ซูจิ่นซีหน้าแดงทันที
ในตอนนี้ สัตว์เทพกิเลนเดินเข้ามาใกล้ ซูจิ่นซีจึงรีบพยุงนักพรตอวี้หยางส่งให้อวิ๋นจิ่น
“อวิ๋นจิ่น รบกวนท่านคุ้มกันนักพรตอวี้หยางไปก่อน จากนั้นช่วยรักษาให้เขาด้วย”
แววตาอวิ๋นจิ่นหยุดอยู่ที่ช่วงท้องของนักพรตอวี้หยาง จึงเห็นว่าอาการบาดเจ็บค่อนข้างหนัก เดิมทีเขาอยากอยู่ช่วยซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาจัดการกับนักพรตจื่ออิน ทว่านักพรตอวี้หยางบาดเจ็บเช่นนี้คงส่งต่อให้ผู้อื่นจัดการไม่ได้แน่นอน เขาจึงตอบตกลงและพานักพรตอวี้หยางจากไป
ในไม่ช้า ซูจิ่นซี อู๋จุน และตงหลิงหวงก็ร่วมกันจัดการกับนักพรตจื่ออิน
นักพรตจื่ออินสู้จนดวงตาแดงฉาน เขามองไปที่ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ด้วยสายตาดุดัน และกัดฟันกรอดพูดว่า “เจ้าพวกไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ รนหาที่ตาย! ”
เขาพูดพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว ทันใดนั้นก็ปรากฏควันสีดำลอยอยู่รอบกาย เมื่อควันดำค่อยๆ ก่อตัวหนาขึ้นก็กลายเป็นรูปร่างเสือดำอย่างคาดไม่ถึง
“โฮก… ”
เสือดำส่งเสียงคำราม นักพรตจื่ออินกระโดดขึ้นบนหลังมันและเข้าโจมตีเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซี และคนอื่นๆ
ทุกคนไม่มีทางคาดคิดได้เลยว่านักพรตจื่ออินจะใช้สัตว์เทพเป็นพาหนะ นอกจากนี้ยังมีเสือดำคอยช่วยเหลือโจมตีอีก พลังโจมตีและพลังสังหารของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้หลายสิบเท่า
หลายกระบวนท่าผ่านไป เยี่ยโยวเหยากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“มังกรไฟ! ”
เยี่ยโยวเหยาอาศัยช่องว่างถอยไปหนึ่งก้าวทันที มือที่ถือกระบี่เสวียนหยวนสั่นเทา ทันใดนั้น เสียงมังกรคำรามจนภูเขาและพื้นดินสั่นสะเทือน เยี่ยโยวเหยาเรียกมังกรไฟออกมาจากกระบี่เสวียนหยวนที่อยู่ในมือของตน
ตงหลิงหวงและอู๋จุนต่างตกใจ
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว
นางลืมมังกรไฟไปได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในหุบเขาหลูเหว่ย เยี่ยโยวเหยากำราบมังกรไฟที่เคยเป็นพาหนะของจักรพรรดิฝูซีมาได้ และตอนนี้ มังกรไฟตัวนี้ก็เป็นพาหนะของเยี่ยโยวเหยา
มังกรไฟต่อสู้กับเสือดำ ย่อมชนะอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเห็นมังกรไฟ นักพรตจื่ออินจึงแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น เขาขมวดคิ้วแน่น เขารู้ดีว่ามังกรไฟตัวนั้นมีที่มาอย่างไร ทว่าไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยาสามารถกำราบพาหนะของจักรพรรดิฝูซีได้อย่างไร
เวลาเพียงชั่วครู่ ความคิดต่างๆ นานา ผ่านเข้ามาในสมองของเขาหลายครั้ง ท้ายที่สุด แววตาของเขาก็หยุดอยู่ที่ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยา การแสดงออกยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น
หรือว่าเขาคือ…?
น่าเสียดายที่เยี่ยโยวเหยาไม่ให้โอกาสเขาเลย เยี่ยโยวเหยาควบคุมมังกรไฟ ฉวยจังหวะได้เปรียบจนเกือบจะชนกับนักพรตจื่ออินและเสือดำ
มีมังกรไฟคอยสนับสนุน ความจริงไม่จำเป็นต้องให้ซูจิ่นซี อู๋จุน และตงหลิงหวงลงมือ ทว่าซูจิ่นซีจะปล่อยให้เยี่ยโยวเหยาต่อสู้คนเดียวได้อย่างไร?
“สัตว์เทพกิเลน! ”
นางตะโกนเสียงดัง เรียกสัตว์เทพกิเลนออกมาอีกครั้ง และเหยียบมันเข้าไปช่วยเยี่ยโยวเหยา
“แม่นางพิษน้อย ข้าไปด้วย! ”
“พระชายาโยวอ๋อง ข้าด้วย! ”
จากนั้นทั้งสามคนก็เข้าร่วมการต่อสู้อีกครั้ง
เยี่ยโยวเหยาขี่มังกรไฟโจมตีอย่างต่อเนื่อง เสือดำและนักพรตจื่ออินเสียเปรียบ ในขณะที่เขากำลังถือโอกาสหลบหนี ไม่คาดคิดว่าจะถูกซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ขวางไว้
“นักพรตจื่ออิน ท่านจะไปที่ใด? พวกเรา… ยังสู้ไม่จบ! ”
มุมปากนักพรตจื่ออินกระตุกอย่างรุนแรง สัตว์เทพกิเลนและมังกรไฟต่างก็สวามิภักดิ์ต่อพวกเขา คนพวกนี้โชคดีอันใดเช่นนี้?
ทว่าเขาไม่มีเวลาครุ่นคิดมากถึงเพียงนั้น พริบตาเดียวก็ถูกโจมตีทั้งหน้าหลัง เขาทำได้เพียงโต้ตอบไปทันทีโดยไม่ได้หยุดพัก
ท้ายที่สุด มังกรไฟก็ใช้กรงเล็บกดนักพรตจื่ออินไว้ และพุ่งลงไปที่ก้นผา
ชัยชนะและความพ่ายแพ้กำหนดชัดเจน ตราบใดที่ไปถึงก้นผา ไม่ว่านักพรตจื่ออินจะมีความสามารถเพียงใดก็ไม่อาจหลบหนีได้ บาดเจ็บสาหัสแน่… ไม่แน่ว่าคงถูกมังกรไฟขยี้จนกลายเป็นเนื้อบด
“หึ ข้าจะดูว่าเจ้าจะแน่สักเพียงใด! ”
ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า หลังจากสิ้นเสียงของอู๋จุน เสือดำของนักพรตจื่ออินกลับแปลงร่างเป็นควันดำ ทันใดนั้นก็มาอยู่เบื้องหน้าของซูจิ่นซีและคนอื่นๆ
ทุกคนรีบยกอาวุธเพื่อตอบโต้ ทว่าผู้ใดจะคาดเดาได้ มันไม่ได้พุ่งเข้าโจมตีซูจิ่นซี อู๋จุน และตงหลิงหวง ทว่าพุ่งมาหาสัตว์เทพกิเลนแทน มันอ้าปากกว้างกัดที่ลำคอของสัตว์เทพกิเลน
“โฮก… โฮก… โฮก… ”
สัตว์เทพกิเลนร้องลั่น ตกลงไปที่ก้นหน้าผาอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ
“กิเลน… กิเลน… ”
ซูจิ่นซีร้องเรียกสัตว์เทพกิเลนไม่หยุด พยายามปลอบมัน ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้ผล เขี้ยวเสือดำมีพิษและดูเหมือนสัตว์เทพกิเลนจะถูกพิษเข้าให้แล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีเห็นสัตว์เทพกิเลนที่ร้อยพิษไม่กล้ำกรายถูกพิษ
เมื่อเยี่ยโยวเหยาเห็นสัตว์เทพกิเลนพาซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ตกลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว เขาพลันขมวดคิ้ว กลับไม่คิดว่านักพรตจื่ออินจะใช้ช่องว่างนี้ผนึกพลังในฝ่ามือ และฟาดใส่อุ้งเท้ามังกรไฟเพื่อฉวยโอกาสหลบหนี
เสือดำคว้านักพรตจื่ออิน หนึ่งคนหนึ่งสัตว์ร้ายฉวยโอกาสหนีไปบนหน้าผาอย่างรวดเร็ว ตรงข้ามกับทิศทางที่ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ตกลงไป
หากเยี่ยโยวเหยาไล่ตามนักพรตจื่ออินก็จะไม่สามารถช่วยซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ได้เลย เขาขบกรามอย่างเดือดดาล คิดว่าคราวนี้นักพรตจื่ออินต้องหนีไปได้อย่างแน่นอน
กลับไม่มีคิดว่ามังกรไฟที่กำลังหมุนตลบลงมากลางอากาศอย่างกะทันหัน จู่ๆ หางของมันก็ฟาดนักพรตจื่ออินและเสือดำจนตกลงมาอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะเสือดำที่ถูกหางมังกรฟาดใส่จนสลบ จากนั้นมังกรไฟก็พาเยี่ยโยวเหยาจับตัวนักพรตจื่ออินกับเสือดำได้ และเร่งความเร็วลงไปด้านล่างหน้าผาเพื่อไปช่วยซูจิ่นซีและคนอื่นๆ
ขณะที่เยี่ยโยวเหยาเห็นซูจิ่นซี นางได้ทำให้สัตว์เทพกิเลนสงบลงแล้ว ทว่าสภาพของมันสาหัสมาก มันไม่สามารถแบกซูจิ่นซี ตงหลิงหวง และอู๋จุนได้อีก
จากนั้นทั้งสามคนและสัตว์เทพกิเลนจึงหันไปหามังกรไฟพร้อมกัน
ผ่านไปไม่นาน ทุกคนก็ไปถึงก้นหน้าผา
เดิมทีคิดว่าเมื่อถึงด้านล่างหน้าผาก็จะเจอตีนเขาคุนหลุน กลับไม่คิดว่าจะกลายเป็นโลกมิติอีกใบหนึ่งที่มีหิมะขาวโพลนทั่วทุกสารทิศ เมฆหมอกปกคลุมไปทั่ว ห่างออกไปไม่กี่ก้าวก็ไม่สามารถมองเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามตนเองแล้ว
“ที่นี่คือที่ใด? ” ซูจิ่นซีถาม
เยี่ยโยวเหยาส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้ ที่นี่เป็นดินแดนต้องห้ามของสำนักกระบี่คุนหลุน อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่ท่านอาจารย์ก็ยังไม่เคยมา”
ซูจิ่นซีมองไปที่นักพรตจื่ออินเงียบๆ ดูสีหน้าท่าทางก็รู้แล้วว่านักพรตจื่ออินไม่รู้อันใดเกี่ยวกับที่นี่เลยเช่นเดียวกับพวกเขา
“ทุกคนต้องระมัดระวัง ที่นี่หมอกหนามาก ดูแล้วน่าจะเป็นทั้งปี หากหลงทางกันจะหาพบได้ยาก”
“อืม! ”
ทุกคนตอบรับพร้อมกัน
จากนั้น ซูจิ่นซีก็เหลือบมองนักพรตจื่ออิน พลางชี้นิ้วไปทางนักพรตจื่ออิน ปลายนิ้วเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าออกมา นางมัดนักพรตจื่ออินและเสือดำไว้ด้วยกัน
นี่คือเชือกเทวะ ซึ่งนางได้มาจากปราสาทโบราณหลานลั่วก่อนหน้านี้ หลังจากปรับเปลี่ยนเล็กน้อย พลังการควบคุมของมันจึงมากกว่าก่อนหน้านี้สิบเท่า แม้นักพรตจื่ออินจะมีความสามารถยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจสลัดหลุดได้
จากนั้นนางจึงไปดูสัตว์เทพกิเลน