บทที่ 2085 สถานการณ์กระอักกระอ่วนอยู่บ้าง
ตอนอยู่ที่จีน ก็เป็นเยี่ยหวันหวั่นที่ช่วยอาบน้ำให้ตลอด
ถังถังหันมาตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ตอนนี้เป็นแล้ว”
ซือเยี่ยหานผงะไป
ซือเยี่ยหานก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หยิบแปรงสีฟันกับผ้าขนหนูไปวางไว้ตรงหน้าอ่างล้างมือ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซือเยี่ยหานก็เปิดตู้เสื้อผ้า
หากเยี่ยหวันหวั่นอยู่ที่นี่ด้วย จะต้องตกใจจนพูดไม่ออกแน่ ในตู้เสื้อผ้าของซือเยี่ยหาน ไม่น่าเชื่อว่าจะเต็มไปด้วยเสื้อผ้าของเด็กเล็ก ถึงขั้นที่มีของเล่นบางส่วนด้วย!
ซือเยี่ยหานหยิบชุดนอนอยากมาอย่างเงียบงัน แล้ววางไว้หน้าเตียง
“มาเถอะ”
ซือเยี่ยหานยืนอยู่ข้างอ่างล้างหน้า แล้วเอ่ยกับถังถัง
พอได้ยินดังนั้น ถังถังก็เดินไปหยุดข้างตัวซือเยี่ยหานอย่างไม่ลังเลเลย
จากนั้น ซือเยี่ยหานก็หยิบไดร์เป่าผมออกมา เปิดใช้ลมอ่อนๆ ช่วยเป่าผมให้ถังถังอย่างแผ่วเบา
“พ่อ พ่อใช้ไดร์เป่าผมเป็นไหม”
ถังถังขมวดคิ้วแน่น ทำไมลมร้อนๆ จากไดร์เป่าผมถึงเป่ามาที่หน้าของเขาหมดเลย
“ครั้งแรก”
ซือเยี่ยหานตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ถ้างั้นทุกครั้งพ่อเป่าผมให้แห้งได้ยังไง” ถังถังถาม
ซือเยี่ยหานไม่ได้ตอบคำถามนี้ หลังจากฝืนเป่าผมของถังถังให้แห้งได้อย่างถูๆ ไถๆ แล้วก็พาถังถังไปที่ห้องนอน
จากนั้น ซือเยี่ยหานหยิบชุดนอนบนเตียงขึ้นมายื่นส่งให้ถังถัง
“ใส่เป็นใช่ไหม” ซือเยี่ยหานถาม
“ไม่เอา” ถังถังจ้องมองชุดนอนที่ค่อนข้างน่ารักในมือของชายหนุ่ม ขมวดคิ้วนิดๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ซือเยี่ยหานจึงมองชุดนอนที่อยู่ในมือแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเบาๆ เขาเลือกชุดให้เขาตามแบบที่พ่อหนูน้อยชอบในสมัยก่อนแล้วชัดๆ
ตอนอยู่ที่จีน เยี่ยหวันหวั่นให้เขาสวมชุดนอนแบบนี้ เขาก็ชอบตลอด
ไม่รอให้ถังถังได้พูดอะไรต่อ ซือเยี่ยหานก็หันหลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็เปิดตู้ออก
“เลือกสิ”
ซือเยี่ยหานเอ่ยนิ่งๆ
“สูงเกินไป มองไม่เห็น” ถังถังพูด
ซือเยี่ยหานยืนเงียบอยู่ที่เดิมครู่หนึ่งจากนั้นก็ย่อตัวลง อุ้มถังถังขึ้นมา
“เลือกสิ” ซือเยี่ยหานพูดอีกครั้ง
….
ในที่สุด ถังถังก็เลือกชุดนอนธรรมดาๆ มาชุดหนึ่ง
เวลานี้เอง มือถือของซือเยี่ยหานก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากเยี่ยหวันหวั่น
“ฮัลโหล ที่รัก!”
เสียงหวานของเยี่ยหวันหวั่นดังลอดออกมาจากปลายสาย
ถังถังหูไวได้ยินเสียงของคุณแม่จากมือถือ ใบหูน้อยๆ ก็ตั้งชันขึ้นมาทันที เดิมทีนั่งอยู่ห่างจากซือเยี่ยหาน แต่ตอนนี้กลับพุ่งฉิวเข้ามาหาซือเยี่ยหานแล้ว
ซือเยี่ยหานมองพ่อหนูน้อยแวบหนึ่ง ส่งสายตาให้ลูกชายว่า ‘คนที่แม่นายเรียกคือฉัน’ จากนั้นก็ตอบรับกลับไป “ฮัลโหล?”
พอหนูน้อยเห็น ก็พองแก้มทันที มองชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ
เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ปลายสาย เอ่ยขึ้นว่า “พี่ฉันพาถังถังไปส่งแล้วใช่ไหม! ฉันบอกพ่อแม่ว่าจะส่งถังถังไปอยู่กับคุณครู คุณจะได้อยู่กับถังถังสักระยะหนึ่ง”
ซือเยี่ยหานตอบสั้นๆ “ได้”
ภายใต้สายตาประท้วงของลูกชาย ซือเยี่ยหานจึงกดเปิดลำโพง แล้วย่อตัวลง
เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ปลายสาย เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า “พวกคุณอยู่ด้วยกันแล้วเป็นยังไงบ้าง”
ซือเยี่ยหานตอบ “พวกเราเข้ากันได้ดีมาก”
ถังถังเอ่ยขัด “ไม่ ผมไม่ดีเลย พ่อพูดโกหก”
จากนั้นถังถังก็เริ่มฟ้องร้องกับแม่สารพัดว่าตัวเองกินไม่ได้สวมใส่ไม่ดี อีกอย่างแม้แต่เป่าผมพ่อก็ยังทำไม่เป็นเลย
ซือเยี่ยหานเงียบงัน…
เยี่ยหวันหวั่นก็อึ้งไปเล็กน้อย…
สถานการณ์กระอักกระอ่วนอยู่บ้าง
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงจนปัญญา “ฉันนึกว่าตอนอยู่ที่จีนช่วงนั้น คุณก็นับว่ามีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกแล้วซะอีก…”
ซือเยี่ยหานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยตอบ “…ตอนแรกฉันก็คิดว่าแบบนั้น ฉันก็คิดว่ามีประสบการณ์แล้ว”
แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่างจากสิ่งที่เขาคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
สรุปแล้วเป็นอะไรกันนะที่ทำให้เขาเข้าใจผิด หลงนึกไปว่าเด็กคนนี้เลี้ยงง่ายมาก
ทว่าตอนที่อยู่กับเยี่ยหวันหวั่นก็เลี้ยงง่ายมากจริงๆ…
———————————————————————-
บทที่ 2086 ลูกอมระเบิดครั้งนั้น
พอได้ยินเสียงของเด็กสาวจากปลายสาย มือของซือเยี่ยหานที่กุมมือถือไว้ก็บีบแน่นนิดๆ มีความคิดนับไม่ถ้วนที่อยากพูดออกมา มีคำพูดมากมายที่อยากถามเธอ แต่กลับพูดไม่ออกเลยสักคำเดียว “หวันหวั่น…”
เยี่ยหวันหวั่นตอบกลับมา “ว่าไง”
ซือเยี่ยหานจ้องมองพ่อหนูน้อยข้างกายอย่างทึ่มทื่อ นี่คือเด็กที่เธอคลอดให้เขา “ถังถัง…เป็นลูกของฉันเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นกลอกตาทีหนึ่ง “คุณจะถามฉันอีกสักกี่รอบเนี่ย คุณมองหน้าของลูกชายคุณ แล้วลองถามฉันอีกรอบสิ!”
ซือเยี่ยหานมองหน้าลูกชายแวบหนึ่ง แล้วเงียบไปทันที
ครั้งแรกที่เห็นถังถังยังมองเห็นไม่ชัดเจนขนาดนั้น เขารู้สึกแค่ว่าหว่างคิ้วของถังถังเหมือนหวันหวั่นมาก แต่เด็กเล็กๆ ก็เหมือนเดิมทุกวัน แต่หลังจากห่างหายกันไปนานขนาดนี้ ก็ยิ่งเหมือนเขามากขึ้นเรื่อยๆ แล้วจริงๆ…
แต่ว่า เป็นไปได้ยังไงกัน…
น้ำเสียงซือเยี่ยหานเต็มไปด้วยความแหบพร่า “ตั้งแต่เมื่อไร”
มีถังถังตั้งแต่เมื่อไร เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำ…
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ละอายใจอยู่บ้าง เพราะเรื่องนี้ความจริงแล้วต้องโทษเธอ ดูเหมือนเธอจะตั้งใจปิดบังเขา
สองวันมานี้เพราะต้องปวดหัวอยู่กับการรับมือความโมโหขุ่นเคืองของพ่อแม่ ดังนั้นเธอเลยไม่มีเวลาบอกซือเยี่ยหานเลยว่าเธอฟื้นฟูความทรงจำแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นกระแอมไอครั้งหนึ่ง “ก็ครั้งนั้นนั่นแหละ…”
เยี่ยหวันหวั่นเตือนความจำ “ที่คุณถูกฉันใช้ลูกอมระเบิดซื้อตัวครั้งนั้นไง…”
ถังถังที่อยู่ด้านข้างเอียงหัวด้วยความงุนงง พ่อของเขาถูกแม่ใช้ลูกอมซื้อตัวมาเหรอ
ทันทีที่สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น ความทรงจำที่ฝุ่นจับมาเนิ่นนานทั้งหมดนั้นก็พลันไหลทะลักขึ้นมาต่อหน้า
เธอรู้ได้ยังไง…
สองตาของซือเยี่ยหานพลันเบิกกว้าง น้ำเสียงแหบแห้ง “เธอ…จำได้แล้ว…”
เยี่ยหวันหวั่นหรี่ตาลงนิดๆ “อือฮึ ไม่ใช่แค่จำได้นะ ยังจำทั้งหมดได้โดยไม่ตกหล่นไปเลยสักจุดด้วย! ฉันหลงนึกว่าตอนนั้นมีแต่ฉันที่ตกหลุมรักแล้วตามตื้ออยู่ฝ่ายเดียว นึกว่าเป็นฉันที่ใช้เล่ห์กลหลอกล่อ แถมยังนึกว่าเป็นฉันที่บังคับครอบครองคุณ! ในใจก็เลยรู้สึกผิดมาตลอด ใครจะไปรู้ว่าที่แท้คุณแกล้งทำตัวเป็นหมูหลอกกินเสือใช้สารพัดวิธีมาหลอกล่อฉัน คุณก็เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!”
พอพูดมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาเล็กน้อย
พอได้ยินคำพูดแต่ละประโยคของเด็กสาว ได้ฟังความทรงจำเหล่านั้นของเธอย่างละเอียดในทรวงอกของซือเยี่ยหานก็ราวกับได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนสู่ร่างกายของเขาทีละนิดๆ จนอัดแน่นเต็มเปี่ยม
ซือเยี่ยหานเอ่ยว่า “จะเป็นการบังคับได้ยังไง…ตั้งแต่ต้นจนจบ…เป็นฉันต่างหากที่พยายามจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้…เป็นฉัน…ที่ขาดเธอไม่ได้…”
น้ำเสียงทุ้มพร่าของชายหนุ่มแว่วมาจากปลายสาย ทำให้ความโมโหภายในร่างของเยี่ยหวันหวั่นสลายหายไปทันที เหลือเพียงกองถ่านกองหนึ่ง
บ้าเอ้ย! ขี้โกงนี่นา!
“อยู่ดีๆ ใครให้คุณพูดคำหวานแบบนี้ขึ้นมากัน...ฉันน่ะไม่หลงกล…คำพูดของคุณหรอกนะ…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยงึมงำ
ซือเยี่ยหานพูดต่อไปว่า “ปีนั้นหลังจากเธอไปแล้ว ฉันก็รอเธออยู่ที่บ้านตลอด กลัวว่าเธอกลับมาแล้วจะไม่เจอฉัน”
เยี่ยหวันหวั่นใจละลายแล้ว! บัดซบ ขี้โกงอีกแล้ว!
ซือเยี่ยหานพูดว่า “หวันหวั่น ฉันอยากเจอเธอ”
พอได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มแล้ว แม้แต่กองเถ้าถ่านของเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว มีเพียงทุ่งดอกไม้ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด “คุณคิดว่าฉันไม่อยากเจอเหรอไง แต่ตอนนี้พ่อแม่ฉันจับตามองฉันอย่างเข้มงวดกันทั้งคู่เลย สามารถพาตัวถังถังไปส่งให้ได้ก็เป็นเพราะฉันจ่ายเงินจ้างพี่ชายของฉันหรอก…”
ซือเยี่ยหานบีบมือแน่น รู้ว่าครั้งนี้เป็นตัวเองที่วู่วามไปแล้ว “ฉันจะคิดหาทาง”
สำหรับท่าทางของเขาที่มีต่อหน้าพ่อแม่ตัวเองในครั้งก่อน เยี่ยหวันหวั่นจึงนึกสงสัยคำพูดนี้อยู่บ้าง
…………………………………………..