“หมัดที่สอง”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยจนน่ากลัว ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีความผันผวนแม้เศษเสี้ยว
เขาก้าวไปเบื้องหน้า ซัดหมัดออกไปอีกครา
หมัดนี้เรียบง่าย ธรรมดา ไม่เจือกลิ่นอายผลาญเผาใดๆ
ดุจละมั่งเกี่ยวเขา อาชาสวรรค์เหินนภา ไร้ร่องรอยให้เสาะหา เปี่ยมท่วงทำนองแห่งการคืนสู่สามัญ
ในสายตาคนอื่น อานุภาพของหมัดนี้เทียบหมัดเมื่อครู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ ธรรมดาและเรียบง่ายเกินไป
แต่ลี่จั้นหนานกลับหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เพราะหมัดนี้มีท่วงทำนองวิเศษของ ‘ผู้แกร่งเกล้าดุจโฉดเขลา’ เป็นแก่นอัศจรรย์ซึ่งเรียบง่ายที่สุดหลังชำระล้างสิ้นทุกสิ่ง!
ผิวทุกอณูของเขาล้วนรู้สึกเจ็บปวดจวนปริแยก ทั้งนอกและในกายจิตถูกพลังไม่อาจอธิบายปกคลุม
หลบไม่อาจหลีก หนีไม่อาจพ้น!
หากกล้าเผยความหวาดหวั่นและช่องโหว่เพียงเสี้ยวคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ทลาย!”
ลี่จั้นหนานตะโกน ผมยาวทั้งศีรษะแผ่สยาย ประกายทองทั่วร่างดั่งสุริยันสาดแสงส่องสว่าง กระตุ้นพลังแห่งตนถึงขีดสุด
“เคล็ดวิชาหกวัฏจักร!”
ทันใดนั้นเบื้องหน้าเขาปรากฏรุ้งเทพหกสาย สื่อถึงพลังหกสายแห่ง ฟ้า ดิน บูรพา ประจิม ทักษิณ อุดร
ทันทีที่วิชานี้ปรากฏ แฝงนัยถึงใต้หล้าที่มีเพียงตัวข้าเป็นใหญ่ เผด็จการไร้ขอบเขต ขับเน้นให้ลี่จั้นหนานเป็นดั่งนายเหนือหัวหนึ่งเดียวผู้ครองหกประสาน
นี่ก็คือไพ่ตายของเขา!
เขาเคยอาศัยวิชานี้ปลิดชีพราชันกึ่งระดับไม่น้อยกว่าสิบคนด้วยมือเปล่ามาก่อน!
ตูม!
ทั้งสองเข้าปะทะ ฟ้าดินแถบนี้ราวถูกซัดกระหน่ำ บรรยากาศแปรปรวนพลิกตลบ หมอกควันม้วนแผ่
ผู้สืบทอดทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์สังเกตเห็นความผิดปกติก่อนแล้ว จึงถอยหนีห่างไปตั้งแต่แรก
หลิงหงจินแม้ไม่ถอยร่น แต่ไม่อาจไม่โคจรพลังสลายคลื่นกระทบจากการปะทะน่าหวาดกลัวที่ปกคลุมนั้น
กลางลาน ร่างลี่จั้นหนานลอยกระเด็น เลือดออกเจ็ดทวาร ถูกซัดลอยละลิ่วออกนอกระยะหลายสิบจั้ง บนร่างผึ่งผายผิวแตกระแหงหลั่งเลือดทุกอณู
เขาผมเผ้าสยายยุ่ง ร่างอาบโลหิต ร่วงลงพื้นอย่างอนาถ ฝุ่นควันคลุ้งทั่วฟ้า
มองไปกลางลานอีกที หุบเขาแถบนั้นพินาศสิ้นนานแล้ว ภูเขาสูงลูกแล้วลูกเล่าไม่เหลือร่องรอย พื้นดินเต็มไปด้วยรอยแยกหลังการระเบิด
เงาร่างสูงสง่าของหลินสวินเด่นตระหง่านกลางอากาศ โลกีย์มิแปดเปื้อน หลุดพ้นว่างเปล่า ภายใต้ทัศนียภาพแหลกเหลวชวนสะพรึงเช่นนี้ ยิ่งขับเน้นให้เขาดูลึกลับไม่ธรรมดากว่าเดิม
ทุกคนพากันหน้าเปลี่ยนสี ล้วนเกือบลืมหายใจ
ลี่จั้นหนาน ศิษย์แกนหลักแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แม้แต่ในหมู่คนรุ่นเยาว์แดนชัยบูรพาก็จัดอยู่ในระดับยอดบุคคล
ในใจศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นับไม่ถ้วน ศิษย์แกนหลักประดุจสุริยันบนนภา สามารถสาดส่องใต้หล้า โดดเด่นไม่อาจเอาชนะ!
แต่บัดนี้ลี่จั้นหนานถูกซัดถอยติดต่อกันสองครา ซ้ำได้รับบาดเจ็บสาหัส…
ผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่ใครๆ ต่างไม่คาดคิด เนื่องด้วยชวนตระหนกและกะทันหันเกินไป ทำให้เหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น
ในใจหลิงหงจินก็สะท้านไม่หยุดเช่นกัน นางก้าวสู่ขอบเขตมกุฎเหมือนลี่จั้นหนาน คิดว่าเมื่อสงครามมหายุคมาเยือน ในสี่แดนวิภูของดินแดนรกร้างโบราณนี้ ผู้ที่สามารถขันแข่งกับพวกเขาคงมีแค่หนึ่งหยิบมือ
เดิมนางคิดว่าหลินสวินเองก็เป็นหนึ่งในส่วนหยิบมือนั้น ด้วยเหตุนี้ในใจจึงไม่ดูแคลนอันใด
แต่ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ที่หลินสวินแสดงออกมา กลับทำลายความเข้าใจที่นางเชื่อมั่น!
นี่ไหนเลยจะเป็นผู้กล้าซึ่งก้าวสู่มกุฎ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นปีศาจพลิกฟ้าตนหนึ่ง!
“หมัดที่สาม”
หลินสวินออกจู่โจมอีกครา ยังนิ่งสงบและราบเรียบเช่นเดิม ให้ความรู้สึกเหนือโลกีย์ โฉบทะยานผ่านนภา
หมัดนี้เหนือความคาดหมายทุกคน ทันทีที่โจมตีออกมา ฟ้าดิน เอกภพ ภูผาธารา สรรพสิ่ง… ล้วนแต่หยุดนิ่ง ถูกจองจำอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ยินเสียงใดอีก
แปลกประหลาดและเงียบสงัดเกินไป มีเพียงหมัดเดียวของหลินสวินที่ปล่อยออกมาอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง
กัมปนาทไร้สรรพเสียง หมื่นลักษณ์ไร้รูป!
เหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์กลับผ่อนคลายนัก เพราะพวกเขาต่างไม่รู้สึกถึงพลังคุกคามเพียงเสี้ยว สัมผัสไม่ถึงคลื่นพลังใดๆ
แต่หลิงหงจินกลับหน้าเปลี่ยนสี ร้องเสียงหลง “ระวัง!”
ขณะเดียวกันลี่จั้นหนานเองก็ขวัญหนีดีฝ่อ สัมผัสภัยคุกคามถึงชีวิตเป็นครั้งแรก สัญชาตญาณที่บ่มเพาะมาหลายปีบอกเขาว่า หมัดนี้เขาต้านไม่อยู่อย่างสิ้นเชิง!
ฟุ่บ!
เขาหลบหนีโดยไม่ลังเล
ความเร็วว่องไวจนน่าเหลือเชื่อ ไม่มีความล่าช้าใดๆ
ทว่าแม้เขาจะเร็ว พลังหมัดนั่นกลับเร็วกว่า แค่พริบตาก็บุกสังหารมาถึง
ปึง!
สามารถเห็นอย่างชัดเจน แผ่นหลังลี่จั้นหนานถูกทะลวงเกิดรูโหว่ชุ่มเลือดขนาดเท่าปากชาม โลหิตซ่านกระเซ็น
ขณะเดียวกันร่างเขาราวถูกฟ้าผ่า ทั่วร่างพลันแข็งทื่อ หยุดชะงักกลางอากาศดั่งถูกตรึงอยู่ตรงนั้น แปลกประหลาดอย่างที่สุด
“นี่มันวิชาหมัดอะไร” ลี่จั้นหนานหันกลับ น้ำเสียงคลุมเครือ ในปากมีโลหิตหลั่งชโลม แต่เขากลับเหมือนไม่รู้ตัว ได้แต่ถลึงตามองหลินสวินที่อยู่ห่างไกล
ในแววตาเปี่ยมความตระหนก งงงัน และยากจะเชื่อ
ตูม!
จากนั้นยังไม่รอได้คำตอบ ร่างผึ่งผายของเขาก็ระเบิดดังสนั่น พริบตานั้นถึงกับทำให้ผู้คนรู้สึกสวรรค์สะเทือนดินสะท้าน
ฝนโลหิตสาดกระจาย แดงสดบาดตาในยามค่ำคืน
ศิษย์แกนหลักของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ผู้หนึ่ง บุคคลผู้กล้าซึ่งก้าวสู่ขอบเขตมกุฎคนหนึ่ง ไม่ทันรอมหายุคมาเยือนก็สิ้นชีพลงที่นี่เวลานี้!
ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินทำตามคำพูด ใช้แค่เพียงสามหมัด!
ทุกคนต่างตะลึงค้าง ถูกภาพนี้สยบ จิตใจจวนสูญเสียการควบคุม
ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างรู้สึกไร้สาระ คิดว่าการที่หลินสวินหมายใช้สามหมัดเอาชนะลี่จั้นหนานเป็นเรื่องเพ้อเจ้อหลงระเริงไม่รู้ความ
แต่ไหนเลยจะคาดคิดว่าหลังสามหมัด ลี่จั้นหนานไม่เพียงถูกเอาชนะ ยังถูกกำราบสังหารโดยตรง!
“เจ้า…” หลิงหงจินอึ้งงัน ทั้งตระหนกและขุ่นเคือง ทว่าเมื่อเห็นหลินสวินที่อยู่ห่างไกลยังคงมีทีท่าราบเรียบ นางกลับไม่รู้จะพูดอะไร
ตกตะลึงหรือ
ก็มี
เดือดดาลหรือ
ก็มี
ยากจะเชื่อหรือ
ก็มีเช่นกัน
แต่กลับไม่อาจใช้ถ้อยคำชัดเจนมาบรรยายสภาวะจิตที่สับสนในเวลานี้
ลี่จั้นหนานเหมือนกับนาง พลังต่อสู้พอๆ กัน ที่ผ่านมาในแคว้นกู่ชาง ผู้ที่สามารถต่อกรกับเขาถึงขั้นนับนิ้วได้ อีกทั้งคนส่วนน้อยนี้ล้วนมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
ส่วนคนที่สามารถสังหารเขา แทบไม่มี!
บุคคลในขอบเขตมกุฎประหนึ่งเทพมังกรเหนือสวรรค์ บางทีอาจถูกคนรุ่นเดียวกันเอาชนะ แต่คิดสังหารยากสุดแสน
แต่ยามนี้ลี่จั้นหนานกลับถูกปลิดชีพในสามหมัด!
สุดท้ายความรู้สึกทุกอย่างในใจ กลายเป็นความหวาดกลัวและหนาวสะท้านเกินบรรยายแผ่คลุมทั่วร่างหลิงหงจิน
แม้ตัวนางห้อมล้อมด้วยเปลวเพลิงเจิดจรัส แต่ยามเผชิญหน้าหลินสวินที่อยู่ห่างไป กลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้เพียงเสี้ยว
หนาวเย็นนัก!
เย็นยะเยือกดั่งตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง!
ฟันนางสั่นกระทบอย่างห้ามไม่อยู่ ผิวขาวกระจ่างหมดจดขนลุกชัน ใบหน้างดงามพริ้มเพราเปลี่ยนเป็นซีดเผือดหาใดเปรียบ
นี่มันศัตรูที่น่าสะพรึงอย่างไรกันแน่
เขาเป็นเทพมารจริงๆ ใช่ไหม
ถ้าไม่อย่างนั้นเหตุใดถึงแข็งแกร่งเช่นนี้
“ตาเจ้าแล้ว” หลินสวินมองมา ดวงตาสีดำเยียบเย็นไม่มีคลื่นความรู้สึกใด
หลายวันที่ผ่านมาเขาถูกไล่ล่าไม่หยุด สะสมเพลิงโทสะสุมอกอยู่นานแล้ว บัดนี้ในที่สุดก็ระเบิดออก
สังหารลี่จั้นหนานเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
ต่อจากนี้เขาจะเปิดฉากจู่โจมกลับ ให้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ได้เข้าใจ ว่าเขาหลินสวินแม้ตัวคนเดียวไร้ที่พึ่งพิง แต่ไม่ใช่พวกที่จะรังแกอย่างไรก็ได้!
“หนี!”
หลิงหงจินหันหลังหนีโดยไม่ลังเล
คู่ต่อสู้เช่นนี้อย่าว่าแต่นาง ต่อให้เป็นบุคคลระดับผู้นำของศิษย์แกนหลักอย่างฉู่เป่ยไห่มาเอง ก็แทบไม่เห็นทางว่าจะสามารถกำราบได้
ที่น่ากลัวที่สุดคือ ขุมพลังที่ล่าสังหารหลินสวินครั้งนี้ แทบหาผู้ที่สามารถถ่วงดุลกับอีกฝ่ายไม่เจอสักคน!
นี่ทำให้หลิงหงจินรู้ว่าไม่เข้าที สิ่งแรกที่คิดได้ก็คือหนี จากนั้นค่อยนำข่าวเกี่ยวกับหลินสวินแจ้งแก่สำนัก ให้ทางสำนักเคลื่อนพลที่แข็งแกร่งกว่ามาจับตายเด็กนี่
แต่หลิงหงจินรู้สึกเพียงเบื้องหน้าพลันพร่ามัว หนทางข้างหน้าถูกเงาร่างหลินสวินขวางกั้น
“เจ้าคิดสังหารสิ้นจริงรึ เจ้าต้องรู้ว่าศิษย์แกนหลักคือตัวตนต้องห้ามของทุกสำนักโบราณ ไม่อาจสูญเสีย หากตายสักคน จะต้องกำจัดเจ้าทิ้งโดยไม่คำนึงถึงสิ่งตอบแทนใดแน่!”
หลิงหงจินหน้าซีดเผือด กล่าวเหี้ยมเกรียม
“ต่อให้ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้า ไม่ช้าก็เร็วพวกเจ้าก็จะสังหารข้าอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะข่มขู่ข้าได้หรือ”
ขณะกล่าวหลินสวินก็ลงมือ ไม่มีความลังเลใดๆ
ศิษย์แกนหลักอะไรกัน ในเมื่อคิดคร่าชีวิตตนก็ต้องรับผลที่สาสม!
ไม่เกินความคาดหมาย ผ่านไปครู่หนึ่งหลิงหงจินก็ถูกหลินสวินพิฆาตอย่างแข็งกร้าว อ่อนแรงลมจับอยู่กับพื้น
จากนั้นหลินสวินเหลือบมองเหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่อึ้งงันไปนานแล้ว
“เผ่นโว้ย!”
“เจ้าหมอนี่คือมารร้าย น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
คนพวกนั้นกระวีกระวาดหนีตาย แต่ละคนราวบ้าคลั่ง จิตต่อสู้ล้วนพังทลายนานแล้ว กระทั่งความกล้าเผชิญหน้ากับหลินสวินยังไม่มี
แม้แต่ลี่จั้นหนานยังสิ้นชีพ หลิงหงจินล้วนถูกกำราบ ยังจะให้พวกเขานำอะไรมาสู้กับเทพมารหลิน
หลินสวินตัดสินใจโต้กลับ แน่นอนว่าไม่มีทางให้คนหนีรอดกลับไปแจ้งข่าวเรื่องตน
เขาสำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งในบัดดล ควบคุมดาบหักออกโรงไล่ล่า
พรูด!
พรูด!
พรูด!
ท่ามกลางรัตติกาล บุปผาโลหิตสายแล้วสายเล่าซ่านกระเซ็นราวกับประทัด แต่กลับดูงดงามทว่าชวนประหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
หลินสวินหาใช่เพชฌฆาตฆ่าคนตาไม่กะพริบ ครั้งนี้ก็เป็นเพราะถูกตามล่าจนเดือดดาล เขาถามตัวเองแล้วว่าไม่มีความแค้นยิ่งใหญ่อะไรกับอีกฝ่าย แต่กลับถูกล่าสังหารดั่งวิญญาณตามติดเช่นนี้ เปลี่ยนเป็นคนอื่นใครเล่าจะไม่โกรธ
สุดท้ายมีเพียงผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์สองสามคนหนีไปได้
แต่หลินสวินไม่คิดไล่ตามเพราะเสี่ยวอิ๋นได้ออกโจมตีแล้ว ไม่เหนือความคาดหมาย สองสามคนนี้ตายอนาถยิ่งกว่า
‘พลังของระดับกระบวนแปรจุติขั้นปลายแข็งแกร่งดังคาด… แม้ปราณจะเลื่อนไปแค่หนึ่งขั้น แต่กลับทำให้พลังต่อสู้ของข้าพุ่งทะยานเท่าทวี จากนี้ต่อให้เจอขอบเขตมกุฎระดับเดียวกันก็ไม่ต้องหวั่นเกรงผู้ใดแล้ว!’
หลินสวินหวนนึกถึงฉากต่อสู้ต่างๆ เมื่อครู่ ในใจเกิดความมาดมั่นผงาดกร้าวขึ้น นี่คือท่วงท่าอันไร้คู่ต่อกรอย่างหนึ่ง เป็นปณิธานของผู้แข็งแกร่งที่เคี่ยวกรำสังหารมานาน
ไม่ผิด หลินสวินเลื่อนขั้นแล้ว
ช่วงสามวันที่นั่งสมาธิฝึกตนกลางหุบเขา ทำให้ปราณที่เขาสะกดข่มถึงขีดมาสุดนานแล้วก้าวสู่ระดับกระบวนแปรจุติขั้นปลายโดยราบรื่น
ปราณคือรากฐานของพลังต่อสู้ แม้ดูเหมือนเพียงก้าวสู่อีกขั้น แต่กลับทำให้พลังต่อสู้ของหลินสวินเกิดการเปลี่ยนแปลงราวถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก
นี่ก็คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาสามารถสังหารลี่จั้นหนานอย่างกร้าวแกร่งเช่นเมื่อครู่!
………………….