม่อนุญาตให้ลูกศิษย์ผู้ใดในสำนักฝึกฝน นักพรตจื่ออินเอามาได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เยี่ยโยวเหยาไม่มีเวลาครุ่นคิดมากนัก

นักพรตจื่ออินและนักพรตอวี้หยางต่อสู้กันโดยไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปแทรกแซงได้ อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าก็รู้ผลแพ้ชนะของทั้งสอง เมื่อครู่นักพรตจื่ออินรวบรวมพลังถึงสิบส่วนเพื่อจัดการกับนักพรตอวี้หยางและผู้อาวุโสทั้งหก พลังจึงได้รับความเสียหาย หลังจากต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่า ความเร็วก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เขารับกระบวนท่าของนักพรตอวี้หยางไม่ไหว

นักพรตอวี้หยางฉวยโอกาสบังคับนักพรตจื่ออินไปที่ขอบหน้าผา การต่อสู้ของทั้งสองน่าหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ผู้ชมอดตื่นเต้นไม่ได้

บอกได้เลยว่านักพรตอวี้หยางเมตตาเกินไปด้วยซ้ำ หลายครั้งที่นักพรตจื่ออินเกือบตกหน้าผา เป็นนักพรตอวี้หยางที่ได้แสดงความเมตตาให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อ ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนไม่คาดคิดก็คือ ขณะที่นักพรตจื่ออินรู้ว่าตนเองไม่อาจเอาชนะนักพรตอวี้หยางได้นั้น เขาจึงดึงนักพรตอวี้หยางกระโดดลงหน้าผาไปพร้อมกัน

“ท่านอาจารย์… ”

เยี่ยโยวเหยา เสวียนเจิ้นจื่อ และคนอื่นพลันหน้าถอดสี

เยี่ยโยวเหยากระโดดตามลงไปโดยไม่คิด ซูจิ่นซีหน้าเปลี่ยนสี นางไล่ตามไปที่ขอบผาทว่ากลับถูกอู๋จุนขวางไว้

“แม่นางพิษน้อย เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ? หน้าผาสูงชันเช่นนี้ สถานการณ์ด้านล่างเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ เจ้าตามไปคิดจะฆ่าตัวตายหรือ? ”

ซูจิ่นซีดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ ต้องการหลุดพ้นจากมือของอู๋จุน “เจ้าปล่อยข้า ข้ารู้ขอบเขตตนเองดี”

“ไม่ปล่อย! ”

อู๋จุนดวงตาแดงก่ำราวกับเลือด ทั้งยังแน่วแน่อย่างยิ่ง “หากไม่คิดถึงตนเองก็คิดถึงเด็กในท้องบ้างได้หรือไม่? ”

ซูจิ่นซีเป็นกังวลมากเพียงใด?

แววตาของนางเย็นชาและแน่วแน่ยิ่งกว่าอู๋จุน “พูดอีกครั้ง ปล่อย หากไม่ปล่อย อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

อู๋จุนไม่ได้พูดอันใด ซูจิ่นซีจึงหมุนข้อมืออย่างรวดเร็ว ตรงระหว่างนิ้วมีแสงระยิบระยับ จู่ๆ เข็มเหมันต์เทวะก็ถูกสอดเข้าไปที่จุดสำคัญบนข้อมือ อู๋จุนสะดุ้งและปล่อยมือทันที

ซูจิ่นซีหมุนตัวไล่ตามลงหน้าผาไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

อู๋จุนมองไปที่เข็มโปร่งใสประกายระยิบระยับบนข้อมือ พลางยกยิ้มมุมปากอย่างขมขื่น ใช้เข็มเหมันต์เทวะจัดการเขาอีกแล้วหรือ? เขารู้ดีว่าห้ามไม่อยู่

อวิ๋นจิ่นตบบ่าอู๋จุน “วางใจได้ มีข้าอยู่! ” พูดจบ อวิ๋นจิ่นก็กระโดดลงหน้าผาตามซูจิ่นซี

ในเมื่อเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซี และอวิ๋นจิ่นไปแล้ว จะขาดอู๋จุนและตงหลิงหวงได้อย่างไร?

ทั้งสองจึงตามลงไปด้วย

วรยุทธ์ของเป่ยถังฉินเกอ เสวียนเจิ้นจื่อ และลูกศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนไม่สูงส่งมากนัก หากตามลงไปคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย ทำได้เพียงรออยู่บนหน้าผาเท่านั้น

หลังจากที่ซูจิ่นซีกระโดดลงหน้าผาไปไม่นาน “โฮก… ” ทันใดนั้น สัตว์เทพกิเลนไม่รู้ปรากฏกายขึ้นจากที่ใด มันให้อวิ๋นจิ่น อู๋จุน และตงหลิงหวงนั่งบนหลังและไล่ตามไป

“พระชายาโยวอ๋อง! ”

ตงหลิงหวงยื่นมือออกไปหาซูจิ่นซี ซูจิ่นซียื่นมือให้แล้วถูกดึงขึ้นมาบนหลังสัตว์เทพกิเลน

ทว่านางไม่มีเวลาสนใจมากนัก แววตามองไปที่ด้านล่างหน้าผา ทว่าน่าเสียดายที่เมฆปกคลุมแน่นหนาจนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย

“พระชายาวางพระทัย ในเมื่อท่านอ๋องตามลงมา แสดงว่าเขามีแผน เขาไม่เป็นอันใดแน่พ่ะย่ะค่ะ” อวิ๋นจิ่นกล่าว

เมื่อสิ้นเสียงของอวิ๋นจิ่น ข้างหูก็มีเสียงต่อสู้ด้วยกำลังภายในดังขึ้น ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเมื่อรู้ว่าเยี่ยโยวเหยาอยู่ไม่ไกลจากตนเองแล้ว

สัตว์เทพกิเลนพาทุกคนลงมาบนพื้นด้วยความเร็วสูง ผ่านไปไม่นานก็เห็นเยี่ยโยวเหยาและนักพรตอวี้หยางกำลังปีนหน้าผาและต่อสู้กับนักพรตจื่ออิน

ซูจิ่นซีกระโดดเป็นแนวดิ่งไปอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยา

“เยี่ยโยวเหยา… ”

เยี่ยโยวเหยาเหลือบมองซูจิ่นซี เขาผลักนักพรตอวี้หยางไปตรงหน้าซูจิ่นซี “ดูแลท่านอาจารย์ให้ดี”

ซูจิ่นซียังไม่ทันได้ตอบ นักพรตอวี้หยางก็ล้มลงบนร่างของนาง นางขมวดคิ้วแน่น จากนั้นจึงพบว่าใบหน้าของนักพรตอวี้หยางซีดขาวอย่างมาก ที่ท้องยังมีกริชเหมันต์เสียบอยู่

นางมีเข็มเหมันต์เทวะ ดังนั้นเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพลังทำลายล้างของอาวุธสังหารที่เป็นผลจากกริชเหมันต์มีมากกว่าอาวุธเทพทั่วไปหลายสิบเท่าหลายร้อยเท่า

เดิมทีนักพรตอวี้หยางได้รับบาดเจ็บ การต่อสู้กับนักพรตจื่ออินใช้พลังเป็นจำนวนมาก ทั้งตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บจากกริชเหมันต์อีก

เกรงว่า… น่าเป็นห่วงอย่างมาก

ขณะที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในจิตใจ ซูจิ่นซีจึงแบมือออก ฝ่ามือปรากฏยาเม็ดจำนวนมาก นางป้อนใส่ในปากของนักพรตอวี้หยางทันที

นักพรตอวี้หยางคิ้วขาว ใบหน้าขาวกว่าเส้นผมและเคราเสียอีก อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดว่าตอนที่กำลังอยู่ในอันตรายเช่นนี้ เขายังสังเกตซูจิ่นซีอย่างละเอียด

“เจ้าคือพระชายาของเหยาเอ๋อร์?”