ตอนที่ 710 ไพ่ตาย

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตี้หยูเอ๋อร์กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ตอนที่ตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียนก่อความวุ่นวายในสวรรค์ นางไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงไม่รู้ความหนักเบาของเรื่องราว 

 

 

ยิ่งมิได้เห็นตี้เสียทรงรับบาดเจ็บกับตา 

 

 

สำหรับนางแล้ว ฟู่หวังทรงแข็งแกร่งที่สุด พระองค์แค่บาดเจ็บเล็กน้อย อีกไม่กี่วันก็สมควรหายดี  

 

 

ดังนั้นตี้หยูเอ๋อร์จึงมองแต่ว่าเรื่องนี้เป็นโอกาสอันดี 

 

 

พี่ชายเทพสงครามดีต่อนางเสมอมา แสดงว่าในใจของเขาก็คงจะชอบนางอยู่บ้างเช่นกันใช่ไหม? 

 

 

เพียงแต่ว่าเขาคือเทพสงคราม มีบางครั้งบางคำพูดไม่สะดวกเอ่ยออกมา แต่ไม่เป็นไร รอให้ฟู่หวังตื่นขึ้นมา ค่อยทูลขอให้ทรงพระราชทานงานมงคล เขาจะได้ไม่ต้องลำบากใจไป 

 

 

พอตี้หยูเอ๋อร์พูดออกมาเช่นนี้ ฮว๋ายยู่ก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรอีก 

 

 

นางรู้ดีว่าซือเป่ยไม่คิดจะปล่อยคนกลับไป เด็กน้อยอย่างหยูเอ๋อร์ไม่มีความคิดซับซ้อน เกรงว่าคงถูกซือเป่ยตะล่อมไว้แต่แรกแล้ว 

 

 

“ในเมื่อเจ้าจะรั้งอยู่ เช่นนั้นทุกๆวันก็ต้องมาอยู่ข้างกายข้า ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว เช่นนี้ข้าจะได้สบายใจ” 

 

 

ฮว๋ายยู่เอ่ยเช่นนี้ ใบหน้าของตี้หยูเอ๋อร์ก็ถึงกับแข็งค้างไป…. 

 

 

ไม่ให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว เช่นนี้แล้วนางกับพี่ชายเทพสงครามจะสานสัมพันธ์กันได้อย่างไร? 

 

 

ซือเป่ยหยีตาลงน้อยๆ “องค์หญิงสมควรหาเวลาเสด็จไปดูพระอาการเทียนตี้บ้างนะพะยะค่ะ” 

 

 

คำพูดของซือเป่ย ทำเอาหัวใจของตี้หยูเอ๋อร์พองฟู เห็นหรือไม่ พี่ชายเทพสงครามเองก็คิดถึงนางเช่นกัน ดูท่าเขาเองก็คงต้องการจะหาโอกาสใกล้ชิดกับนางอยู่เหมือนกัน ถึงได้ช่วยนางหาข้ออ้าง 

 

 

นางมองไปที่ซือเป่ย หัวใจก็ยิ่งเบิกบานกว่าเดิม 

 

 

 ในหกภพภูมินี้ มีบุรุษมาเข้าแถวรอคอยจะประจบเอาใจนางอยู่มากมาย แต่ว่านางกลับไม่เคยเหลียวแลพวกเขา 

 

 

มีเพียงพี่ชายเทพสงคราผู้เดียวที่เข้าตา 

 

 

“นั่นแน่นอน ข้าย่อมต้องไปดูแลฟู่หวังอยู่แล้ว ยาที่ท่านอาจารย์เทียนจุนให้มา มีแต่หยูเอ๋อร์เท่านั้นที่สามารถปรุงออกมาได้ ยานี้ต้องไปปรุงที่ข้างกายฟู่หวัง จึงจะได้ผลที่สุด” 

 

 

เพื่อจะได้มีโอกาสอยู่ลำพังกับซือเป่ยมากขึ้น ตี้หยูเอ๋อร์ยินดีเหนื่อยยาก 

 

 

ฮว๋ายยู่หลอมเหล็กกล้าไม่สำเร็จ[1] ต้องโกรธจนลมหายใจติดขัด นางที่เฉลียวฉลาดมีไหวพริบ ทำไมถึงได้มีลูกสาวที่ตาบอดเช่นนี้ 

 

 

ดูไม่ออกหรือว่าจิตใจของซือเป่ยนั้นต่ำช้าถึงเพียงไหน? 

 

 

“ยามที่องค์หญิงทรงปรุงยา ข้าแม่ทัพจะคอยคุ้มครองอยู่ด้านข้างด้วยตนเอง จะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุใดขึ้นกับองค์หญิงอย่างเด็ดขาด” 

 

 

คำพูดของซือเป่ยทำเอาใบหน้าของหยูเอ๋อร์ถึงกับแดงก่ำ พี่ชายเทพสงครามห่วงใยนางจริงๆด้วย 

 

 

อีกไม่นาน พวกนางก็คงจะได้แต่งงานกัน 

 

 

พอแต่งงานแล้ว จะต้องมีลูกสักหลายๆคน ไม่แน่ว่า ลูกของนาง อาจจะมีอายุห่างจากน้องชายในท้องของหมู่โฮว่เพียงหนึ่งหรือสองปีเท่านั้นก็เป็นได้ 

 

 

พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจของตี้หยูเอ๋อร์ก็หวานล้ำไปหมด 

 

 

ฮว๋ายยู่เองก็รู้ทันความคิดของซือเป่ย เห็นชัดๆว่าเขาต้องการวางเบ็ดล่อเหยื่อ 

 

 

  นางแม้จะขมวดคิ้ว แต่ก็คร้านที่จะพูดให้มากความ 

 

 

นางเชื่อมั่นในองค์ตี้เสีย 

 

 

พระองค์เป็นถึงเทพยุคบรรพกาล ครั้งนี้แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่มีทางถึงชีวิต นางจะเฝ้ารอ ไม่ช้าไม่นานตี้เสียจะต้องทรงตื่นขึ้นมา 

 

 

ผู้ที่นางคิดถึงอยู่ตลอดเวลา มีแต่เพียงตี้เสียเท่านั้น 

 

 

ซือเป่ยมองดูนาง ประกายในแววตาก็ลึกล้ำกว่าเดิม 

 

 

“เวลาไม่เช้าแล้ว เทียนโฮ่วทรงพักผ่อนเถอะ ที่ประทับของพระองค์คือเรือนหลักฝั่งตะวันออก ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเอาไว้พร้อมแล้วพะยะคะ” 

 

 

ฝั่งตะวันออก คือที่พักของซือเป่ย 

 

 

เรือนหลัก นั่นก็คือเรือนนอนของเขาเอง 

 

 

ในเรือนนอนหลังนั้นมีเส้นทางลับอยู่เท่าไหร่ มีกลไกใดบ้าง เขาย่อมรู้อย่างแจ่มชัด หากคิดจะเล็ดลอดเข้าไปอย่างเงียบเชียบโดยมิให้ผู้ใดรู้ จากนั้นก็กระทำเรื่องที่ีไม่สมควรบอกผู้ใดกับฮว๋ายยู่ แน่นอนว่าต้องง่ายดายอย่างยิ่ง 

 

 

เขาชอบนาง ชอบมานานมากแล้วด้วย หลังจากค่ำคืนนั้น ก็ได้แต่คิดถึงรสชาตินั้นอยู่ตลอด ปรารถนาอยู่เสมอ 

 

 

พอซือเป่ยพูดจบ นางกำนัลสองคนก็เข้ามาคอยรับใช้ฮว๋ายยู่ 

 

 

ฮว๋ายยู่เดินออกไปก้าวหนึ่ง ก็หยุดเท้าลง เอ่ยเรียกตี้หยูเอ๋อร์ไว้ “เจ้ามานี่ คืนนี้มานอนเป็นเพื่อนข้า” 

 

 

ตี้หยูเอ๋อร์ตะลึงไปเล็กน้อย “หมู่โฮว่ ละ ลูก….ลูกคุ้นเคยกับการนอนคนเดียว….” 

 

 

 “มานี่!” ฮว๋ายยู่ไม่ให้โอกาสนางได้ต่อรอง น้ำเสียงยิ่งเข้มงวดและขุ่นเคืองขึ้นมาอีกหลายส่วน 

 

 

ตี้หยูเอ๋อร์ไม่อาจขัดพระทัยนาง ได้แต่ตามไปอย่างเชื่อฟัง 

 

 

ซือเป่ยมิได้ตามไป เพียงใช่สายตามองส่งสองแม่ลูกจากไป 

 

 

ประกายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของฮว๋ายยู่เพียงผู้เดียว 

 

 

จนกระทั่งเมื่อคนทั้งสองหายลับไปแล้ว ควันดำสายหนึ่งค่อยๆปรากฏขึ้นมาและกลายเป็นเงาร่างคนผู้หนึ่งที่ข้างกายเขา 

 

 

“ท่านประมุข” เงาดำนั้นคุกเข่าลงไปข้าหนึ่งตรงหน้าเขา น้ำเสียงแหบต่ำ คล้ายดังขึ้นที่ริมหูของเขา “มีข่าวดีเรื่องหนึ่ง” 

 

 

ซือเป่ย “ว่ามา” 

 

 

“องค์หญิงเผ่ามาร อยู่ในโลกมนุษย์ พวกปีศาจน้อยในเผ่ามารสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของนาง” 

 

 

“อยู่ที่ใด?” นัยตาของซือเป่ยพลันทอประกายขึ้นมากกว่าเดิม 

 

 

หากว่าองค์หญิงของเผ่ามารยังอยู่ละก็ เช่นนั้นการจะปลดผนึกมาร ปล่อยเผ่ามารออกมา ก็จะสามารถทำได้เร็วกว่าเดิม 

 

 

ใช่….หากใช้โลหิตจากหัวใจของนางเป็นเครื่องสังเวย ก็จะสามารถปลุกชีพจอมมารได้ 

 

 

สิ่งที่เขาต้องการ ก็คือพลังของจอมมาร 

 

 

 ที่เขาเฝ้ารอมาเนิ่นนาน ปูทาง วางหมาก วางแผนการ ทั้งเกลี้ยกล่อมและล่อลวงจิตใจผู้คนในดินแดนต่างๆไปตั้งมากมาย ก็เพราะต้องการให้จิตใจของพวกมนุษย์เกิดจิตมาร ให้เผ่ามารที่สาบสูญไปเนิ่นนานหลายปีได้คืนกลับมา 

 

 

ตัวเขามิใช่เทพในยุคบรรพกาล มิได้มีพละกำลังที่แข็งแกร่งดังเช่นตี้เสีย ยิ่งไม่อาจต่อสู้กับหมิงอ๋องที่ทรงอำนาจเหนือกาลเวลาและทุกอย่างได้…. 

 

 

แต่ว่าหากเขาได้พละกำลังของจอมมารและเผ่ามารทั้งหมดมาล่ะก็ ทุกอย่างก็จะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง 

 

 

เดิมทีเรื่องนี้ช่างยุ่งยากและซับซ้อนนัก 

 

 

แต่ว่าตอนนี้ เมื่อได้ข่าวว่าองค์หญิงเผ่ามารอยู่ในโลกมนุษย์ สำหรับซือเป่ยแล้วนี่นับว่าเป็นข่าวดีข่าวใหญ่ที่สุด 

 

 

คนผู้นั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น เอ่ยตอบอย่างนอบน้อมว่า “ตอนนี้เพียงแค่พบว่า อยู่ในดินแดนโบราณของโลกมนุษย์เท่านั้น แต่ว่าจะอยู่ที่ใด ผู้น้อยยังคงต้องนำพาพวกมารน้อยไปค้นหาให้ละเอียดต่อไป” 

 

 

“ดินแดนโบราณ….” 

 

 

พอได้ยินชื่อนั้น ก้นบึ้งในดวงตาของซือเป่ยก็มีประกายแสงราวเข็มสว่างวาบขึ้นมา 

 

 

หากว่าเขาจำได้ไม่ผิดละก็ ตู๋กูซิงหลันคือฮ่องเต้หญิงแห่งดินแดนโบราณ 

 

 

หลังจากที่ฮ่องเต้แห่งต้าโจวผู้นั้นพานางไปจากแดนสวรรค์ ดูเหมือนว่าจะไม่มีข่าวคราวอะไรอีกเลย และเพราะตนกำลังทุ่มเทสมาธิจิตใจไปกับการก่อกบฎ จึงไม่ทันได้ใส่ใจสองคนนั้น 

 

 

ตอนนี้พอถูกย้ำเตือนขึ้นมา เขาจึงได้เอ่ยว่า “จับตาดูดินแดนโบราณ หากมีความเคลื่อนไหวอันใด ก็รีบมารายงาน” 

 

 

“ขอรับ” 

 

 

“ส่งซือหลินไปยังที่นั่น ให้ทุ่มเทเสาะหาร่องรอยขององค์หญิงเผ่ามารโดยเร็วที่สุด” 

 

 

“ทันทีที่พบ ให้นำคนมาพบข้า” 

 

 

ซือเป่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น 

 

 

ซือหลิน คือ ไพ่ตายของตระกูลซือ ปกติแล้วเขาจะไม่นำคนผู้นี้ออกมาใช้งานง่ายๆ แต่ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน องค์หญิงของเผ่ามารมีความสำคัญต่อแผนการของเขามาก 

 

 

“รับบัญชา” คนผู้นั้นตอบรับ จากนั้นร่างก็สลายกลายเป็นควันสีดำ จางหายไปในชั่วพริบตา 

 

 

ซือเป่ยเงยหน้าขึ้นมา มองดูทัศนียภาพอันงดงามของแดนสวรรค์ ก็หัวเราะออกมา 

 

 

อีกไม่นาน ทั้งหมดนี้ ก็จะตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว 

 

 

………………….. 

 

 

ต้นเดือนแปดมาถึง ทั่วทั้งแคว้นต้าโจวมีแต่ความคึกคัก 

 

 

ฮ่องเต้หญิงจะทรงอภิเษกตี้โฮว่[2]แล้ว เหล่าพสกนิกรต่างก็พากันเฝ้ารอด้วยความยินดี ถึงแม้ว่าจนถึงตอนนี้แล้วพวกเขาก็ยังไม่เคยเห็นว่าตี้โฮว่ผู้นั้นจะมีรูปโฉมเช่นไรก็ตาม 

 

 

แต่จะสนใจไยกัน ในเมื่อฮ่องเต้หญิงทรงต้องพระทัย ก็แสดงว่าจะต้องเป็นยอดบุรุษที่โดดเด่นอย่างแน่นอน! 

 

 

ในวังหลวง ขณะที่ตู๋กูซิงหลันกำลังแทะขาหมูอยู่ ยันต์สื่อสารในถุงเฉียนคุนก็พลันดังขึ้นมา 

 

 

……………………. 

 

 

  

 

 

[1] 恨铁不成钢( hèn tiě bù chéng gāng): พ่อแม่ที่ตั้งความหวังกับลูกเอาไว้อย่างสูง อยากให้เหล็กกลายเป็นเหล็กกล้า แต่ลูกทำไม่สำเร็จ จึงได้แต่เจ็บใจตนเอง 

 

 

[2] 帝后ตี้โฮว่: ปกติฮ่องเต้จะทรงอภิเษกฮองเฮา แต่ในเรื่องเนื่องจากตู๋กูซิงหลันเป็นฮ่องเต้หญิงจึงอภิเษกจีเฉวียนเข้าวังในตำแห่งตี้โฮว่ เทียบเท่าฮองเฮา