มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 916
สถานการณ์เช่นนี้ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสิ้นหวัง แต่หลัวซิวกลับไม่ได้ล้มเลิก โดยปกติอนัตตาไม่สิ้นมักจะปรากฏความอันตรายขึ้นมาบ้าง แบบเดียวกันกับรูปร่างของกฎปริภูมิดั้งเดิมที่เกิดความปั่นป่วน เกิดลมพายุ หรือแม้กระทั่งการบิดเบี้ยวของปริภูมิที่ไม่แน่นอน เมื่อใดที่เผชิญกับมัน ร่างกายก็จะถูกปริภูมิที่บิดเบี้ยวนั้นฉีกขาดในทันทีราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

เวลาครึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ต่อให้เป็นการปิดขังหนึ่งครั้งตามปกติ ต่างก็มีน้อยครั้งนักที่จะใช้เวลายาวนานเช่นนี้

วิวรอบ ๆ นั้นยังคงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง หลัวซิวก็ซูบโทรมลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด ชุดเสื้อผ้าขาดวิ่น มีครั้งหนึ่งที่บุ่มบ่ามเข้าไปในปริภูมิที่บิดเบี้ยว จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ถึงแม้เวลาครึ่งปีที่ผ่านไปนี้ไม่ได้ค้นพบว่าทางออกอยู่ที่ใด ผลการฝึกตนของหลัวซิวก็ไม่ได้หยุดโดยไม่มีความคืบหน้า อาศัยทรัพยากรมหาศาลที่เก็บออมเอาไว้ในแหวนเก็บของ จึงได้ฝึกตนบรรลุถึงแดนมหายุทธ์ขั้นเก้าแล้ว

ก่อนนี้เขาจงใจที่จะควบคุมการเข้าแดนของผลการฝึกตน เพื่อป้องกันการเกิดความไม่มั่นคงของรากฐาน แต่ตนอยู่ในอนัตตาไม่สิ้นแห่งนี้ที่สามารถเกิดสถานการณ์แห่งความเป็นความตายได้ทุกเวลา เดิมที่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารคาดการณ์สิ่งใดได้อยู่แล้ว การฝึกฝนที่อาจถึงแก่ชีวิตได้ตลอดเวลา หลังจากที่ผลการฝึกตนของเขาได้รับการฝึกฝนมากเพียงพอ ย่อมสามารถยกระดับขึ้นได้อย่างมั่นคง

หลังจากประสบอันตรายจนเกือบตายอีกครั้ง หลัวซิวก็ปล่อยภูตมรณะมารเทพออกมา เพื่อให้สำรวจทางด้านหน้า

เขาแอบคำนวณเวลาอยู่ในใจ สัมผัสได้ว่าเวลานั้นไหลไปอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำ มันได้ผ่านล่วงเลยไปแล้วประมาณเกือบ ๆ สามปี

ภายในระยะเวลาสามปีนี้ เขาได้ชุบร่างเนื้อของตนเองจนถึงขีดสุดของร่างยุทธ์แดนเจ้ายุทธจักร แดนกฎก็ยกระดับถึงแดนสำเร็จน้อยช่วงปลาย เก้าขั้นต้องห้ามของหอกยุทธ์มังกรดำ ก็ได้เปิดถึงขั้นที่หกแล้ว!

เพียงแต่ผลการฝึกตนของกลับไม่สามารถบรรลุถึงแดนเจ้ายุทธจักร อีกทั้งภายในเวลาสามปีที่ผ่านมานี้ เขาแทบจะใช้ทรัพยากรฝึกตนมหาศาลที่อยู่ในแหวนเก็บของจนเกือบหมด

พลังของเขาแข็งแกร่งมากเกินไป สะสมไว้อย่างหนาแน่นเกินไป การบรรลุหนึ่งแดนใหญ่จากมหายุทธ์ขั้นเก้าถึงเจ้ายุทธจักร จำเป็นต้องอาศัยโชคที่ดีสักอย่างหนึ่งจึงจะสำเร็จ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีโชคดีที่สามารถทำให้เจ้ายุทธจักรทั่วไปบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์!

โชคดีที่ว่านั้นไม่จำเป็นต้องเป็นทรัพยากรสมบัติ หากเป็นการสัมผัสรู้สูงขึ้นในชั่วพริบตา ก็สามารถมีผลทำให้สามารถผ่านช่วงคอขวดและบรรลุแดนใหญ่ได้

ตลอดเวลามานี้ นับตั้งแต่เหยียบเข้าสู่เส้นทางการฝึกยุทธ์นี้ การเข้าแดนของหลัวซิวนั้นราบรื่นไร้สิ่งกีดขว้าง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ใช้เวลาเกือบสามปีแต่ยังไม่สามารถบรรลุได้

เวลายังคงผ่านล่วงเลยไป เวลาห้าปีผ่านไปแล้ว เขายังคงไม่ประสบโชคที่สามารถช่วยในเรื่องของการบรรลุได้

ภูตมรณะมารเทพกำลังสำรวจทางด้านหน้าต่อไป โดยไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย เขาหลับตาเดินตามไปด้านหลัง ทบทวนประสบการณ์โลกยุทธ์ของตน

ในเวลานี้เอง ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ลืมขึ้นมากะทันหัน เพราะว่าเขาใช้ดวงตาของภูตมรณะมารเทพ มองเห็นว่าที่ด้านหน้ามีร่างไร้วิญญาณลอยอยู่ที่กลางอนัตตาไม่สิ้นอันแปลกประหลาดนี้

“ศพ? เหตุใดที่นี่จึงมีศพอยู่ด้วย?” หลัวซิวเงยหน้ามองด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

ศพร่างนี้เป็นเพศชาย ดวงตาคู่นั้นปิดสนิท ไม่มีพลังแห่งชีวิตแม้แต่น้อย บนร่างสวมด้วยชุดคลุมยาวสีทอง ผ่านไปไม่รู้กี่ปีแล้วก็ยังคงไม่สามารถทำลายให้สิ้นได้ เห็นได้ชัดว่าต้องไม่ใช่สมบัติธรรมดาที่หาได้โดยทั่วไปแน่นอน

หลัวซิวเดินเข้าไปด้านหน้า แต่ก็รู้สึกได้ถึงอันตรายขึ้นมากะทันหัน จึงได้ก้าวถอยหลังออกมาในทันที

เขาสงบจิตใจลงและเหลือบตาขึ้นมอง พบว่าเขตที่ร่างนี้ลอยอยู่นั้น เป็นปริภูมิที่มีความบิดเบี้ยวอยู่

ปริภูมิที่บิดเบี้ยวนั้นน่าเกรงกลัวจนถึงที่สุด ด้วยร่างยุทธ์แดนเจ้ายุทธจักรแดนสูงสุดของเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถต้านทานได้ ร่างอาจถูกฉีกออกได้ในชั่วพริบตา

มีเพียงร่างยุทธ์ร่างเนื้อระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้นที่จะสามารถต้านทานการฉีกทึ้งของปริภูมิที่บิดเบี้ยวได้ สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวยิ่งรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาอีกเท่าหนึ่ง

หรือว่าเจ้าของร่างนั้นคือผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ หรือบางทีอาจจะเป็นถึงเทพมารก็เป็นได้?

หลัวซิวควบคุมภูตมรณะมารเทพให้เดินเข้าไปในปริภูมิที่บิดเบี้ยวนั้น ร่างของภูตมรณะตนนี้คือเทพมาร ย่อมไม่เกรงกลัวต่อการฉีกทึ้งของปริภูมิที่บิดเบี้ยวอยู่แล้ว