บทที่ 2065 บนโลกนี้ยังมีคนดีอีกมาก
สมุนพวกนี้เป็นยอดฝีมือของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ แต่ผลคือถูกผู้หญิงคนนี้จัดการซัดจนร่วงเหมือนหั่นผักในเวลาไม่ถึงสิบนาที
และเขาได้เห็นอย่างชัดเจนว่า กระบวนท่าของอีกฝ่ายโหดเหี้ยมมาก ทำให้คนขนลุกซู่ขึ้นมา
ในเขตนี้ไม่มีใครไม่รู้จักกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬของพวกเขา ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีคนที่ไม่รักชีวิตถึงขนาดนี้ กล้าหาเรื่องแม้แต่พวกเขา
หัวหน้าสาขาตะโกนด้วยความโกรธ “แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันคือเฝิงคุนหัวหน้าสาขาย่อยของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ! ถ้าแกมีสังกัดก็บอกชื่อมาเลย ข้าจะไปถล่มแก๊งของแกให้ราบคาบแน่!”
เยี่ยหวันหวั่นขำทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ได้สิ ยินดีต้อนรับตลอดเวลาเลย! ประตูใหญ่ของบ้านพวกเรา เปิดรับทุกคนเสมอ!”
พอเอ่ยประโยคนี้จบ เยี่ยหวันหวั่นก็ค่อยๆ ถอดแว่นตากรอบดำบนใบหน้าออก
ในขณะเดียวกัน ที่คาดผมสีชมพูในเรือนผมก็ถูกเธอโยนทิ้งไป ทรงผมงดงามที่ให้ช่างทำผมจัดแต่งทรงให้เป็นพิเศษคลายตัวลงมา จากนั้น เรือนผมยาวสีดำขลับก็แผ่สยายลงมา เข้าคู่กับดวงตาเย็นชามืดมนของหญิงสาว ภายใต้แสงจันทร์ ทำให้คนอกสั่นขวัญกระเจิงแล้ว!
หญิงสาวใต้แสงจันทร์งดงามมาก แต่ฉากนี้กลับทำให้คนตกใจยิ่งกว่าได้เห็นนางมารร้ายเสียอีก
“ปะ…ปะ…ไป๋…ไป๋เฟิง!!!” หลังจากจำได้แล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร หัวหน้าสาขาก็ถอยกรูดไป ล้มก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้นเสียงดังตุบ
เป็นไปได้ยังไง!
สาวน้อยอ่อนหวานคนนี้กลายเป็นแบดเจอร์ไป๋เฟิงไปได้ยังไง!
เฝิงคุนไม่มีทางลืมใบหน้านี้ เมื่อก่อนก็เป็นเพราะไม่รักชีวิตไปมีเรื่องขัดแย้งกับพันธมิตรอู๋เว่ยจนถูกซ้อมอย่างรุนแรงเข้า ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับใบหน้านี้ของไป๋เฟิงดี
เพียงแต่การแต่งตัวของเธอก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาจำไม่ได้เลย
เฝิงคุนแทบจะรีบตะเกียกตะกายคลานเข้าไปหาเยี่ยหวันหวั่น แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเธอเสียงดังตุบ “ท่านปู่! ท่านปู่ผมผิดไปแล้ว! ผู้อาวุโสไป๋! ผมมีตาแต่ไม่มีแวว ไม่คิดเลยว่าคุณจะให้เกียรติมาเยี่ยมเยือนถิ่นโกโรโกโสของพวกเราเป็นการส่วนตัว ขอร้องผู้ยิ่งใหญ่อย่างคุณอย่าได้ถือสาผู้น้อยเลย อย่าเอาเรื่องเอาราวกับผมเลย!”
เวลานี้ เหล่าสมุนคนอื่นๆ ก็ตกใจจนตาค้างไปหมดแล้ว พากันโผเข้ามาโขกศีรษะร้องไห้อ้อนวอน
“ผู้อาวุโสไป๋ไว้ชีวิตด้วย!”
“ไว้ชีวิตด้วยครับ!”
“ไอ้พวกตาบอด ยังไม่คืนของให้ผู้อาวุโสไป๋อีก!” เฝิงคุนยกเท้าถีบไปทีหนึ่ง
ทุกคนถูกขู่จนตกใจกลัวแล้วจึงรีบยื่นของคืนให้อย่างพินอบพิเทา
“อะไรกัน อยากมาเป็นแขกที่พันธมิตรอู๋เว่ยของฉันไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ๆๆ! ไม่เอาแล้วครับ!”
คนพวกนี้เห็นนางมารร้ายอย่างเยี่ยหวันหวั่นแล้วยังจะกล้าอวดดีได้ยังไง ตอนนี้มีแต่เสียงคร่ำครวญดังระงม
ใครจะไปคิดกันล่ะว่าพวกเขาจะตาบอดไปชนแบดเจอร์ที่แต่งตัวหวานแหววออกมาเดทกับผู้ชาย แถมยังไปรบกวนความสำราญของคนอื่น ถึงขั้นที่ไปแตะต้องเหยื่อของเธอด้วย นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกเหรอ!
….
ไม่กี่วันหลังจากนั้น เดิมทีเยี่ยหวันหวั่นเตรียมจะลงมือสั่งสอนกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอย่างลับๆ สักหน่อย ผลคือ คาดไม่ถึงเลยว่ากลุ่มพยัคฆ์ทมิฬจะไปหาเรื่องใครเข้า จึงถูกถล่มจนราบแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างมีความสุข “ที่รัก คุณรู้รึยัง กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬที่มาหาเรื่องพวกเราครั้งก่อน ถูกคนถล่มไปแล้ว! ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเป็นผลงานของกลุ่มอำนาจไหน!”
ซือเยี่ยหานตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ “งั้นเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “ก็ใช่น่ะสิ ฉันเพิ่งได้ยินข่าวตอนออกไปข้างนอก ที่รัก ดูเหมือนว่าทำดีจะได้ดี ทำชั่วจะได้ชั่วจริงๆนะ! สุดท้ายธรรมมะย่อมชนะอธรรม!”
ซือเยี่ยหานตอบรับอย่างเรียบเฉย “อืม บนโลกนี้ยังมีคนดีอีกมาก”
เยี่ยหวันหวั่นก็เห็นด้วย “ใช่แล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ระหว่างการสะกดจิตไว้อาลัยให้กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอย่างเงียบๆ เป็นเวลาหนึ่งวินาที ไม่ต้องถามเธอก็รู้แล้ว ต้องเป็นฝีมือของซือเยี่ยหานแน่
กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬก็หน้ามืดตามัวซะเหลือเกิน ดันไปล่วงเกินผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยกับบอสใหญ่แห่งอาชูร่าอย่างไร้เหตุผลในคราวเดียวกัน
——————————————————————
บทที่ 2066 ฉันจะตอบว่าได้ทั้งนั้น
เมื่อความทรงจำดำเนินมาถึงตรงนี้ ความสัมพันธ์ของเยี่ยหวันหวั่นกับซือเยี่ยหานแทบจะไม่ต่างจากคู่สามีภรรยาแล้ว
ปกติทั้งสองจะปลีกวิเวกอยู่ภายในบ้าน ดีดพิณเดินหมากชงชา แถมยังขุดสระปลูกบัวเลี้ยงนกกระเรียนสองสามตัวไว้ด้วย ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างผ่อนคลายสบายใจ
เพื่อให้คู่ควรกับที่รักผู้ดูดีมีชาติตระกูลของเธอ เธอถึงขั้นที่ศึกษาร่ำเรียนพิณหมากตำราภาพอย่างเอาจริงเอาจังเป็นอย่างมาก แม้แต่การพูดคุยทั่วๆ ไปก็พิถีพิถันสละสลวยมากขึ้น ถึงขั้นที่กลุ่มคนในพันธมิตรอู๋เว่ยต่างก็ตระหนกตกใจไม่กล้าเข้าใกล้เธอ เพราะนึกว่าเธอเมาเหล้าอีกแล้ว
วันนี้ เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกไม่สบายใจจึงเอ่ยถามหยั่งเชิงดูว่า “เอ่อ ที่รัก ฉันขอถามอะไรคุณสักอย่างสิ…”
ซือเยี่ยหานเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ว่าไง”
เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดคำพูดอย่างระมัดระวัง “คุณคิดว่า…แบดเจอร์ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยคนนั้น…เป็นยังไง”
“ทำไมถามแบบนี้” ซือเยี่ยหานไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงถามแบบนี้
เยี่ยหวันหวั่นพูดไปเรื่อย “ก็แค่อยากรู้ เลยถามไปเรื่อยน่ะ คุณคิดว่าไป๋เฟิงเป็นคนแบบไหนเหรอ”
ใบหน้าของซือเยี่ยหานเคร่งตึงนิดๆ และเอ่ยเตือนว่า “คนคนนี้อันตรายมาก อยู่ให้ห่างจากเธอหน่อย อย่าไปยุ่งกับการต่อสู้ของพันธมิตรอู๋เว่ยอีก”
พอได้ฟังคำวิจารณ์จากซือเยี่ยหาน หัวใจที่เต้นกระหน่ำของเยี่ยหวันหวั่นก็ดิ่งวูบลงเหวไปเลย และถูกแช่แข็งทันที
อันตรายมาก…อันตรายมาก…
นี่ๆๆ ความจริงแล้วเธอไม่อันตรายเลยสักนิดนะ! เธอนุ่มนิ่มมากเลย!
ทันทีที่ซือเยี่ยหานมองเห็นความผิดปกติ เยี่ยหวันหวั่นก็รีบดึงสติกลับมา “แค่ก สบายใจได้เลย ฉันเข้าใจอยู่แล้ว ฉันแยกตัวออกจากพันธมิตรอู๋เว่ยตั้งนานแล้ว ตัดขาดไปแล้ว! ไม่มีทางไปมาหาสู่อีกเด็ดขาด ไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับนางมารคนนั้นอีกแน่นอน!”
ซือเยี่ยหานพยักหน้ารับ “อืม”
“งั้น…ฉันยังมีคำถามอยู่อีกข้อ”
เมื่อเห็นว่าซือเยี่ยหานไม่ได้สงสัยอะไร เยี่ยหวันหวั่นจึงโล่งอก จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ราวกับได้ทำการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ และเอ่ยต่อไปว่า “ที่รัก ตั้งแต่พวกเราเริ่มรู้จักกันจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็นฉันที่เอาแต่บังคับคุณอยู่ตลอด…คุณน่ะ…รังเกียจฉันมากใช่ไหม อันที่จริงถ้าคุณไม่ได้ชอบฉัน…ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใจ…”
ซือเยี่ยหานฟังแล้วสีหน้าแข็งค้างไปนิดๆ มองหญิงสาวด้วยสายตาที่ราวกับคบเพลิง แล้วค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “เธอมองจากตรงไหนว่าฉันฝืนใจ”
เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบๆ เอ่ยอย่างเงอะงะ “อ่อ ไม่ใช่ว่าคุณยอมตามฉันมาเพราะเซาปิ่งหรอกเหรอ เมื่อก่อนก็เป็นเพราะเซาปิ่งคุณถึงยอมช่วยชีวิตฉัน…จากนั้นเป็นเพราะฉันให้ลูกอมระเบิดห่อหนึ่งกับคุณ…คืน…คืนนั้นคุณถึงได้ยอมตอบว่า ‘ได้’ …”
ยิ่งพูดเยี่ยหวันหวั่นก็ยิ่งหม่นหมอง
ใครจะคิดกันล่ะว่าศัตรูหัวใจของเธอคือเซาปิ่งน่ะ อ้อใช่ ยังมีซาลาเปาหมั่นโถววอวอโถวกับลูกอมด้วย...
ซือเยี่ยหานมองเธอด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนอยู่บ้าง “เธอคิดแบบนี้งั้นเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบๆ “ใช่น่ะสิ อันที่จริง…ฉันอยากถามคุณมาตลอดเลย ทำไมคุณถึงชอบเซาปิ่งกับลูกอมขนาดนั้นล่ะ ตอนนั้น ความจริงฉันเมามาก ไม่เคยคิดเลยว่าจะใช้ลูกอมห่อหนึ่งมาแลกตัวคุณ แต่คุณก็ยอม…ก็ยอมนอนกับฉัน… คุณแสนดีขนาดนั้น แถมยังไม่ค่อยประสาเรื่องทางโลก ไม่รู้จักอะไรเลย ฉันไม่อยากหลอกลวงคุณ และไม่อยากหลอกใช้คุณ ตอนนี้คุณเป็นอิสระแล้ว อยากกินอะไร อยากทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ของพวกนี้ถ้าหากว่าคุณชอบกิน คุณจะหาซื้อจากที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น! ไม่ใช่ของแปลกใหม่อะไรเลย…”
มือของซือเยี่ยหานที่ถือหมากสีดำเอาไว้ชะงักไป “อยากรู้เหรอว่าทำไม”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าอย่างเต็มกำลัง “อื้มๆๆ อยากรู้”
ซือเยี่ยหานวางหมากในมือลง จากนั้นก็พูดออกมาว่า “เพราะไม่ว่าเธอจะเอาอะไรมาแลกกับฉัน ฉันก็จะตอบว่า ‘ได้’ ทั้งนั้น”
สมองของเยี่ยหวันหวั่นหยุดนิ่งไปแล้ว “…หา?”