แม้ว่าอาถิงจะไม่สบายใจ แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้!

เขาจับมู่เฉียนซีเอาไว้ ภายในชั่วพริบตาเดียวก็เคลื่อนไหวไปไกลแล้ว

แสงสีเขียวอ่อนได้ปกคลุมบริเวณรอบ ๆ เอาไว้ และเวลาก็หยุดเดินลงทันที

เวลาได้หยุดลง เฟิงอวิ๋นซิวและจวินโม่ซีที่กำลังไล่ตามมาก็ถูกหยุดเอาไว้

สีหน้าของอาถิงก็ดูแย่ลงแล้ว “เร็วเข้า! หากเจ้าต้องการตามผู้ชายที่วิ่งหนีเจ้าให้ได้เจ้าก็รีบหน่อย ตอนนี้บนร่างของเขาแผ่ซ่านพลังที่ต้านทานพลังแห่งกาลเวลาของข้า ข้าควบคุมได้อีกไม่นานแล้ว”

“ข้าเข้าใจแล้ว!”

ครั้นแล้ว พวกเขาจึงหาชิงอิ่งเจออย่างรวดเร็วที่สุด

ในตอนนี้ชิงอิ่งก็ไม่สามารถขยับตัวได้ มู่เฉียนซีเดินไปยืนตรงหน้าเขา

เสียง แกร่ก! ดังขึ้นหนึ่งครา

สีหน้าอาถิงพลันเปลี่ยนไป “แย่แล้ว เขาทะลวงการหยุดเวลาของข้าได้แล้ว!”

พลังแห่งเวลา และพลังแห่งมิติ พลังสองอย่างนี้แข็งแกร่งมาก บนโลกใบนี้น้อยคนนักที่จะมีความสามารถทะลวงไปได้

ทว่า เจ้าหมอนี่กลับทำได้แล้ว

ชิงอิ่งที่หลุดพ้นจากมิติกักขังก็ได้เพิกเฉยต่อมู่เฉียนซีและอาถิง อีกทั้งยังคิดจะจากไปอีกด้วย!

มู่เฉียนซีรีบรั้งเขาเอาไว้ “ชิงอิ่ง ก่อนไป เจ้าควรจะชี้แจงกับข้าให้รู้เรื่องก่อนนะ เจ้าคิดว่ายาลูกกลอนหอหมอปีศาจของข้าจะกินได้ฟรี ๆ เหรอที่สำคัญเจ้าคิดจะจากไปเมื่อใดก็ได้อย่างนั้นเหรอ!”

สำหรับมนุษย์ที่ขวางทางเขาผู้นี้ เขาควรที่จะสะบัดทิ้งและไปได้อย่างสบาย

ทว่า เขาไม่สามารถขยับได้!

ไม่ใช่เพราะว่ามนุษย์ผู้นี้แข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากไปเอง!

ชิงอิ่งยืนตัวแข็งทื่ออย่างไม่ขยับเขยื้อน มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงอิ่ง เป็นเพราะว่าพลังของเจ้าไม่เพียงพอก็เลยทำให้ร่างกายของเจ้ามีปัญหาใช่หรือไม่ เพิ่มยาแผนปัจจุบันหรือลูกกลอนสักหน่อยดีหรือไม่!”

มู่เฉียนซีเอายาออกมาขวดหนึ่งก่อนจะยัดใส่ปากชิงอิ่ง

รสชาติที่คุ้นเคยเช่นนี้ นี่เป็นกลิ่นอายพลังของยาที่ไม่มีผู้ใดเปรียบได้ในใต้หล้านี้

เป็นเพราะรสชาติที่คุ้นเคยนี้ ความทรงจำอีกอย่างหนึ่งก็ได้ยับยั้งความทรงจำที่สับสนวุ่นวายนั้นเอาไว้ได้

คำคำหนึ่งได้ดังก้องขึ้นในหัวของเขา เฉียน…เฉียน…เฉียน…

คำคำนี้ดูเหมือนว่าจะยับยั้งความคิดที่จะกลับไปความคิดนั้นได้

โลกทั้งโลกของเขาดูเหมือนว่าจะถูกคำคำเดียวนี้ครอบครองเอาไว้แล้ว และไม่มีอย่างอื่นแล้ว

ดวงตาสุขุมลึกล้ำคู่นั้นของชิงอิ่งพลันเปลี่ยนเป็นปกติขึ้นมา

ภายในดวงตานั้นสะท้อนรูปลักษณ์ของหญิงสาวชุดม่วงผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา

เขาส่งเสียงเรียกออกมาเสียงขรึมว่า “เฉียน!”

“เฉียน!”

เขาจับข้อมือของมู่เฉียนซี และเรียกต่อว่า “เฉียน!”

เขาเกือบจะจากเฉียนไปตลอดชีวิตแล้ว เกือบจะไม่ได้เจอหน้าเฉียนตลอดชีวิตแล้ว

ความทรงจำแปลกประหลาดนั้นได้อันตรธานหายไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าตนเองต้องการกลับไปที่ใด

แต่เขากลับรู้อย่างชัดเจนว่าหากจากไป เขาคงไม่ได้เจอหน้าเฉียนอีกตลอดชีวิตเป็นแน่

มู่เฉียนซีเผยสีหน้าดีใจออกมา “ชิงอิ่ง เจ้ากลับมาเป็นปกติแล้ว ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเป็นปกติแล้ว!”

เอายาให้ชิงอิ่งกิน มู่เฉียนซีไม่มีวิธีอื่นแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่ามันจะได้ผลทำให้ชิงอิ่งกลับมาเป็นปกติได้

นางกล่าวถามว่า “ชิงอิ่ง เจ้ายังมีตรงไหนอีกบ้างที่รู้สึกไม่ค่อยสบาย ยังมียาลูกกลอนและยาแผนปัจจุบันอีกมากเลย เจ้าอยากลองดูหรือไม่?”

ชิงอิ่งส่ายหน้าพลางกล่าว “ไม่ต้อง ข้าอยากจะพูดคุยกับเฉียน”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ได้สิ!”

ชิงอิ่งเงียบขรึมมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ผู้ที่ริเริ่มจะคุยกับนางเป็นเขา

“โชคดีที่ไม่ได้ไปจากเฉียน ข้าจะไม่จากไปเป็นอันขาด”

“เฉียน ไม่ว่าจะเมื่อใดห้ามเฉียนไม่ต้องการข้าเด็ดขาด ต่อให้ข้าจะจากไป เฉียนก็ต้องขวางข้าเอาไว้”

หลังจากกล่าวสองประโยคนี้จบ ชิงอิ่งก็รู้สึกว่าพลังในร่างกายของตนเองนั้นเริ่มพลุกพล่านขึ้น

ร่างกายของเขาเจ็บปวดมาก แต่เขากลับไม่แสดงออกมา

เขากล่าวเสียงขรึมว่า “เพราะหากข้าจากไปแล้ว ข้าคงไม่ได้เจอหน้าเฉียนไปตลอดชีวิต ฉะนั้น เฉียนอย่าให้ข้าจากไปเด็ดขาด ข้าทนไม่ได้!”

“ชิงอิ่ง ข้าจดจำคำพูดของเจ้าได้แล้ว แต่มันเพราะเหตุใดกันล่ะ?”

สำหรับที่มาของชิงอิ่งนั้นเป็นปริศนามาโดยตลอด!

สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ นางรู้สึกว่าความสามารถเพียงเล็กน้อยนั้นของราชาหุ่นไม่มีทางทำอันใดเขาได้ แต่มีความเป็นไปได้ว่ามันจะเกิดขึ้นเพราะร่างกายของชิงอิ่งเอง

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ความทรงจำนั้นมันปรากฏขึ้นมาเพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น และมันก็อันตรธานหายไป เขาไม่สามารถจำอะไรได้เลย

“เฉียน ข้าเหนื่อยมากแล้ว ต้องการหลับใหลไปช่วงหนึ่ง”

ร่างกายค่อนข้างที่จะควบคุมไม่ได้แล้ว มีเพียงแค่การหลับใหลเท่านั้นที่จะทำให้เขาสงบลงได้ หากตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็คงจะดีขึ้นแล้ว

เขายังคงสามารถอยู่ข้างกายเฉียนได้ สามารถปกป้องนางได้!

มู่เฉียนซีกล่าว “อืม! เจ้าพักผ่อนเถอะ!”

ชิงอิ่งเข้าสู่ภาวะหลับใหล มู่เฉียนซีเขาเอาเข้าไปในแหวนมังกรเทพวารี

ทั้งหมดนี้ทำให้อาถิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มมีสีหน้าที่ไม่ดีแล้ว

หญิงอัปลักษณ์นี่ก็จริง ๆ เลย สนใจเจ้าหุ่นเชิดถึงเพียงนี้

อาถิงกล่าว “เจ้าหุ่นเชิดผู้นี้มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน มีอันตรายมาก เจ้าคงจะไม่เก็บเขาเอาไว้จนไม่ยอมปล่อยเขาไปหรอกนะ!”

“นี่เป็นคำขอของชิงอิ่ง และข้าก็รับปากเขาไปแล้ว”

“ก็แค่หน้าตาหล่อเหลานิดหน่อย เจ้าเรียนรู้การสร้างหุ่นเชิดก็ได้แล้ว สร้างหุ่นเชิดที่หน้าตาดีกว่านี้ด้วยตัวเองสักคน หรือจะสิบคนก็ได้ จากนั้นเจ้าก็คงจะไม่ได้ต้องการหุ่นเชิดผู้นี้แล้ว”

ถึงแม้ว่าหญิงอัปลักษณ์จะอ่อนแอ แต่การสร้างหุ่นเชิดออกมา สำหรับนางแล้วมันไม่ใช่เรื่องยาก

“ชิงอิ่งอยู่กับข้ามานานแล้ว ข้าไม่ได้เห็นเขาเป็นแค่หุ่นเชิด แต่เขาคือคนสำคัญที่ข้าไม่อยากจะให้เขาหายไป หากเจ้าพูดอะไรที่มันดีไม่ได้ก็หุบปากไปเถอะนะ!”

“หึ! นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า!”

“ข้าพูดความจริง!”

“หญิงอัปลักษณ์ ข้าเห็นเจ้าแล้วคันมือจริง ๆ”

“เจ้าต้องการจะทุบตีข้าก็เชิญลงมือเลยสิ! อย่าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้านะ”

“ชิ! หากไม่ใช่เพราะท่านพี่ของข้าปกป้องเจ้าแล้วละก็ ข้าทุบตีเจ้าไปตั้งนานแล้ว”

“……”

ทั้งสองต่อล้อต่อเถียงกันไปมา และตอนนี้เวลาก็กลับมาเดินตามปกติแล้ว เฟิงอวิ๋นซิวกับจวินโม่ซีก็ตามมาทันแล้ว

ทันทีที่พวกเขามาถึง ก็ได้เห็นมู่เฉียนซีกับอาถิงกำลังทะเลาะกัน

มีจิตใจทะเลาะกันเช่นนี้แล้ว ก็น่าจะไม่มีเรื่องใหญ่อะไรแล้วล่ะ ในที่สุดพวกเขาก็โล่งใจ

มู่เฉียนซีกับอาถิงก็สังเกตเห็นแล้วว่ามีคนมา นางหันหน้าไปมองจวินโม่ซีกับเฟิงอวิ๋นซิว

จวินโม่ซีกล่าวถามว่า “สาวน้อย เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่! เจ้าท่อนไม้ล่ะ! เขาคงจะไม่ได้หนีไปจริง ๆ กระมัง ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมานี้เจ้าป้อนยาลูกกลอนให้เขามากมายจนซื้อเซี่ยโจวทั้งแผ่นดินได้แล้ว หากเขาหนีไปง่าย ๆ เช่นนี้ก็เท่ากับเป็นคนอกตัญญูไม่รู้จักบุญคุณเจ้าแล้วล่ะ”

มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงอิ่งไม่ได้จากไป เขาก็แค่เหนื่อยมาก หลับใหลไปแล้ว”

“หลับใหลไปอีกแล้วเหรอ!” จวินโม่ซีบ่นพึมพำ

“แต่หลับใหลไปก็ดีกว่าที่เขาหนีไปแล้วต้องกลายเป็นคนอกตัญญู”

มู่เฉียนซีมองไปที่เฟิงอวิ๋นซิวและกล่าวว่า “ทางด้านนู้นเป็นยังไงบ้าง?”

“ราชาหุ่นตายไปแล้ว ส่วนคนอื่นก็คงจะไม่รอด ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก” เฟิงอวิ๋นซิวตอบ

“รีบกลับไปดูสักหน่อยเถอะ”

ทางด้านพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกำลังคนหรือความแข็งแกร่งล้วนแต่ชนะขาดลอย ดังนั้นคนของสำนักหุ่นปีศาจจึงถูกฆ่าตายไม่มีเหลือ

หลังจากที่พวกเขากลับไปก็จัดการจนเกือบจะหมดเกลี้ยงแล้ว เจียงขุยผู้เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักหุ่นปีศาจในตอนนี้ก็ได้กลายเป็นนักโทษแล้ว

เจียงขุยกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “สาวน้อยผู้นั้นช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก เพื่อหุ่นเชิดที่ไร้ชีวิตผู้เดียวกลับต้องทำลายล้างไปทั้งสำนัก หากใครไว้ชีวิตคนของสำนักหุ่นปีศาจ พวกเจ้าจะได้ประโยชน์จากข้ามากมาย!”

สำนักหุ่นปีศาจของพวกเขาเป็นสำนักที่ควบคุมหุ่นเชิด เป็นสำนักที่ติดต่อกับหุ่นเชิดมากที่สุด แต่ก็ไม่เข้าใจการกระทำของมู่เฉียนซีเช่นกัน เพื่อหุ่นเชิดในการต่อสู้ที่ไร้ชีวิต ไร้ความรู้สึกผู้หนึ่ง นางสามารถทำถึงขั้นนี้ มันคุ้มค่าแล้วเหรอ

.