ทั้งสามต่างต้องการปลุกซูจิ่นซี ทว่าไม่กล้า เกรงว่าหากซูจิ่นซีกำลังเพิ่มระดับขั้นของระบบถอนพิษและอาคมกำไลปี่อั้น และพวกเขารบกวน อาจเกิดปัญหากับร่างกายของนางได้
ความจริงแล้ว ซูจิ่นซีกำลังเพิ่มระดับขั้นระบบถอนพิษและอาคมกำไลปี่อั้น
ครั้งนี้เป็นการเพิ่มระดับระบบถอนพิษและอาคมกำไลปี่อั้นพร้อมกัน
นับดูแล้ว ทั้งสองไม่มีการปรับเพิ่มระดับขั้นเป็นเวลานานแล้ว
หลังจากระบบถอนพิษได้เพิ่มระดับขั้นเป็นระดับสองก็หยุดนิ่งไม่พัฒนา ก่อนหน้านี้ซูจิ่นซีเคยพยายามหลายครั้ง ทว่ายังไม่เป็นผลจึงล้มเลิกไป
สำหรับอาคมกำไลปี่อั้น หลังจากรวบรวมกลีบของดอกปี่อั้นทั้งหมดจากผลึกแก้วดอกปี่อั้นบนแท่นบูชาแล้ว ซูจิ่นซีนึกว่าอาคมกำไลปี่อั้นได้ปรับระดับถึงขั้นสูงสุดแล้ว นางจึงไม่ได้สนใจอีก อย่างไรก็ตาม นางไม่คาดคิดว่าอาคมกำไลปี่อั้นจะมีโอกาสปรับเพิ่มระดับขั้นได้อีก
ในเวลานี้ อาคมกำไลปี่อั้นปรับเพิ่มระดับขึ้น เป็นการปรับเพิ่มระดับถึงขั้นสูงที่สุดในแผ่นดินแล้ว เพียงแต่ซูจิ่นซีไม่รู้ว่า หลังจากอาคมกำไลปี่อั้นปรับระดับถึงขั้นสูงสุดแล้วจะเป็นอย่างไร นางอยู่ในระบบถอนพิษ สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยของอาคมกำไลปี่อั้น ทว่าไม่สามารถเข้าไปดูได้
ในขณะเดียวกัน ระบบถอนพิษได้ปรับระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว
หลังเพิ่มระดับขึ้น ระบบถอนพิษมีขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ทุ่งยาสมุนไพรก็ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเช่นกัน มียาสมุนไพร ต้นไม้ เครื่องมือ และอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่เคยมีมาก่อนหน้านี้
ซูจิ่นซีลืมตา ดวงตาเปล่งประกาย
นางตรวจดูของแต่ละอย่างอีกครั้ง สิ่งของที่เคยมีก่อนหน้านี้เลื่อนระดับเป็นใหญ่ขึ้น ของที่ไม่เคยมีก่อนหน้านี้หรือของที่เพิ่มเข้ามาใหม่ก็ไม่ด้อยค่า เครื่องมือวิเคราะห์สารพัด และความเร็วในการปรุงยาถอนพิษก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าเช่นกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ภาพสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีหัวเราะและไล่จับกันอยู่บนทุ่งยาสมุนไพร ยังคงวนเวียนอยู่ในขณะนี้
เมื่อเห็นภาพอันสดใสท่ามกลางแสงอาทิตย์นั้น ดูเหมือนไม่ชัดเจน ทว่าสำหรับซูจิ่นซีแล้วมองเห็นได้ไม่ยาก
“โฮก… โฮก… ”
“จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด จี๊ด… ”
สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีวิ่งมาด้านข้างซูจิ่นซีราวกับเห็นสิ่งของล้ำค่า ก่อนจะร้องตะโกนพลางใช้กรงเล็บชี้ไปทางวังวนนั้นอย่างต่อเนื่อง
ดวงตาของซูจิ่นซียิ่งเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น นางค่อยๆ เดินไปทางวังวนนั้น
“โฮก… โฮก… โฮก… ”
“จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… ” ดูเหมือนสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีกำลังให้กำลังใจซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีก้าวเข้าไปในวังวนอย่างกล้าหาญ… ทีละก้าว… ทีละก้าว… ก้าวเดินอย่างต่อเนื่องทีละก้าว…
ขณะที่ร่างกายสัมผัสวังวน นางก็ถูกวังวนดูดเข้าไปทันที
“โฮก โฮก โฮก… ”
“จี๊ด จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด จี๊ด… ”
สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีร้องเรียกด้วยความตื่นเต้น แล้ววิ่งติดตามไป
ถูกต้องแล้ว ซูจิ่นซีเข้าสู่อาคมกำไลปี่อั้นจากช่องทางระบบถอนพิษได้สำเร็จ
นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความพยายามครั้งแรก และเป็นความสำเร็จครั้งแรก
ความสำเร็จของความพยายามครั้งนี้ หมายความว่า หลังจากอาคมกำไลปี่อั้นและระบบถอนพิษได้เพิ่มระดับขั้นสูงขึ้น ก็สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้และรวมเป็นหนึ่งเดียว
นี่เป็นสิ่งที่ซูจิ่นซีไม่เคยคาดคิดมาก่อน อย่างไรก็ตาม ระบบถอนพิษเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาคมกำไลปี่อั้นเป็นของโบราณ นางจะคาดคิดได้อย่างไรว่าจะเชื่อมโยงระหว่างกันได้
จนถึงเวลานี้ ซูจิ่นซียังคงรู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อยและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้า ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นเรื่องจริง
หมอกหนาทึบในอาคมกำไลปี่อั้นที่สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีบอกมาก่อนหน้านี้ได้หายไปหมดแล้ว แผ่นศิลาและแท่นบูชาที่หายไปก็กลับมาแล้วเช่นกัน
ดอกปี่อั้นผลึกแก้วบนแท่นบูชาเปล่งแสงเป็นประกายเจิดจ้า ทำให้ผู้คนแทบไม่อาจลืมตาได้
พื้นที่นั้น เห็นได้ชัดว่าใหญ่กว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ท้องฟ้าแจ่มใส ทว่าเต็มไปด้วยเมฆ น้ำในทะเลสาบยังเป็นสีฟ้ามากขึ้น มีนกน้ำหลายตัวแหวกว่ายอยู่บนน้ำตลอดเวลา เหมือนเป็นมิติมายา รู้สึกราวกับอยู่ในดินแดนเทพนิยาย
ซูจิ่นซีไม่รู้ว่า หลังจากอาคมกำไลปี่อั้นเพิ่มระดับขั้นแล้ว มีประสิทธิภาพการใช้งานอันใดเพิ่มขึ้นมาบ้าง ทว่านางรู้ว่า ตามรูปแบบที่เห็นในตอนนี้ ประสิทธิภาพต้องไม่ด้อยอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะสามารถสัมผัสได้ต้องใช้งานจริงเท่านั้น
ตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดในใจของซูจิ่นซีคือความปลอดภัยของมู่หรงอวิ๋นไห่ จงซีจือ และมู่หรงฉี
ซูจิ่นซีรีบมาที่ห้องลับที่ทั้งสามคนอาศัยอยู่
ทันทีที่ประตูเปิด หัวใจของซูจิ่นซีก็เต้นแรงอย่างต่อเนื่อง
นางกลัวว่า ก่อนหน้านี้ที่อาคมกำไลปี่อั้นเข้าสู่สภาวะจำศีลจะมีพลังอ่อนแอลง และไม่สามารถรองรับทั้งสามคนได้ ดังนั้นสถานการณ์ของพวกเขาอาจแย่ลง
โดยเฉพาะมู่หรงฉี เขาไม่มีลมหายใจแล้ว หากไม่มีพลังวิญญาณหล่อเลี้ยง ร่างกายอาจเน่าเปื่อยได้ง่าย
นางเดินมายังข้างกายของมู่หรงฉีทีละก้าว หลังยืนยันแล้วว่ามู่หรงฉีปลอดภัยดี นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ต่อจากนั้น นางตรวจดูมู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจืออีกครั้ง สถานการณ์ของทั้งสองคนยังเหมือนเดิมและไม่ได้เลวร้าย
นี่เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับนาง
……
เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เทียนเม้ยหลิงหลงชั้นที่หก เยี่ยโยวเหยา ตงหลิงหวง และอู๋จุน ต่างห้อมล้อมรอบตัวของซูจิ่นซีอยู่ตลอดเวลา รอให้ดวงจิตของซูจิ่นซีกลับเข้าสู่ร่างกาย
ทว่าหลังจากที่รอมาครู่ใหญ่ นางก็ยังไม่กลับมา
เยี่ยโยวเหยาเช็ดเหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าผากของซูจิ่นซีจนผ้าเช็ดหน้าทั้งสามผืนเปียกโชกไปหมด เมื่อเห็นท่าทางของซูจิ่นซีแย่ลง หัวใจของเขาก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น
“จิ่นซี… ”
เยี่ยโยวเหยาเรียกออกมาเบาๆ ทว่าซูจิ่นซีไม่มีการตอบสนองใดๆ
“คงไม่เกิดเรื่องขึ้นกับแม่นางพิษน้อยกระมัง? ” อู๋จุนเอ่ยถามทันที
เยี่ยโยวเหยาเหลือบมองอย่างเย็นชา อู๋จุนจึงหุบปากลง
อาคมกำไลปี่อั้นบนข้อมือของซูจิ่นซีสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้น แสงสว่างก็เชื่อมต่อระหว่างอาคมกำไลปี่อั้นและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ห้าสี แสงแห่งพลังวิเศษเหนือดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ถูกดูดเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสามคนต่างตกตะลึงชั่วขณะ
“นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่? ” ตงหลิงหวงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
จู่ๆ อาคมกำไลปี่อั้นก็สามารถดูดซับพลังแสงศักดิ์สิทธิ์ของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ห้าสีได้อย่างไร?
“บางที อาคมกำไลปี่อั้นอาจเพิ่มระดับขั้นขึ้นอีกครั้ง” เยี่ยโยวเหยาพูดเบาๆ
ตงหลิงหวงแสดงสีหน้ายินดี
หากอาคมกำไลปี่อั้นปรับระดับขึ้นจริงๆ แสดงว่าอาคมกำไลปี่อั้นสามารถใช้งานได้อีกครั้ง? ดังนั้นนางจะได้พบกับมู่หรงฉีใช่หรือไม่?
ขณะที่นางกำลังครุ่นคิด แสงที่เปล่งประกายจากอาคมกำไลปี่อั้นก็สะท้อนลงบนร่างของตงหลิงหวง จากนั้นตงหลิงหวงก็ถูกดูดเข้าสู่อาคมกำไลปี่อั้น
อู๋จุนตกใจอย่างมาก เขารีบโน้มตัวไปยังข้างกายของซูจิ่นซีและมองอาคมกำไลปี่อั้นตลอดเวลา
“เกิดอันใดขึ้นกันแน่? รัชทายาทตงเฉินหายไปที่ใด? เฮ้ย เมื่อครู่ข้ามองไม่ชัด รัชทายาทตงเฉินถูกอาคมกำไลปี่อั้นดูดเข้าไปใช่หรือไม่?”
“เอามือของเจ้าออกไป! ” เยี่ยโยวเหยาตบหน้าอกของอู๋จุนอย่างรุนแรง แล้วปัดฝ่ามือของอู๋จุนออกไป
อู๋จุนล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรงจนอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ ทว่าเขายังไม่รู้ว่าทำอันใดให้เยี่ยโยวเหยาขุ่นเคือง
“บัดซบ เยี่ยโยวเหยา เจ้าต้องการจะต่อสู้กันเองใช่หรือไม่? ข้าทำอันใดให้เจ้าขุ่นเคือง ทำอันใดไม่ถูกเจ้าก็ลงมือกับข้าตลอด?”