บทที่ 2063 พวกแกตายแน่!
พอได้ยินคำว่า ‘ลูกพี่ใหญ่’ ประโยคนั้นของเยี่ยหวันหวั่น เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้สังเกตเลยว่า แววตาของซือเยี่ยหานที่อยู่ข้างๆ หนาวเหน็บเหมือนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือแล้ว
สมุนคนหนึ่งเห็นว่าเยี่ยหวันหวั่นนุ่มนิ่มน่ารัก ท่าทางก็พลันเปลี่ยนไปไม่น้อย “เฮ้อ ลูกพี่ แล้วกันไปเถอะนะ จะไปถือสาหาความผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำไม”
ใบหน้าถมึงทึงของหัวหน้าสาขาคนนั้นยังคงโกรธเคืองอยู่บ้าง
เยี่ยหวันหวั่นจึงพูดต่อไปว่า “ลูกพี่ใหญ่ท่านนี้สง่างามมีบารมี มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นคนผึ่งผายและใจกว้าง ไม่มีทางถือสาพวกเราแน่ๆ!”
สีหน้าของหัวหน้าสาขาคนนั้นอ่อนลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพอใจคำประจบของเยี่ยหวันหวั่นมาก
“ฮึ่ม…นับว่าเธอโชคดีนะ! ครั้งนี้ไม่เอาเรื่องเธอก็ได้! แต่ว่า…” หัวหน้าสาขาพูด พลางเหลือบมองลูกน้องแวบหนึ่ง
ลูกน้อยได้รับสัญญาณ ก็เข้าใจได้ทันที จากนั้นก็มองดูเยี่ยหวันหวั่นกับซือเยี่ยหานตั้งแต่หัวจรดเท้าแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยว่า “วันนี้จะไว้ชีวิตพวกแกก็ได้ แต่ว่า ชนลูกพี่ของพวกเราแล้วคิดว่าจะจบลงแบบนี้งั้นเหรอ แบบนี้ไม่มีความจริงใจเกินไปแล้วนะ!”
พอเยี่ยหวันหว่านได้ยินก็เข้าใจแล้วว่าพวกเขาหมายความว่ายังไง ในใจก็นึกดูถูกคนพวกนี้มาก
ถึงแม้ชื่อเสียงของพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเธอจะไม่ดีสักเท่าไร แต่พันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเธอก็ไม่เคยหาเรื่องคนอ่อนแอ ไม่ฉกชิงวิ่งราวรีดไถเงินเอารัดเอาเปรียบแบบนี้ ถ้าทำก็จะทำกับพวกขาใหญ่ ถ้าจะเล่นงานก็จะเล่นพวกบิ๊กๆ
และนี้ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพันธมิตรอู๋เว่ยมีชื่อเสียงมากขนาดนี้ และไม่มีใครกล้ามาหาเรื่อง กลุ่มอำนาจระดับสูงๆ ก็ยังต้องยำเกรงอยู่สามส่วน
สรุปคือ คนพวกนี้ไม่เข้าตาเธอเลยจริงๆ!
เยี่ยหวันหวั่นกลัวว่าซือเยี่ยหานที่อยู่ข้างๆ จะทนไม่ไหว จึงรีบกระซิบบอก “อย่าวู่วามนะ ไม่งั้นจะเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าฐานะของพวกเราเปิดเผยแล้วจะซวยเอา”
ถึงยังไงพวกเธอทั้งคู่ก็เป็นคนที่หนีออกมาจากองค์กร
โดยเฉพาะเยี่ยหวันหวั่น…คนพวกนี้ต่างก็รู้จักเธอ ถ้าวุ่นวายขึ้นมาความลับของเธอคงจะถูกเปิดเผย
“ฉันจะยกของมีค่าในตัวให้พวกเขาไปหมดเลย” เยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ย
โชคดีที่ซือเยี่ยหานไม่ได้คัดค้าน ท่าทางเยือกเย็นมาก “ได้”
บนตัวซือเยี่ยหานไม่มีของมีค่าอะไร ดังนั้น จึงมีแค่เยี่ยหวันหวั่นที่มอบกระเป๋าเงินบนตัวกับจี้ห้อยเอวชิ้นหนึ่งให้คนพวกนั้นไป
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยว่า “ลูกพี่ทุกท่าน นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเรา โปรดรับไว้ด้วย!”
คนพวกนั้นรับเงินไปอย่างไม่เกรงใจ แต่กลับยังไม่พอใจ จ้องซือเยี่ยหานแล้วพูดว่า “แล้วไอ้หนุ่มนี่ล่ะ”
“พวกพี่เห็นเขาแต่งตัวธรรมดาแบบนี้ก็น่าจะรู้แล้วนี่นา ในตัวเขาไม่มีเงินหรอก ไม่มีของมีค่าอะไรเลยด้วย” เยี่ยหวันหวั่นชี้แจงเสียงอ่อน
สมุนคนนั้นยิ้มอย่างเยียบเย็นแวบหนึ่ง “นั่นก็ไม่แน่หรอก ต้องค้นดูถึงจะรู้!”
แววตาของเยี่ยหวันหวั่นเยียบเย็นขึ้นมาทันที สวะ! ให้หน้าแล้วยังไม่ไว้หน้าอีก! ที่รักของฉันเป็นคนที่พวกแกสามารถแตะต้องได้งั้นเหรอ
คนพวกนั้นว่าแล้ว ก็ส่งคนออกมาค้นตัวซือเยี่ยหานสองคน
เยี่ยหวันหวั่นจะปล่อยให้คนพวกนี้ใช้อุ้งเท้าตัวเองมาแตะต้องซือเยี่ยหานได้ยังไง เส้นลวดที่ขึงไว้ในสมองขาดผึ่ง จนใกล้จะเสียการควบคุมแล้ว
เวรเอ้ย! ไม่สนแล้ว! โป๊ะแตกก็ได้! แต่จะมาแตะต้องที่รักของเธอไม่ได้เด็ดขาด!
แต่ว่า ในเวลานี้เอง ซือเยี่ยหานกลับกดมือของเธอไว้อย่างกะทันหัน พลางมองเธออย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ปล่อยให้พวกเขาค้นเถอะ”
เยี่ยหวันหวั่นได้เห็นฉากนี้ ก็ตื้นตันแทบตายแล้ว ที่รักของเธอช่างอ่อยโยนและแสนดีเกินไปแล้วจริงๆ!
สุดท้ายคนพวกนั้นก็พุ่งเข้ามาค้นตัวซือเยี่ยหานอย่างหยาบคาย
ซือเยี่ยหานอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้พวกเขาค้นไป ไม่ใส่ใจเลยสักนิด มีแค่เยี่ยหวันหวั่นที่เดิมทีเธอไม่ได้ถือสาเรื่องเล็กๆ แบบนี้สักเท่าไร แต่ว่า พอคนพวกนั้นมาแตะต้องซือเยี่ยหาน ความโกรธก็พุ่งทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…
แม่งเอ๊ย! กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬใช่ไหม! พวกแก ตาย แน่!
————————————————————————-
บทที่ 2064 ทำตัวเรียบง่าย ตอบแทนความแค้นด้วยคุณธรรม
คนพวกนั้นค้นไม่เจอของมีค่า จึงเผยสีหน้าผิดหวัง แล้วถึงปล่อยพวกเขาไป
หลังจากออกมาแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นยังคงโมโหอยู่ “โอ้ย! ฉันโมโหจะตายอยู่แล้ว! ไอ้คนพวกนั้น!”
“ก็แค่นกกาฝูงหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องใส่ใจพวกเขาหรอก พวกเขาอยากได้เงิน ให้พวกเขาไปก็จบ ปลอดภัยไว้ก่อน” ซือเยี่ยหานเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แถมยังกำชับเธอว่า “ตอนนี้เธอออกจากพันธมิตรอู๋เว่ยแล้ว ต่อไปต้องทำตัวเรียบง่ายหน่อย อย่าไปมีเรื่องกับใครง่ายๆ!”
เยี่ยหวันหวั่นบ่นอุบอิบ “ที่รักคุณพูดจาดีเกินไปแล้ว นิสัยก็ดีเกินไปแล้วเหมือนกัน!”
พอพูดมาถึงตรงนี้ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไว้ เยี่ยหวันหวั่นจึงเอ่ยเสริมทันทีว่า “แต่คุณพูดถูกแล้วละที่รัก ไม่จำเป็นต้องใส่ใจพวกเขาเลย ตอบแทนความแค้นด้วยคุณธรรม นี่สิถึงจะเป็นการสั่งสมบุญบารมี ถึงเวลาเดี๋ยวกรรมก็ตามสนองเอง!”
ซือเยี่ยหานพยักหน้ารับ “อืม”
เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ระหว่างการสะกดจิตย้อนความทรงจำได้ยินบทสนทนานี้ของทั้งคู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
คนหนึ่งเป็นนักเลงใหญ่ อีกคนก็เป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งคุกคนบาป ทำตัวเรียบง่ายเอย ใช้คุณธรรมตอบแทนความแค้นเอย จิตสำนึกมโนธรรมของพวกนายไม่เจ็บปวดเลยจริงๆ น่ะเหรอ
เธอไม่เชื่อหรอกนะว่าตัวเองในตอนแรกจะปล่อยไปแบบนี้!
แน่นอนว่า ความทรงจำก็ดำเนินต่อไป…
พอตกค่ำ เยี่ยหวันหวั่นออกมาจากจุดเปลี่ยว ค่อยๆ เดินเข้าไป ขวางทางของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬนั้นไว้
“ฮ่าๆๆ…รูปร่างของผู้หญิงคนนั้นไม่เลวเลยจริงๆ เสียงก็หวานด้วย!”
“เยี่ยมเลยแหละ ช่างพูดซะด้วย เสียงเหมือนนกขมิ้นไม่มีผิด ถ้ารู้แต่แรกน่าจะฉุดเธอมาซะ!”
“แต่ไอ้หนุ่มตัวเหม็นที่อยู่ข้างๆ เธอท่าทางดุดันเอาเรื่อง ดูแล้วไม่ค่อยน่าหาเรื่องอยู่บ้างนะ”
“ชิ ในถิ่นนี้ ยังมีใครที่พี่สามของเราไม่กล้าหาเรื่องอีกเหรอ”
“นี่ก็ถูกนะ ฮ่าๆๆ…ลูกพี่ ถ้าพี่ชอบ พวกเราจะช่วยไปฉุดกลับมาให้พี่เอง!”
….
เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นคาบก้านต้นหญ้าหางสุนัขไว้ที่มุมปาก นั่งยองๆ อยู่ริมทาง บังเอิญได้ยินเสียงที่เมามายของคนพวกนั้นเข้า ดูเหมือนว่ากำลังพูดถึงเธอกันอยู่พอดี
เยี่ยหวันหวั่นพ่นดอกหญ้าหางสุนัขออกเสียงดัง ‘ถุย’ แล้วค่อยๆ เดินออกมาจากด้านหลังพงหญ้า
เยี่ยหวันหวั่นร้องทัก “ทุกท่าน…ตามหาฉันอยู่ใช่ไหม”
พอเห็นเยี่ยหวันหวั่น กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬเหล่านั้นต่างก็ตกใจอยู่บ้าง และปฏิกิริยาต่อมาคือตื่นเต้น “โอ๊ะโอ๋! นี่ไม่ใช่สาวน้อยคนนั้นหรอกเหรอ ”
“ทำไมส่งตัวเองมาหาถึงที่เลยล่ะ! หรือว่าจะต้องตาลูกพี่ของพวกเราเข้าแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆ…”
ทั้งกลุ่มต่างก็หัวเราะประสานเสียงกัน ด้วยสีหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย
เยี่ยหวันหวั่นสบถเบาๆ “ความอดทนของข้ามีจำกัด ก่อนหน้านี้ ไอ้หน้าไหนที่บังอาจไปแตะต้องผู้ชายของฉัน ตอนนี้ ลุกออกมาหาข้าด้วยตัวเองซะ!”
ท่าทางของเยี่ยหวันหวั่นเปลี่ยนไปอย่างมาก ทำให้สีหน้าของคนพวกนั้นเปลี่ยนไปแล้ว “นังตัวดี! เธอว่ายังไงนะ รนหาที่ตายซะแล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างไม่เกรงกลัว “รนหาที่ตายงั้นเหรอ ใช่แล้ว พวกแกมันรนหาที่ตายจริงๆ!”
“เวรเอ้ย! นังชั้นต่ำ ฉันว่าเธอน่ะ…”
ใครคนหนึ่งในกลุ่มนั้นเอ่ยพลางพุ่งเข้ามาหาอย่างดุร้าย แต่ผลคือพูดยังไม่ทันจบ วินาทีต่อมา ก็พลันมีเสียง ‘ปัง’ ดังสนั่นแล้ว ร่างของคนๆ นั้นประหนึ่งกระสอบทราย ถูกเตะปลิวออกไป
“บัดซบ! ไม่น่าเชื่อเลยว่านังชั้นต่ำคนนี้จะมีฝีมือด้วย! มิน่าถึงได้ผยองแบบนี้! ไป! เข้าไปพร้อมกัน!”
เยี่ยหวันหวั่นบิดข้อมือ เงาร่างเคลื่อนไปด้านหน้าเหมือนสายฟ้าแลบ จัดการคนอื่นๆ ก่อน จากนั้นก็หิ้วตัวสองคนนั้นที่ค้นตัวซือเยี่ยหานมาทรมานอย่างหนัก
สุดท้าย เยี่ยหวันหวั่นก็ก้าวช้าๆ เข้าไปหาหัวหน้าสาขาของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ
หัวหน้าสาขาเห็นเหล่าสมุนต่างก็ล้มกันหมดแล้ว จึงตะโกนด้วยความโกรธ “นังตัวดี! แกใจกล้ามากนะมาจากกลุ่มไหน บอกชื่อแซ่มาซะ ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าหาเรื่องแม้แต่คนของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอย่างข้า!”
เยี่ยหวันหวั่นปัดรอยเปื้อนบนร่างพลางเลิกคิ้วนิดๆ “ชื่อของฉันงั้นเหรอ?”
……………………………………………….