อาการของสัตว์เทพกิเลนสาหัสมาก ไอเย็นสีฟ้ารอบตัวมันอ่อนลงทุกที แสงในดวงตาก็หรี่ลงเลือนรางกลายเป็นสีดำ
แม้ทักษะการถอนพิษของซูจิ่นซีจะดีมาก ทว่าสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรกที่พบ หากอวิ๋นจิ่นอยู่ที่นี่ก็คงดี เขาต้องรู้ว่าควรรักษาอย่างไรแน่นอน
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดก็รู้สึกได้ว่าด้านหลังมีแววตาจับจ้องตนเอง นางจึงหันศีรษะมองไปด้านหลัง
นักพรตจื่ออินยกยิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า “อย่าเสียเวลาเลย เจ้าสัตว์ร้ายตัวน้อยถูกพิษมารของเสือดำข้า ไม่รอดแน่”
“หุบปากเหม็นๆ ของเจ้า! ” ซูจิ่นซีกัดฟันกรอดและพลิกฝ่ามือชี้ไปทางนักพรตจื่ออิน ในมือปรากฏกระบี่ จากนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ชริ้ง’ กระบี่พุ่งผ่านลำคอของนักพรตจื่ออิน สุดท้ายก็เสียบหิมะบนพื้นด้านหลังของเขาอย่างรุนแรง
นี่คือการเตือน
“หากกิเลนตาย ข้าจะทุบกระดูกเจ้ากับเสือดำให้แหลกเป็นผุยผง”
นักพรตจื่ออินสีหน้าดำทะมึน นิ่งเงียบ แสงในดวงตาเสือดำเชื่องลงไม่น้อย มันหดคอแล้วถอยไปข้างหลัง
“แม่นางพิษน้อยอย่าได้กังวล เจ้านี่เป็นสัตว์เทพจะตายง่ายๆ ได้อย่างไร? ”
“โฮก… ”
สัตว์เทพกิเลนร้องใส่ซูจิ่นซีเหมือนกำลังปลอบใจ มันอยากเอาศีรษะถูซูจิ่นซีเพื่อไม่ให้นางโกรธ
ทว่าร่างกายตนเองอ่อนแอเกินไป ขยับตัวไม่ได้เลย
ซูจิ่นซีมองด้วยความเจ็บปวดใจ นางวางมือตนเองข้างศีรษะสัตว์เทพกิเลน มันเงยศีรษะขึ้นแล้วถูไถหลังมือของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีหัวเราะทันที
ในดวงตาสัตว์เทพกิเลนเปล่งประกายแสงระยิบระยับ ซูจิ่นซีลูบศีรษะมันเบาๆ
“เจ้ามันซุกซนที่สุด บาดเจ็บถึงเพียงนี้ก็ยังอยู่ไม่นิ่ง”
“โฮก… โฮก… ”
“จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด… ”
เพิ่งร้องเรียกสองครั้ง ทันใดนั้นก็มีเสียงจิ้งจอกเก้าสีดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกหนาทึบ เมื่อสิ้นเสียงเรียก ลูกบอลหิมะก็กลิ้งไปอยู่ข้างกายสัตว์เทพกิเลน และกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนสัตว์เทพกิเลน
“จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… ”
นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
เพิ่งห่างกันได้ไม่นาน เจ้าปล่อยให้ตนเองบาดเจ็บเช่นนี้ได้อย่างไร?
“จี๊ด จี๊ด… ”
จากนั้นแววตาไข่มุกส่องประกายระยิบระยับก็มองไปที่บาดแผลบนคอของสัตว์เทพกิเลน “จี๊ด… ” สายตาของมันพลันเศร้าสร้อย
“โฮก… ”
เห็นได้ชัดว่าสัตว์เทพกิเลนกำลังจะตายอย่างทรมาน ทว่ากลับพยายามปลอบโยนจิ้งจอกเก้าสีเพื่อไม่ให้มันเป็นกังวลมากเกินไป
“จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… ” จิ้งจอกเก้าสีร้องเรียกซูจิ่นซีอย่างบ้าคลั่ง เสมือนกำลังถามว่าผู้ใดทำร้ายสัตว์เทพกิเลน
ซูจิ่นซีเหลือบมองนักพรตจื่ออิน
“จี๊ด… ”
จิ้งจอกเก้าสีจิกกรงเล็บบนหิมะอย่างรุนแรง ขนทั้งตัวลุกชันขึ้น แสงแห่งความดุดันปรากฏออกมา ก่อนจะพุ่งไปทางนักพรตจื่ออินกับเสื้อดำอย่างรวดเร็ว
“จิ้งจอกเก้าสี… ”
ทุกคนต่างตกใจและร้องเรียกด้วยความตื่นตระหนก เยี่ยโยวเหยาคิดจะหยุดจิ้งจอกเก้าสี ทว่ากลับไม่ได้ทำ
ทว่าตอนที่เห็นจิ้งจอกเก้าสีกระโจนใส่และกัดที่ต้นขาของนักพรตจื่ออิน ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก เดิมคิดว่าจิ้งจอกเก้าสีจะพุ่งเข้าไปกัดเจ้าเสือดำ! มันมีพิษ ไม่คิดว่าที่มันจะกัดคือนักพรตจื่ออิน
เมื่อครู่เป็นการกัดเพื่อระบายความโกรธจริงๆ
บาดแผลที่ถูกจิ้งจอกเก้าสีกัดนั้นเจ็บปวดกว่าสัตว์ทั่วไปกัดหลายร้อยเท่า บาดแผลสมานได้ช้า
นักพรตจื่ออินกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือด
จากนั้นจิ้งจอกเก้าสีจึงเดินกลับไปข้างกายสัตว์เทพกิเลน “จี๊ด จี๊ด… ” มันร้องและหมอบลงกับพื้น
เมื่อครู่ที่จิ้งจอกเก้าสีพุ่งไป สัตว์เทพกิเลนตกใจไม่เบา ตอนนี้เมื่อเห็นว่ามันปลอดภัย กิเลนถึงได้วางใจ
ซูจิ่นซีลูบศีรษะสัตว์เทพกิเลนอย่างให้กำลังใจ
จิ้งจอกเก้าสีที่กำลังนอนหมอบอยู่ข้างสัตว์เทพกิเลน จู่ๆ ก็กัดอุ้งเท้าสีขาวหิมะของตนเอง เลือดสีแดงฉานสะดุดตาไหลออกมาตามขนนุ่มสีขาว
ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ขมวดคิ้วอย่างรุนแรง
“โฮก… โฮก… ” สัตว์เทพกิเลนทั้งกังวลทั้งโกรธเกรี้ยว ไม่รู้ว่ามันเอาพลังมาจากที่ใดกรีดร้องเสียงอ่อนแรงใส่จิ้งจอกเก้าสี
จิ้งจอกเก้าสีวางอุ้งเท้าที่มีเลือดไหลไว้ข้างริมฝีปากของสัตว์เทพกิเลน เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลตามอุ้งเท้าของมันเข้าไปในปากของสัตว์เทพกิเลน
สัตว์เทพกิเลนอยากหลบเลี่ยง น่าเสียดายที่ร่างกายไร้เรี่ยวแรง มันทำได้เพียงมองเข้าไปในดวงตาที่ส่องประกายระยิบระยับของจิ้งจอกเก้าสี
ใช่แล้ว! จิ้งจอกเก้าสีกำเนิดจากเผ่าจิ้งจอกเทพชิงชิวที่มีสายเลือดสูงศักดิ์เป็นอย่างยิ่ง เลือดของมันสามารถถอนพิษได้อีกด้วย มีประโยชน์กว่าของสัตว์เทพกิเลนเป็นเท่าตัว เมื่อครู่เป็นกังวลมากเกินไป ซูจิ่นซีจึงลืมเรื่องนี้เสียสนิท
เลือดไหลเข้าปากสัตว์เทพกิเลนอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจิ้งจอกเก้าสีจึงค่อยๆ อ่อนแอลง ซูจิ่นซีคำนวณปริมาณพิษซึ่งเหลือไม่มากจึงหยุดจิ้งจอกเก้าสี
จากนั้นซูจิ่นซีจึงนำนาสมุนไพรล้ำค่าและหายากออกมาจากระบบถอนพิษ แล้วป้อนให้สัตว์เทพกิเลนพร้อมกับเลือดของจิ้งจอกเก้าสี
อย่างไรก็เป็นสัตว์เทพ นอกจากนี้ยังมีเลือดจิ้งจอกเก้าสีและยาสมุนไพรล้ำค่าหายากของซูจิ่นซี ไม่นานนัก สัตว์เทพกิเลนก็ฟื้นตัวขึ้นมาก แสงเย็นสีฟ้ารอบกายของมันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ดีใจอย่างยิ่ง
นักพรตจื่ออินที่มองการกระทำของซูจิ่นซีและจิ้งจอกเก้าสีมาตั้งแต่ต้น แววตายิ่งมีความประหลาดใจ
บนโลกนี้มีจิ้งจอกมากมาย จิ้งจอกที่มีพลังวิเศษก็มีไม่น้อย ทว่าจิ้งจอกที่มีจิตวิญญาณและมีเลือดที่สามารถถอนพิษได้อย่างรวดเร็ว ซ้ำยังเป็นพิษที่มาจากเสือดำของเขาได้ นับจำนวนได้เลย และใน ‘จำนวนนั้น’ เกรงว่าจะมีเพียงเผ่าจิ้งจอกเทพชิงชิวในตำนานเท่านั้น
ทว่าชิงชิวนั้นเป็นสถานที่ลึกลับอย่างมาก ไม่มีผู้ใดเคยไปที่นั่น และไม่มีผู้ใดรู้รายละเอียดว่ามันอยู่ที่ใด
นักพรตจื่ออินมีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปี สัตว์เทพใดบ้างที่ไม่เคยเห็น? นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นจิ้งจอกเทพชิงชิว ดังนั้นแววตาที่มองจิ้งจอกเก้าสีจึงตกตะลึงเล็กน้อย
เนื่องจากจิ้งจอกเก้าสีเป็นจิ้งจอกแห่งจิตวิญญาณ มันจะไม่รู้สึกถึงแววตาชั่วร้ายของนักพรตจื่ออินที่อยู่ด้านหลังได้อย่างไร?
“จี๊ด… ”
มันหันศีรษะและส่งเสียงร้องดุดันใส่นักพรตจื่ออิน จู่ๆ นักพรตจื่ออินก็ตกใจจนหงายหลัง หากไม่ถูกเชือกเทวะมัดไว้คงเกือบตกลงไปกองในหิมะ
เสือดำที่อยู่ข้างกายเขาถอยหลังด้วยความตกใจกลัว ทั้งยังตื่นกลัวยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
อู๋จุนกอดอกนั่งอยู่บนหิมะ เฝ้ามองปฏิกิริยาของนักพรตจื่ออินและเสือดำด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“หากยังกล้าคิดชั่วร้าย ข้าจะควักเครื่องในของเจ้ากับสัตว์ร้ายตัวน้อยข้างกายเจ้าและโยนให้หมาป่ากิน! ”
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเห็นหมาป่าจำนวนมากบนเขาคุนหลุนแห่งนี้
สีหน้าของนักพรตจื่ออินบึ้งตึงกว่าเดิม เขาไม่ได้ตอบโต้สักประโยค
สัตว์เทพกิเลนเกือบจะหายดีแล้ว ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ พากันคิดหาทางออกไปจากที่นี่ อย่างไรเสีย การอยู่ในสถานที่ที่หิมะปกคลุมก็ไม่ใช่แผนระยะยาว
เดิมทีอาศัยความสามารถของสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีช่วยได้เพียงเล็กน้อย อย่างน้อยก็สามารถพึ่งพาจิตวิญญาณของพวกเขาเพื่อค้นหาว่าสถานที่ใดคือทางออก ทว่าน่าเสียดายที่สัตว์เทพกิเลนได้รับบาดเจ็บ และจิ้งจอกเก้าสีเสียเลือดไปไม่น้อยเพื่อช่วยชีวิตสัตว์เทพกิเลน ร่างกายของมันจึงอ่อนแอ ในขณะเดียวกัน จิตวิญญาณก็ลดน้อยลงเท่าตัวและไม่สามารถช่วยอันใดได้เลย