บทที่ 2067 โหมดบ้าคลั่ง
เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ระหว่างการสะกดจิตถูกความหวานชื่นทำให้จิตใจสั่นไหวแล้ว
ที่แท้ในในปีนั้นสไตล์การพูดคำหวานของใครบางคนก็อ้อมค้อมสิบแปดตลบแบบนี้…
….
ความทรงจำวาบผ่านเข้ามาในสมองราวกับโคมม้าหมุน อีกทั้งความทรงจำทั้งหมดในครั้งนี้ก็ชัดเจนและละเอียดเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จุดเล็กจุดน้อยบางอย่างก็ถี่ถ้วนเป็นพิเศษ มองออกเลยว่าสำหรับเธอแล้วความทรงจำในส่วนนี้สำคัญมาก และสลักลึกเป็นพิเศษ
หรือว่าครั้งนี้ความทรงจำจะฟื้นฟูกลับคืนมาทั้งหมดเลย
แต่ว่า ในขณะที่เธอคิดแบบนี้ เธอก็ข้ามมาที่สหพันธ์วิทยายุทธ์อีกครั้ง ในช่วงที่พูดคุยกับคุณตา ในสมองก็พลันปวดแปลบขึ้นมาเป็นพักๆ…
ในฉากมีเพียงเงาร่างอันพร่าเลือนของคุณตาที่ส่ายไหวอยู่ตรงหน้า นึกบทสนทนาทั้งหมดระหว่างเธอกับคุณตาไม่ออกเลย ยิ่งเธอพยายามจะนึกย้อนความทรงจำเท่าไร ความเจ็บปวดก็รุนแรงขึ้นเท่านั้น…
เยี่ยหวันหวั่นรับรู้ได้รางๆ ว่า ความทรงจำในช่วงเวลานี้ เกรงว่าคงจะเป็นส่วนที่เธอสะกดเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด และทำให้เธอในตอนนั้นเจ็บปวดเกินจะรับไหว ถึงขั้นที่อยากจะลืมเลือนสาเหตุทั้งหมด
เทียบกับสองครั้งก่อนแล้ว การสะกดจิตในครั้งนี้ใช้เวลานานที่สุด เมื่อเยี่ยหวันหวั่นตื่นขึ้นมา ก็เป็นช่วงเย็นแล้ว
แม้ในความทรงจำจะยาวนานขนาดนั้น แต่ความจริงแล้วก็เป็นเวลาครึ่งค่อนวันเท่านั้น
“อา…” ความรู้สึกเจ็บแปลบในสมองทำให้เยี่ยหวันหวั่นหลั่งเหงื่อท่วมศีรษะ จึงรีบลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้เอนหลัง
“ตื่นแล้วเหรอ” ผู้อำนวยการเฒ่าลูบเครา มองเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่บนเก้าอี้ ด้วยท่าทางพอใจมาก
การสะกดจิตครั้งนี้ใช้เวลานานที่สุด เห็นได้ชัดว่าได้ผลไม่เลวเลย
เยี่ยหวันหวั่นปาดเหงื่อ จิตใจสับสนเล็กน้อย ดูเหมือนจะยังเรียกสติกลับมาจากห้วงความทรงจำไม่ได้ ผ่านไปสักพักถึงได้พยักหน้าตอบ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้าใจอยู่บ้าง
“นึกว่าครั้งนี้จะจำทุกอย่างได้แล้วซะอีก…”
เธอยังย้อนความทรงจำกลับไปไม่ถึงช่วงของถังถังลูกรักเลย และยังมีเรื่องนั้นที่เธอใส่ใจที่สุดอีกด้วย…
ผู้อำนวยการเฒ่าเปิดปากเอ่ยอย่างจริงจังว่า “สาวน้อย เป็นคนจะโลภทุกอย่างไม่ได้ ถ้าทำให้เธอสามารถนึกทุกเรื่องออกภายในครั้งเดียว ต่อให้เธอเป็นเทพเซียน ก็รับไม่ไหวหรอกนะ”
เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นมา พลางคิดๆ ดู แค่สามารถย้อนทวนไปถึงช่วงที่รักใคร่หวานซึ้งกับซือเยี่ยหานได้ ก็เป็นกำไรมหาศาลแล้ว
คะแนนเกียรติยศที่จ่ายไปครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าแล้ว!
“ผู้อำนวยการคะ ขอบคุณมาก! ครั้งหน้าฉันจะมาหาคุณใหม่นะคะ!” เยี่ยหวันหวั่นพูด จากนั้นก็ยิ้มละไมแล้วเอ่ยต่อรองผ่อนผันอีก “ผู้อำนวยการคะ ท่านดูสิ ฉันช่วยเหลือท่านตั้งหลายครั้งแล้ว ท่านลดราคาให้ฉันบ้างไม่ได้เหรอคะ”
ผู้อำนวยการเฒ่าถลึงตาใส่เธออย่างดุดันแวบหนึ่ง “ฉันหักขาเธอให้ได้นะ”
“แค่กๆ รบกวนแล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นแอบบ่นอุบอิบ จากนั้นก็เผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว
เธอโชดดีจริงๆ ความทรงจำในครั้งนี้ต่อเนื่องลื่นไหล ทางฝั่งซือเยี่ยหานสรุปแล้วไม่มีปัญหาเลย!
ทว่า ในตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นยังไม่รู้ว่า โลกภายนอกได้พลิกหมุนกลับตาลปัตรแล้ว ที่รักในความทรงจำที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง หัวใจของสาวน้อยพองโตได้เข้าสู่โหมดบ้าคลั่งอย่างสมบูรณ์แล้ว…
….
ณ คฤหาสน์ออนเซ็น
สีหน้าของซือเยี่ยหานค่อนข้างว่างเปล่าในทันที “เธอคือ…เนี่ยอู๋โยว...”
“แค่ก...ใช่…ใช่แล้ว…” ท่าทางของพี่เก้าที่อยู่ตรงข้ามกันทำให้หลินเชวียสั่นสะท้านอยู่บ้าง
เนื่องจากตอนนี้ท่าทางของซือเยี่ยหานน่ากลัวเกินไป แม้แต่เจียงหลีเฮิ่นก็ไม่กล้าปากดีแล้ว สุดท้ายเนื่องจากต้านทานรัศมีกดดันข่มขวัญคนเช่นนี้ไม่ไหว จึงหัวเราะฮ่าๆ แล้วเผ่นแน่บไปทันที “อันที่จริง…ถูกหลอกก็ไม่เป็นไรหรอกน่า เป็นชู้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ เรื่องเล็กน้อยเอง…ปลงเถอะนะ!”
“นั่นสิ อาเยี่ย นายก็อย่าเสียใจเกินไปเลย แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทราหรอก!” เซี่ยเชียนชวนกระแอมไอทีหนึ่ง พยายามเอ่ยปลอบสองสามประโยค แล้วก็รีบจากไปเช่นกัน
—————————————————————————-
บทที่ 2068 จอมมารคืนชีพ
เห็นเจียงหลีเฮิ่นกับเซี่ยเชียนชวนหนีไปแล้ว หลินเชวียก็ตัดสินใจหนีเหมือนกัน ด้วยไม่อยากจะโดนลูกหลง
นับตั้งแต่ซือเยี่ยหานรู้ข่าวว่าเยี่ยหวันหวั่นคือเนี่ยอู๋โยว ก็นั่งอยู่ตรงที่เดิมตลอด ตั้งแต่ชาร้อนกรุ่นจนเย็นเฉียบ ตั้งแต่พระอาทิตย์ลอยอยู่กลางฟ้าจนกระทั่งเคลื่อนคล้อยลงทางทิศตะวันตก
เจียงหลีเฮิ่น เซี่ยเชียนชวนและหลินเชวียทั้งสามคนยังซุ่มอยู่ตรงซอกมุมไม่ไกลนัก พูดคุยกระซิบกระซาบกัน
เจียงหลีเฮิ่นส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “เฮ้อ เวรกรรม ไม่คิดเลยว่าอาเยี่ยก็มีวันที่ช้ำรักด้วยเหมือนกัน!”
เซี่ยเชียนชวนเอ่ยอย่างค่อนข้างเป็นห่วง “ฉันว่าเรื่องนี้เหมือนจะส่งผลกระทบกับเขามากเลย เขาจะล้มหมดท่าเพราะเรื่องนี้ไหม”
เจียงหลีเฮิ่นพยักหน้ารัวๆ เอ่ยอย่างมั่นใจว่า “ฉันว่าใช่แน่! ฉันไม่เคยเห็นอาเยี่ยใส่ใจผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อนเลย!”
เซี่ยเชียนชวนเริ่มวิจารณ์แล้ว “ฉันว่าผู้หญิงคนนั้นก็ทำไม่ถูกจริงๆ นี่ไม่ใช่การเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นหรอกเหรอ”
เจียงหลีเฮิ่นจ้องมองแผ่นหลังอ้างว้างที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นก็เดาะลิ้นส่งเสียงจิ๊ๆ แล้ว “คงไม่ใช่ว่าพอผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ต่อไปอาเยี่ยจะปิดกั้นตัวเองนะ”
หลินเชวียที่อยู่ด้านข้างก็เป็นกังวลไม่แพ้กัน จึงเอ่ยด้วยความร้อนใจ “พวกพี่อย่าเอาแต่กระซิบกระซาบกันแบบนี้สิ พี่เก้าอกหักแล้ว จะดีร้ายยังไงพวกพี่ก็ควรเข้าไปปลอบสักหน่อยสิ!”
เจียงหลีเฮิ่นตอบว่า “ปลอบก็ปลอบเถอะ นั่งนิ่งมาตลอดบ่ายแบบนี้ น่าจะเสียใจมาก…”
ขณะที่ทั้งสามกำลังหารือกันว่าจะไปปลอบใจใครบางคนที่หัวใจได้รับความบอบช้ำ ในช่วงเวลานี้เอง ซือเยี่ยหานที่นั่งนิ่งมาตลอดบ่าย จู่ๆ ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาแล้ว
ซือเยี่ยหานลุกขึ้นมา แล้วหันหลัง วินาทีที่ลมราตรีพัดผ่านร่างของเขา หลินเชวีย เจียงหลีเฮิ่น และเซี่ยเชียนชวนก็หนาวสะท้านขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้
“พี่…พี่เก้า…พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม พี่จะไปไหนเหรอ” หลินเชวียเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก
ซือเยี่ยหานหลุบตาลง จัดแขนเสื้อสูทสีดำเล็กน้อย น้ำเสียงแหบทุ้มเยือกเย็นเหมือนน้ำค้างฤดูใบไม้ร่วง “บ้านตระกูลเนี่ย”
หลินเชวียผงะไป ตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง “ไป…ไปบ้านตระกูลเนี่ยเหรอ ไปบ้านตระกูลเนี่ยทำไม”
หลังจากซือเยี่ยหานจัดแขนเสื้อเรียบร้อยแล้วก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาที่เดิมทีนิ่งสงบแต่เวลานี้กลับแดงฉานไปหมด ราวกับกระแสน้ำวนอันเชี่ยวกราก เสียงทุ้มเปล่งออกมาอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “แจ้งกับทางเจียงเหยียน เคลื่อนกำลังพลทั้งหมดภายในหนึ่งนาที”
แม้แต่เจียงหลีเฮิ่นกับเซี่ยเชียนชวนก็ถูกทำให้ตกใจไปด้วยแล้ว หลังจากซือเยี่ยหานกลับมาครั้งนี้ ควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้น เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่ตอนนี้ แค่ชั่วพริบตาเดียวก็ราวกับว่าเขาได้ย้อนกลับไปเป็นนายแห่งอาชูร่าผู้โหดเหี้ยมเย็นชาเหมือนตอนนั้นอีกครั้ง
หลินเชวียก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว “ไปบ้านตระกูลเนี่ย…เคลื่อน…เคลื่อนกำลังพลทั้งหมดไปที่บ้านตระกูลเนี่ยเหรอ พี่เก้า นี่พี่จะทำอะไร”
ตายๆๆ! สวรรค์! เขารู้ว่าครั้งนี้พี่เก้าโกรธเยี่ยหวันหวั่นมาก แต่ก็ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเรื่องราวจะมาถึงขั้นนี้ได้
ไม่ว่ายัยผู้หญิงสมควรตายเยี่ยหวันหวั่นคนนั้นจะเลวแค่ไหน แต่จะดีร้ายยังไงตอนนี้เธอก็มีฐานะเป็นคุณหนูรองเนี่ยอู๋โยวเชียวนะ
ตระกูลเนี่ยมีฐานะยังไงกันล่ะ นั่นคือผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่แห่งรัฐอิสระเชียวนะ ถ้าไปก่อเรื่องที่ตระกูลเนี่ย แบบนั้นต้องเกิดสงครามโลกขึ้นแน่ๆ!
ไม่ใช่แค่หลินเชวีย เจียงหลีเฮิ่นกับเซี่ยเชียนชวนก็ค่อนข้างประหลาดใจเหมือนกัน
“อย่าบอกนะอาเยี่ย นายจะไปโจมตีตระกูลเนี่ยงั้นเหรอ” เจียงหลีเฮิ่นเหวอไปแล้ว
เซี่ยเชียนชวนขมวดคิ้วแน่น “อาเยี่ย นายใจเย็นหน่อยเถอะ เรื่องนี้ต้องวางแผนกันให้รอบคอบ…”
จากนั้น ไม่รอให้คนทั้งสองได้พูดจบ ซือเยี่ยหานก็ออกเดิน หายลับไปในความมืดแล้ว
เจียงหลีเฮิ่นกับเซี่ยเชียนชวนทั้งคู่ยังยืนอยู่ที่เดิม มองหน้ากันเหลอหลา
ช้ำรัก ล้มหมดท่าอะไรกัน ไม่มีทั้งนั้นแหละ!
พวกเขาลืมกันไปได้ยังไงว่านิสัยของเจ้าหมอนี่น่ากลัวมากแค่ไหน…