ตอนที่ 2219 มนุษย์ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ?

อัจฉริยะสมองเพชร

แม้เทคนิควรยุทธที่เราคิดค้นขึ้นเองจะทำให้พึ่งพาหอสมุดเทียบฟ้าน้อยลง แต่กระบวนการต่างๆก็ดำเนินไปได้ช้ากว่าเดิมมาก ความเร็วของการยกระดับวรยุทธลดลงอย่างเห็นได้ชัด จางเซวียนคิดพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

เทคนิควรยุทธที่ก่อเกิดขึ้นจากอารมณ์และความรู้สึกต่างๆในชีวิตเป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในโลก เขาไม่อาจพึ่งพาภูมิปัญญาของเหล่าบรรพบุรุษได้อีก

จางเซวียนจะต้องสรรค์สร้างเส้นทางของเขาเองหากอยากยกระดับวรยุทธให้สูงกว่านี้ แต่การพูดก็ง่ายกว่าทำมาก ยกตัวอย่าง, เขาต้องใช้เวลาถึง 2 วันเต็มกว่าจะยกระดับวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างได้สำเร็จ ซึ่งหากเป็นในทวีปแห่งปรมาจารย์ ก็เท่ากับ 2,000 วัน หรือ 5 ปีเต็มๆเลยทีเดียว!

เขาไม่เคยอืดอาดยืดยาดขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่เริ่มต้นฝึกฝนวรยุทธมา

เมื่อกลับถึงที่พัก เราจะต้องตรวจสอบให้ละเอียดกว่านี้ว่าความสามารถของเราในฐานะเทพเจ้าสวรรค์สร้างมีอะไรบ้าง จางเซวียนคิด

เหตุผลหลักที่เขาเดินทางมาสภาปรมาจารย์ก็เพื่อจะถ่ายโอนหนังสือที่คนเหล่านี้เก็บรักษาไว้ หวังว่าจะได้แรงบันดาลใจและภูมิปัญญาบางอย่างสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธ คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่เข้าไปขัดจังหวะเพื่อหาทางคลี่คลายความขัดแย้งครั้งหนึ่ง ก็กลับลงเอยด้วยการได้แรงบันดาลใจให้ตัวเองและฝ่าด่านวรยุทธจนสำเร็จ

สำหรับตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องตามหาหนังสืออีกแล้ว

แต่ก็แน่นอนว่าถ้าเขารวบรวมความรู้ได้มากกว่านี้ ก็จะให้คำชี้แนะกับคนอื่นๆได้ง่ายกว่าเดิม และนั่นคือกุญแจที่จะทำให้เขาได้หน้าหนังสือสีทอง

“ปรมาจารย์จาง…”

รังสีเทพเจ้าสวรรค์สร้างของจางเซวียนเจิดจ้าและหนักแน่นมั่นคง ฝูงชนพากันส่งเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ ฟ่านเจ๋อแทบทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยความตกใจ

ผมก็พอเข้าใจได้ที่คุณฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จในชั่วพริบตา เพราะคุณอาจสะสมรากฐานวรยุทธและยกระดับวรยุทธได้สูงพอจนพร้อมจะฝ่าด่านวรยุทธได้ทุกขณะ…

แต่นี่…คุณเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธไปเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น มันเรื่องอะไรถึงขัดเกลาวรยุทธและพัฒนาจิตวิญญาณจนเฉียบคมกว่าเดิมได้ด้วยในชั่วพริบตา?

มนุษย์ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ?

เสียงของจางเซวียนฉุดฟ่านเจ๋อที่กำลังตกตะลึงอย่างหนักให้หลุดออกจากภวังค์ “อาจารย์ฟ่านเจ๋อ ไม่ทราบว่าผมจะขอเข้าหอสมุดของสภาปรมาจารย์ได้ไหม? ผมอยากเห็นหนังสือที่พวกคุณเก็บไว้ที่นี่”

“หอสมุด? โดยทั่วไป มีแต่เหล่าปรมาจารย์ของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าหอสมุดได้ แต่ในเมื่อคุณปกป้องชื่อเสียงของเหล่าปรมาจารย์ แถมยังช่วยชีวิตนักเรียนคนหนึ่งไว้ด้วย…ปรมาจารย์จาง พวกเรายิ่งกว่าเต็มใจให้คุณได้เห็นทุกอย่างที่เรามีอยู่ที่นี่!” ฟ่านเจ๋อตอบพร้อมกับยิ้มให้

 

2 ชั่วโมงต่อมา จางเซวียนเดินออกจากหอสมุดของสภาปรมาจารย์ในเมืองหลวงของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน

สมกับเป็นสภาปรมาจารย์ที่ตั้งอยู่ในทำเลทอง แม้จะดูไม่โอ่อ่าหรูหราเมื่อเทียบกับสภาปรมาจารย์ในทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่ปริมาณหนังสือที่พวกเขามีก็ถือว่าไม่ธรรมดา

มีทั้งหนังสือเทคนิควรยุทธและเทคนิคการต่อสู้ตั้งแต่ระดับเทพเจ้าขั้นต่ำไปจนถึงเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง เมื่อถ่ายโอนทั้งหมดแล้ว ไม่ช้าจางเซวียนก็ประมวลเทคนิคการต่อสู้เทียบฟ้าได้สำเร็จ

น่าเสียดายที่ไม่มีหนังสือเทคนิควรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้า

แต่เมื่อคิดดูอีกที ในสรวงสวรรค์แห่งนี้ก็มีราชันย์เทพเจ้าอยู่ไม่มากนัก และส่วนใหญ่ก็มาจากตระกูลใหญ่โต จึงเป็นธรรมดาที่มรดกตกทอดของพวกเขาจะสืบทอดกันเฉพาะภายในตระกูล แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนนอกจะได้แตะต้องเทคนิควรยุทธและเทคนิคการต่อสู้ของพวกเขา

“ยังเร็วเกินไปที่เราจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้า คงต้องรออีกสัก 2-3 วัน สำหรับตอนนี้ เราควรขัดเกลาวรยุทธและหาวิธียกระดับไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงก่อน”

จางเซวียนรู้ดีว่าหากอยากมีรากฐานวรยุทธที่มั่นคง ก็ต้องก้าวทีละขั้น จึงไม่คิดจะรีบร้อน

แม้ตอนนี้การพัฒนาของเขาจะเชื่องช้ามาก แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุเป้าหมาย เขาเชื่อว่าขอแค่มีความอดทนมากพอ สุดท้ายก็จะได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่!

“ก่อนอื่น เราต้องหายาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางหรือขั้นสูงให้ได้สักจำนวนหนึ่ง”

เขากินยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางที่มีไปหมดแล้วเมื่อตอนฝ่าด่านวรยุทธเมื่อครู่ จึงไม่อาจขัดเกลาวรยุทธได้ ซึ่งหากดันทุรังฝึกฝนต่อไปโดยใช้แค่การซึมซับพลังจิตวิญญาณในอากาศ ใครจะไปรู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะทำสำเร็จ?

แบบนั้นก็ชักช้าเกินไป

เวลานี้ ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางใช้กับเขาไม่ได้ผลแล้ว เขารู้สึกได้ว่าประสิทธิภาพของยาลดลงมากหลังจากฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ มีความเป็นไปได้สูงที่เร็วๆนี้คงใช้มันไม่ได้อีก

จางเซวียนรู้ตัวว่าต้องรีบหายาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงมาให้ได้ แต่ปัญหาเดียวก็คือเขาไม่รู้เลยว่าจะหาได้ที่ไหน

“มียาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางวางขายที่ตลาดหมิงหยวน อยู่ไม่ไกลจากที่นี่” ฟ่านเจ๋อบอกจางเซวียน “ส่วนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงถือเป็นทรัพยากรควบคุมของเมืองหลวง คุณหามันไม่ได้ง่ายๆหรอก”

ในฐานะเมืองหลวงของหนึ่งในเก้าเวหา เมืองหลวงของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนเรียกได้ว่าเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของสรวงสวรรค์ จึงเป็นธรรมดาที่ระดับขั้นของสินค้าที่วางขายที่นี่จะสูงกว่าที่เมืองแสงสนธยามาก

ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางที่หาซื้อได้ยากเย็นในเมืองแสงสนธยามีวางขายให้ซื้อหากันมากมายในเมืองนี้

ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางคือทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธที่จำเป็นกับนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ซึ่งในเมืองหลวงก็มีนักรบระดับนี้อยู่มากมาย คงเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่แน่หากผู้ปกครองเมืองจำกัดการซื้อขายยานั้น

แต่ส่วนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูง ผู้ใช้ส่วนใหญ่คือนักรบระดับราชันย์เทพเจ้า ความยากในการซื้อหามันจึงเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

แต่สำหรับตอนนี้ จางเซวียนจะต้องยกระดับวรยุทธของเขาโดยใช้ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางก่อน แล้วดูว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน

จางเซวียนปฏิเสธคำเชิญร่วมมื้ออาหารเย็นของฟ่านเจ๋อก่อนจะมุ่งหน้าสู่ตลาดหมิงหยวนพร้อมกับซุนฉาง ด้วยเงินที่มีติดตัวอยู่ 40,000 เหรียญสวรรค์ เขาคงจะซื้อหายาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางได้จำนวนหนึ่ง

ไม่ช้า ซุนฉางก็เดินกลับมาด้วยรอยยิ้มเริงร่าของผู้ชนะพร้อมกับยื่นแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งที่มียาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลาง 400 เม็ดอยู่ภายใน

โดยทั่วไป สนนราคาของยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางอยู่ที่เม็ดละ 100 เหรียญสวรรค์ เพราะยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางไม่ได้หาซื้อง่ายเหมือนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำ การจะขายออกทีละมากๆจึงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ อันที่จริง พ่อค้าส่วนใหญ่มักพยายามโก่งราคาเมื่อเจอกับผู้ซื้อที่ต้องการยาในปริมาณมาก

“นายน้อย คุณอยากให้ผมเช่าห้องส่วนตัวเพื่อให้คุณได้ฝึกฝนวรยุทธไหม?” ซุนฉางถาม

“ห้องส่วนตัว?” จางเซวียนส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เราเหลือเงินไม่มากแล้ว เก็บไว้ใช้เรื่องจำเป็นดีกว่า”

“ถ้าอย่างนั้น เราจะกลับที่พักไหม?” ซุนฉางถามต่อ

ด้วยความเอาจริงเอาจังในการฝึกฝนวรยุทธของนายน้อย ซุนฉางคิดว่าชายหนุ่มคงอยากฝึกฝนวรยุทธทันทีที่ได้ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางมา แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจที่อีกฝ่ายดูจะไม่แยแสมากนักเมื่อได้มันมาแล้ว

“กลับสิ แต่รอก่อน” จางเซวียนตอบยิ้มๆ

เขานำขวดหยกทุกใบออกจากแหวนเก็บสมบัติและกระดกยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางขวดแล้วขวดเล่าใส่ปาก

เพียงไม่กี่วินาที จางเซวียนก็กลืนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางลงไปกว่า 100 เม็ด

ขณะที่ซุนฉางกำลังสงสัยว่านายน้อยจะทำอะไร วรยุทธของอีกฝ่ายก็พุ่งพรวดจนเห็นได้ชัด

เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ-ขั้นต้น…

เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ-ขั้นกลาง…

2 อึดใจต่อมา เขาก็สำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ-สูงสุด!

จางเซวียนกลืนยาเม็ดลงไปอีกขวด แต่ระดับวรยุทธของเขาไม่เพิ่มขึ้นแล้ว เขาส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ดูเหมือนด่านคอขวดของผมจะมาเร็วกว่าที่คิด…”

เขาเคยคิดว่าตัวเขาน่าจะยกระดับวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นกลางได้ด้วยยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางทั้งหมดที่ซื้อมา แต่ดูเหมือนจะมองโลกในแง่ดีเกินไป

วรยุทธของเขาไม่เพิ่มสูงขึ้นอีกเลยหลังจากที่ได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ-สูงสุด

แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้น่าสงสัย เพราะแม้ตอนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้า จางเซวียนก็ต้องใช้พลังจิตวิญญาณปริมาณมหาศาลเพื่อการยกระดับวรยุทธ ซึ่งก็มีบ่อยครั้งที่ประสบปัญหาในการเสาะหาทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธตามที่เขาต้องการ

ในเมื่อตอนนี้เขากำลังฝึกฝนสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าแม้แต่เวทนาสวรรค์ ปริมาณพลังจิตวิญญาณที่เขาต้องใช้จึงสูงกว่าแต่ก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เอาเถอะ ตอนนี้ทำอย่างไรเราก็คงฝ่าด่านวรยุทธไม่ได้หรอก แต่เพื่อรักษาสภาวะสมดุลไว้ เราจะต้องตรวจสอบจนแน่ใจก่อนว่ากายเนื้อและจิตวิญญาณของผมอยู่ในระดับทัดเทียมกันกับระดับวรยุทธ”

ความสามารถในการเข้าถึงพละกำลังของธรรมชาติหมายความว่านักรบผู้นั้นจะต้องต้านทานแรงกดดันจากธรรมชาติได้ด้วย เพราะเหตุผลนี้ การรักษาความสมดุลระหว่างพลังปราณ จิตวิญญาณ และกายเนื้อจึงมีความสำคัญ

ไม่อย่างนั้น จุดอ่อนที่เกิดขึ้นก็มีแต่จะทำให้ระดับวรยุทธตกต่ำลงไป

จางเซวียนเข้าใจเหตุผลเรื่องนี้ดี แต่ปัญหาก็คือทั้งที่หอสมุดของสภาปรมาจารย์มีหนังสือเทคนิควรยุทธและเทคนิคการต่อสู้อยู่มากมาย แต่ก็ไม่มีเล่มไหนพูดถึงการเพิ่มพละกำลังให้กับวรยุทธของจิตวิญญาณและกายเนื้อ

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาต้องหาวิธีอื่นในการเพิ่มพละกำลังให้กับจิตวิญญาณและกายเนื้อของตัวเอง

รวมแล้ว จางเซวียนใช้เวลาฝึกฝนวรยุทธและครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้ไม่เกิน 3 วินาที ซึ่งเมื่อมองไปอีกครั้ง ก็เห็นซุนฉางกำลังทำตาโตจ้องเขา ราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น

“นายน้อย คุณฝึกฝนวรยุทธเสร็จแล้วหรือ?”

ซุนฉางนึกอิจฉาความรวดเร็วในการฝึกวรยุทธของจางเซวียนมาตลอด และรู้สึกเหมือนกับว่านายน้อยคงไม่อาจทำอะไรให้เขาประหลาดใจได้อีกแล้ว แต่คราวนี้ก็อดทึ่งไม่ได้ที่พบว่าอีกฝ่ายใช้ระยะเวลาในการฝ่าด่านวรยุทธน้อยลงเมื่อมาถึงสรวงสวรรค์

ที่ผ่านมา จางเซวียนมักใช้เวลาราว 2 ถึง 4 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ แต่เขาไม่ต้องการเวลายาวนานขนาดนั้นอีกแล้ว ดูเหมือนความเร็วในการฝ่าด่านวรยุทธของอีกฝ่ายขึ้นอยู่กับว่าเขากระดกยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าเข้าปากได้เร็วแค่ไหน