เมื่อเข้ามาใกล้ หลัวซิวจึงได้ฝากตัวสำนึกเข้าไปในร่างของภูตมรณะมารเทพ รับรู้ได้ถึงออร่าของผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์จากร่างไร้วิญญาณของชายชุดคลุมสีทอง

แน่ใจได้ว่าคนผู้นี้คือมหาจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่ง แต่รัศมีแห่งชีวิตนั้นไม่มีอยู่เลย เขาตายอยู่ที่ปริภูมิอันไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้

ภูตมรณะมารเทพพาร่างของผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ออกมาจากกลางปริภูมิที่บิดเบี้ยว หลัวซิวเห็นว่าในมือขวาของเขากำแน่น สิ่งที่อยู่ในกำมือคือม้วนหยกโบราณม้วนหนึ่ง

หลัวซิวไม่พบแหวนเก็บของบนร่างของชายชุดทอง นี่ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย หากสามารถครอบครองสมบัติมหาศาลที่ผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่งทิ้งเอาไว้ได้ บางทีอาจจะสามารถทำให้ผลการฝึกตนของเขาพุ่งทะยาน ข้ามเข้าสู่แดนเจ้ายุทธจักรได้

ผลการฝึกตนของเขานั้นได้สะสมจนเพียงพอ อีกทั้งแดนกฎก็ได้ข้ามเงื่อนไขของการบรรลุเข้าแดนเจ้ายุทธจักรไปตั้งนานแล้ว ทั้งหมดนั้นมันขาดอยู่เพียงแค่ก้าวเดียว นั่นคือโชคดีอีกเพียงเล็กน้อย

ชุดคลุมสีทองบนตัวของชายคนนี้ ทำมาจากวัสดุที่ไม่รู้จักชื่อ หลัวซิวสัมผัสได้ถึงออร่ากฎบาง ๆ ของแดนบรรลุผล

ผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เหมือนกัน แต่ความสูงต่ำของพลังนั้นถูกกำหนดตามแดนกฎ แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั่วไปโดยทั่วไปจะอยู่ที่แดนกฎแดนสำเร็จน้อย มีเพียงผู้แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งที่แข็งแกร่งมากกว่า จึงจะสามารถครอบครองพลังแห่งกฎของแดนบรรลุผลได้

หากสามารถฝึกตนแดนกฎให้ถึงแดนบริบูรณ์ได้ นั่นก็คือแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูง

อนาคินมหาจักรพรรดิยุทธ์ของโลกแสงดาวคือการมีอยู่อย่างพิเศษ ผลการฝึกตนยังไม่บรรลุถึงระดับเทพมาร แต่สามารถได้รับพลังแห่งกฎดั้งเดิมจากแดนอนาคิน ครอบครองพลังต่อสู้ข้ามแดนต้านทานเทพมารได้

ผลการฝึกตนของชายชุดทองเมื่อตอนที่ยังมีชีวิตนั้น หลัวซิวคาดเดาว่ามีความเป็นไปได้ว่าเป็นระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลาง

“ชุดคลุมสีทองยาวนี้เป็นสมบัติลับชิ้นหนึ่ง สามารถคงอยู่ได้ท่ามกลางเวลาที่เนิ่นนาน บางทีอาจจะเป็นระดับสมบัติวิเศษ”

หลัวซิวไม่ได้มีท่าทางเกรงใจหรือกังวลใจเลยแม้แต่น้อย เอื้อมออกไปถอดชุดคลุมสีทองของผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ท่านนี้ออกทันที จากนั้นก็สวมลงบนร่างของตนเอง

จิตใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ชุดคลุมสีทองกลายเป็นชุดคลุมสีดำ มีลวดลายมังกรสีทองเก้าตัวปรากฏขึ้นราวกับมีชีวิต ทำให้เกิดความลึกลับถึงที่สุด

จากการกลั่นแปร หลัวซิวได้รู้ว่าสมบัติลับชิ้นนี้นามว่าชุดเก้ามังกร เป็นสมบัติวิเศษระดับล่างชิ้นหนึ่ง มักกรทองทั้งเก้าตัวบนชุดคลุมสามารถรวมตัวกันเป็นเกราะป้องกันได้

หลัวซิวพอใจอย่างยิ่ง ทันใดนั้นสายตาก็พลันมองไปที่ม้วนหยกโบราณในมือที่กำแน่นของร่างนั้น

คนผู้นี้เมื่อตอนที่เผชิญหน้ากับความตายนั้นยังคงกำม้วนหยกนี้เอาไว้แน่น เห็นได้ชัดว่าม้วนหยกนี้น่าจะเป็นของที่มีความสำคัญมากที่สุดชิ้นหนึ่ง

หลัวซิวให้ภูตมรณะมารเทพจับมือของเขาแบออก จากนั้นก็เอาม้วนหยกออกมา ส่งตัวสำนึกเข้าไปสำรวจ

บันทึกในม้วนหยกนี้ไม่ได้บันทึกวรยุทธ์วิชายิ่งเลิศใด ๆ แต่เป็นคำสั่งเสียของผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์บันทึกเอาไว้ก่อนตาย

ชายผู้นี้นามว่าเห้อหมิง เป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากโลกเทียนหยวน ตกลงที่อนัตตาโดยไม่ได้ตั้งใจ หลงทางสองพันปี!

“สองพันปี?”

หลัวซิวอ่านถึงตรงนี้ ในใจก็เก็บซ่อนความตื่นตกใจเอาไว้ไม่ได้ มหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลางคนหนึ่งแข็งแกร่งกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า แต่ก็ยังหลงทางอยู่ในอนัตตาไม่สิ้นถึงสองพันปี หรือว่าที่นี่จะไม่มีทางออกใดจริง ๆ หรือ?

ทันใดนั้น หลัวซิวรู้สึกว่าตนนั้นตัวเล็กลงมาก ท่ามกลางอนัตตากว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขตไร้ที่สิ้นสุดนี้ เขาเป็นไม่ได้แม้เพียงเศษฝุ่น

แม้แต่ผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ยังหลงทางกว่าสองพันปีอีกทั้งยังต้องมาตายอยู่ที่นี่ เขาเป็นเพียงมหายุทธ์ขั้นเก้าตัวเล็ก ๆ ยังมีช่องทางให้เอาชีวิตรวดได้อีกหรือ?

ตั้งแต่โบราณกาล อนัตตาไม่สิ้นเป็นหลุมฝังศพของผู้แข็งแกร่งที่หลงเข้ามาในที่แห่งนี้ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน นอกเสียจากเทพมารนิรันกาลที่สามารถทำลายอนัตตาผ่านทะลุระหว่างโลกพิภพได้ ก็มีคนจำนวนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่โชคดีสามารถหนีออกไปจากที่แห่งนี้ได้

เขาอยู่ที่อนัตตาไม่สิ้นใช้เวลาห้าปีเพื่อค้นหาทางออก ก็ยังรู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยวเกินทน แต่เมื่อเทียบกับเวลาสองพันปีแล้ว ห้าปีไม่ได้ถือเป็นเรื่องยิ่งใหญ่แต่อย่างใดเลย

“ข้าจะยอมแพ้ไม่ได้ เรื่องที่ผู้อื่นทำไม่สำเร็จ ใช่ว่าจะหมายความว่าข้าจะทำไม่สำเร็จ”

หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ หลัวซิวก็ก่อร่างสร้างกำลังใจขึ้นมาใหม่ ในดวงตาของเขามีแววตาสดใสขึ้นมา