บทที่ 2071 เธอเป็นได้แค่ของเขา
ผู้อาวุโสเหล่านี้ อายุคล้ายจะไม่น้อยแล้ว แต่ดูกระฉับกระเฉงจนทำให้คนแปลกใจ ลมหายใจหนักแน่นมีพลัง
“เจ้าหนู ไปจากที่นี่ซะ”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งในกลุ่ม มองไปยังร่างของซือเยี่ยหานด้วยสายตาเฉยเมย น้ำเสียงไม่ดัง แต่กลับทำให้หูของคนฟังปวดแปลบขึ้นมาเล็กน้อย
“ไสหัวไป” ชายวัยกลางคนแต่งกายเรียบง่ายที่ยืนอยู่ข้างๆ ซือเยี่ยหาน ค่อยๆ เปิดปากเอ่ยขึ้น
“นั่นคือ…อสูรฟ้าหนึ่งในสี่อสูรแห่งอาชูร่าใช่ไหม”
ในละแวกบ้านตระกูลเนี่ย มีกลุ่มอำนาจมากมายที่มาดักฟังข่าว พอเห็นชายวัยกลางคนที่เปิดปากพูด ก็ผงะไปเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็รู้กันทั่ว กลุ่มจี้หวงมีแปดมหาเทพ กลุ่มอาชูร่ามีสี่อสูร
แปดมหาเทพของกลุ่มจี้หวงเป็นตัวแทนของกำลังรบขั้นสูงสุด ส่วนสี่อสูรแห่งอาชูร่าก็ไม่ต่างกัน เป็นตัวแทนของกำลังรบระดับสูงสุดของอาชูร่า
อีกทั้งสี่อสูรก็ลึกลับมาก ตามปกติแล้วจะออกมาเคลื่อนไหวภายนอกน้อยมาก มีแค่ตอนที่อาชูร่าจะเปิดศึกระดับสูงสุดอย่างแท้จริงเท่านั้น สี่อสูรถึงจะปรากฏตัวออกมา
“เวรเอ้ย สี่อสูรของอาชูร่าออกโรงแล้ว!”
“ซวยแล้ว ไม่ใช่แค่สี่อสูรของอาชูร่านะ เหล่าผู้อาวุโสพวกนั้นคือคณะผู้อาวุโสของตระกูลเนี่ย เป็นกำลังรบสูงสุดของตระกูลเนี่ย! แล้วยังมีคุณชายใหญ่ตระกูลเนี่ยที่แข็งแกร่งอีก ต้องเรียกว่าพวกเขาทั้งหมดว่าอาจารย์!”
ไม่นานก็มีกลุ่มอำนาจอื่นๆ ปรากฏตัวออกมา
สี่ตระกูลใหญ่มาถึงแล้วสองตระกูล คือตระกูลเสิ่นและตระกูลจี้
คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นผงะไปแวบหนึ่ง แล้วมองไปรอบๆ อีกครั้ง พลางเอ่ยกับผู้อาวุโสในตระกูลสองสามท่านว่า “เรื่องนี้ใช้เงินแก้ปัญหาได้ไหม”
พอได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ท่านหนึ่งของตระกูลเสิ่นก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่ายหน้าแล้วตอบว่า “เกรงว่าจะไม่ได้ ภาคีผู้อาวุโสของตระกูลเนี่ยออกโรง สี่อสูรของอาชูร่าก็ออกโรง เท่ากับว่าสองขั้วอำนาจนี้ประกาศใช้มาตรการศึกขั้นสูงสุดแล้ว เกรงว่าจะใช้เงินแก้ไขไม่ได้ครับ”
คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นผงะไปแวบหนึ่ง “แย่แล้ว งั้นพวกเราจะมาทำไมล่ะ ตระกูลเสิ่นของเรา…นอกจากเงิน ก็ไม่มีอะไรแล้วนะ!”
ส่วนทางตระกูลจี้ ก็ส่งคนมาเป็นจำนวนมากเช่นกัน แต่ทำแค่ตั้งแถวอยู่ด้านนอก ยังไม่มีแผนการจะออกหน้าชั่วคราว คล้ายว่ากำลังสังเกตการณ์อยู่
ในสี่ตระกูลใหญ่ ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเนี่ยและตระกูลจี้นั้นดีที่สุด แทบจะเข้าขั้นเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว เมื่อตระกูลเนี่ยประกาศใช้มาตรการศึกขั้นสูงสุด ตระกูลจี้ย่อมไม่นั่งมองเฉยๆ
ในเวลานี้ บนหน้าผากของซือเยี่ยหานปรากฏเส้นเลือดปูดโปนแล้ว แววตามืดดำลุ่มลึกไปหมด
เขาเชื่อเธออย่างหมดใจ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า สุดท้ายผลลัพธ์ที่รอคอยจะเป็นแบบนี้
ในที่สุดความทรงจำของเธอก็กลับคืนมาแล้ว และกลับสู่ฐานะเดิมแล้ว ถึงขั้นที่ว่า กลับมาเจอลูกที่มีกับจี้ซิวหร่านแล้วด้วย มีแค่ตัวเขาที่ยังคงรักษาสัญญาและความทรงจำพวกนั้นอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง
เขาเคยบอกแล้ว…
เขาเคยพูดไว้แล้ว…
มีแค่เธอเท่านั้น
เธอเป็นได้แค่ของเขาเท่านั้น
เธอแตะถูกขีดจำกัดสุดท้ายของเขาแล้ว หัวใจเขาถูกฉุดลากลงสู่อเวจี สติสัมปชัญญะเสี้ยวสุดท้ายของเขาถูกทำลาย
“ฆ่าซะ”
น้ำเสียงของซือเยี่ยหานทุ้มลึกแหบพร่า ราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายยุคดึกดำบรรพ์ ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
ซือเยี่ยหานในตอนนี้ราวกับสูญเสียสติความมีเหตุมีผลไปแล้ว
“พูดจาโอหังดีนี่!”
ทันใดนั้นเอง หัวหน้าตระกูลเนี่ยและนายหญิงเนี่ยก็เดินนำขบวนออกมานอกบ้านตระกูลเนี่ยแล้ว
เนี่ยอู๋หมิงและเฟิงเสวียนอี้ พวกเสี่ยวเถียนเถียน อี้จือฮวา และหนุ่มภูเขาน้ำแข็งทั้งห้าคนยืนอยู่ด้านหลังสองผู้อาวุโส
“ใครมันกล้ามาหาเรื่องตระกูลเนี่ย!”
ระหว่างที่พูดๆ อยู่ ชาวพันธมิตรอู๋เว่ยโขยงใหญ่ก็บุกเข้ามา มีผู้อาวุโสหลักหลายท่านของพันธมิตรอู๋เว่ยเป็นผู้นำทีม หัวหน้าสาขาและสมาชิกระดับสูงนับไม่ถ้วนต่างก็แห่มากันพร้อมหน้า
เรื่องตลกระดับชาติอะไรนี่ ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเขาคือคุณหนูตระกูลเนี่ย อาชูร่ามาหาเรื่องตระกูลเนี่ย นี่ก็เท่ากับมาหาเรื่องพันธมิตรอู๋เว่ยด้วย
อีกอย่างตระกูลเนี่ยก็มีอำนาจมากพอ พวกเขาไม่กลัวที่จะต้องล่วงเกินอาชูร่าหรอก
———————————————————-
บทที่ 2072 กระตุกหนวดคนอื่น
นายแห่งอาชูร่าอยู่ในชุดสูทสีดำทั้งตัว กวาดตามองฝูงชนอย่างเยือกเย็น รัศมีอำนาจราวกับทรราชย์จอมเผด็จการ ทำให้คนไม่อยากเข้าใกล้
ข้างกายซือเยี่ยหาน คือสี่อสูรสุดลึกลับแห่งอาชูร่า ด้านหลังของสี่อสูร ก็คือหลินเชวียและเจียงเหยียน รวมถึงลูกน้องระดับสูงของอาชูร่าอีกมากมาย
“อย่าเพิ่งวู่วามไป อีกสองกลุ่มอำนาจหลักของคุกคนบาป สวรรค์ชังกับกลุ่มนักเชือดก็อยู่แถวนี้ด้วย”
ระดับสูงคนหนึ่งของตระกูลจี้เอ่ยสั่งการเบาๆ
….
ตอนนี้ สีหน้าของหัวหน้าตระกูลเนี่ยและนายหญิงเนี่ยต่างก็ไม่น่ามองยิ่ง รอบข้างมีกลิ่นดินปืนอบอวลหนาแน่น ราวกับถ้าพูดผิดไปคำเดียวก็จะเกิดฉากนองเลือด เกิดสงครามใหญ่ขึ้นมา
ตระกูลเนี่ยยิ้มเยาพลางเอ่ยว่า “โอ้ นายแห่งอาชูร่าช่างใหญ่โตมีมาดเหลือเกินนะ กล้ามาเหยียบหัวตระกูลเนี่ยของฉันได้!”
เมื่อเทียบกับหัวหน้าตระกูลเนี่ยแล้ว นายหญิงเนี่ยยังสงบเยือกเย็นกว่าอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเธอเห็นนายแห่งอาชูร่าคนนี้แล้ว ก็รู้สึกอยู่ตลอดว่าดูคุ้นตาอยู่บ้าง
นายหญิงเนี่ยเปิดปากพูดขึ้นว่า “นายแห่งอาชูร่าระดมกำลังคนบุกมาเอาตัวคนที่บ้านตระกูลเนี่ยของฉัน ไม่รู้ว่าที่แท้แล้วมีเรื่องอะไรกันแน่ ถ้าหากวันนี้ไม่อธิบายเหตุผลมา ต่อให้เป็นอาชูร่า ก็ยังไม่แน่ว่าจะเดินจากไปได้อย่างครบถ้วนไม่บุบสลาย”
“ส่งคนมาให้ฉัน”
ในดวงตาของซือเยี่ยหานเต็มไปด้วยเส้นเลือด น้ำเสียงทุ้มลึกแหบพร่าราวกับคำสาปก็ไม่ปาน
หัวหน้าตระกูลเนี่ยตอบกลับเสียงดังลั่น “นายล้อเล่นอยู่เหรอไง วิ่งมาเรียกเอาตัวคนที่ตระกูลเนี่ยของฉันเนี่ยนะ?!”
นายแห่งอาชูร่าพญามัจจุราชคนนี้บุกมาถึงบ้าน พอมาถึงก็ร้องจะเอาตัวคน โอหังเกินไปแล้วจริงๆ
นายหญิงเนี่ยมองไปที่ซือเยี่ยหาน พลางเอ่ยด้วยความสงสัยเล็กน้อย “คนเหรอ ใครล่ะ”
นายหญิงเนี่ยเอ่ยพลางเหลือบมองลูกชายของตัวเองที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่ง คงไม่ใช่ว่าไอ้เด็กคนนี้ออกไปก่อเรื่องไว้ข้างนอกอีกแล้วใช่ไหม
เนี่ยอู๋หมิงเห็นสายตาผู้เป็นแม่ก็รู้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยด้วยสีหน้าสับสนมึนงง “ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยนะ เห็นผมทำอะไรเหรอไง ช่วงนี้ผมไม่ได้ทำธุรกิจเลย อยู่บ้านทั้งวัน ไม่ได้ออกนอกประตูเลย จะมาโยนใส่ผมแบบนี้ได้ยังไง ทำไมเรื่องดีๆ ไม่มีส่วนของผม แต่เรื่องแย่ถึงตกใส่ผมหมดเลยล่ะ เกินไปแล้วนะ!”
หัวหน้าตระกูลเนี่ยกดเสียงต่ำ พูดอย่างอารมณ์เสีย “ถ้าเกี่ยวข้องกับแก ครั้งนี้ตาเฒ่าอย่างฉันจะเตะโด่งแกออกไปซะ!”
ดวงตาของซือเยี่ยหานไร้ซึ่งความอบอุ่น ปกปิดความบ้าคลั่งในดวงตาที่ราวกับว่าจะทำให้เขาสูญเสียการควบคุมไปได้ทุกเมื่อ เผชิญหน้ากับหัวหน้าตระกูลเนี่ยและนายหญิงเนี่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “เนี่ยอู๋โยว”
ทันทีที่สิ้นเสียงของซือเยี่ยหาน หัวหน้าตระกูลเนี่ยกับนายหญิงเนี่ยต่างก็ตะลึงงันไปแล้ว
นายหญิงเนี่ยเอ่ยทวน “อู๋โยวเหรอ”
เนี่ยอู๋หมิงกระโดดออกมาทันที “เห็นไหมๆ ผมก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ผม! ลูกสาวคนดีพวกพ่อแม่ต่างหากที่ก่อเรื่องน่ะ!”
ใบหน้าของหัวหน้าตระกูลเนี่ยมืดครึ้มเหมือนเมฆฝน “นายแห่งอาชูร่า ตระกูลเนี่ยของพวกเรากับอาชูร่าของพวกนายเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลองมาโดยตลอด วันนี้นายมาหาเรื่องถึงหน้าประตู แถมยังพูดจาจองหอง จะเอาลูกสาวฉันไป จะโอหังเกินไปแล้ว”
นายหญิงเนี่ยก็เอ่ยผสมโรงด้วยความแค้นเคืองแล้ว “เธอเห็นตระกูลเนี่ยของพวกเราเป็นอะไร คนตระกูลเนี่ยของเราใช่คนที่เธอคิดจะพาไปก็พาไปได้เหรอไง!”
“ส่งตัวเนี่ยอู๋โยวมาให้ฉัน ถ้าไม่ให้ พวกคุณก็ตาย” ซือเยี่ยหานกวาดสายตามองทุกคนด้วยสายตาเย็นยะเยือกเข้าไปถึงในกระดูก ทำให้คนสั่นสะท้านโดยไม่เหน็บหนาว ราวกับอยู่ต่อหน้างูพิษจำศีลตัวหนึ่ง
พอฟังมาถึงตรงนี้ เป่ยโต่วก็เอ่ยกระซิบข้างหูชีซิงกับผู้อาวุโสสามแล้ว “จบเห่แล้ว ถ้าบอกไม่ให้พี่เฟิงไปยั่วโมโหนายแห่งอาชูร่าแต่แรกก็คงดี ตอนนี้ดีนัก สุดท้ายก็กระตุกหนวดคนอื่นเข้าแล้ว!”
ผู้อาวุโสสามกังวลใจแล้ว “ค่อยยังชั่ว…ยังดีที่มีตระกูลเนี่ยหนุนหลัง! ไม่งั้นตายแน่!”
ชีซิงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อาชูร่าสนิมสนมใกล้ชิดกับคุกคนบาป ถ้าหากคุกคนบาปก็ลงมือด้วย…”