บทที่ 2111 เรียกฉันว่าท่านปู่เป่ย
เด็กสาวจ้องมองเป่ยโต่ว พลันก้าวเข้าไป แล้วใช้มือขวาดึงใบหูของเป่ยโต่ว “ห้ามหนีนะ ฉันก็คือผู้หญิงโง่คนนั้นไง นายกลัวอะไรล่ะ”
“เฮอะ ยัยโง่ พวกเรามีกันสองคน เธอตัวคนเดียว แต่ว่า ผู้ชายดีๆ ไม่ตีกับผู้หญิง ฉันขอเตือนให้เธอรีบไปซะ พวกเราสองคนเป็นคนใจบาปหยาบช้า ไม่ต่างอะไรกันเดรัจฉาน ฉันขอเตือนให้เธอรีบหนีเอาชีวิตรอดซะ ไม่งั้น เธอก็อย่ามาโทษว่าพวกเรารังแกผู้หญิงตัวคนเดียวแบบเธอแล้วกัน มีดฉันจากแดงจะกลายเป็นขาว[1]นะ!” เป่ยโต่วร้องโอดโอยพลางเอ่ยข่มขู่เด็กสาว
“ช่างเป็นการข่มขู่ที่น่ากลัวจริงๆ” เด็กสาวเอ่ยยิ้มๆ
“เธอรู้จักกลัวก็ดีแล้ว ทางที่ดีอย่าให้พูดเป็นครั้งที่สอง รีบไปซะ ไม่งั้นฉันจะลงมือแล้วนะ!” เป่ยโต่วตะโกนเสียงดัง
“งั้นนายรออะไรอยู่ล่ะ” เด็กสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ชีซิง นายไปก่อนเถอะ ฉันลงมือโหดเหี้ยม ฉันกลัวจะทำให้นายตกใจเอา!” เป่ยโต่วเอ่ยกับเด็กชายขี้อายที่อยู่ด้านข้าง
เด็กชายขี้อายนิ่งงัน
“ยัยโง่ แน่จริงเธอก็ปล่อยฉันสิ ฉันจะทำให้เธอได้ลิ้มรสถึงความร้ายกาจของฉัน!”
ขณะที่พูดอยู่นั้น เป่ยโต่วก็เตะเด็กสาวไปทีหนึ่ง ทว่าเตะโดนแค่ความว่างเปล่า
“เอาเลย ตามที่นายขอ”
เด็กสาวปล่อยมือจากหูของเป่ยโต่ว แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว
จากนั้นเป่ยโต่วก็ลูบๆ ใบหู พลางมองไปที่เด็กชายขี้อาย “ชีซิง นายเห็นแล้วใช่ไหม ฉันให้เธอปล่อย เธอก็ปล่อยเลย ในอาณาเขตนี้ จะมีใครที่จะไม่ไว้หน้าฉันเป่ยโต่วบ้าง”
เด็กชายขี้อายไม่ตอบอะไร
“น้องชาย นายน่าสนใจจริงๆ” เด็กสาวจ้องมองเป่ยโต่ว พลางหัวเราะเบาๆ
“เวรเอ้ย ใครเป็นน้องชายเธอ เรียกท่านปู่เป่ยซะ!” เป่ยโต่วตะคอกเสียงเย็น
ยังไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นได้อ้าปากพูด เป่ยโต่วก็ร้องตะโกนทีหนึ่ง จากนั้นก็กระโจนเข้าใส่เด็กสาวอย่างรวดเร็ว ร่างกายพลิกหมุนนิดๆ และลูกเตะนั้นก็ทะยานแหวกอากาศเข้ามา
ทว่า เด็กสาวกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับสักนิด ลูกเตะนี้ของเป่ยโต่วส่งออกมาไม่ดี ด้วยความเลินเล่อ ยังไม่ทันเตะโดนคน ตัวเองกลับล้มลงบนพื้นซะแล้ว
“หึ ใช้ท่ายากซะด้วย” เด็กสาวมองเป่ยโต่วแล้วเอ่ยออกมา
“ฉันไว้หน้าเธอเท่านั้นแหละ ท่านปู่เป่ยใจอ่อนมีเมตตา เห็นว่าเธอหน้าตาดี ฉันรักหยกถนอมบุปผา เลยกลัวว่าจะเตะเธอตาย…” เป่ยโต่วเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเยาะหยัน
เด็กสาวยังไม่ทันอ้าปากพูด เป่ยโต่วก็ถอนหายใจแล้วพูดเอาเองว่า “ช่างเถอะๆ เห็นแก่ที่เธออายุยังน้อย แถมยังสะสวย วันนี้ท่านปู่เป่ยจะปล่อยเธอไปสักครั้ง ต่อไป อย่าให้ฉันเห็นเธออีก…ถ้าฉันเห็นเธอหนึ่งครั้งก็จะซ้อมเธอหนึ่งครั้ง อย่าคิดว่าฉันล้อเธอเล่นนะ!”
พอพูดจบ เป่ยโต่วก็วิ่งเหยาะๆ ไปหยุดตรงหน้าเด็กหนุ่มขี้อาย “ชีซิง วันนี้ก็นับว่านายไว้หน้าฉันสักครั้งเถอะ อย่าไปถือสายัยผู้หญิงโง่คนนี้เลย พวกเราไปกันเถอะ”
เด็กชายขี้อายเอ่ยอ้อมแอ้ม “งั้น…งั้นก็ได้…”
“อย่าเพิ่งไป อยู่คุยกันต่อสิ”
เด็กสาวหัวเราะเบาๆ พลางสาวเท้าก้าวเข้าไปขวางอยู่ตรงหน้าของเป่ยโต่วกับเด็กชายขี้อาย
“ดีๆๆ…” เป่ยโต่วจ้องเด็กสาว “ยัยโง่ นี่เธอบังคับฉันเองนะ ความจริงแล้วเธอทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด เธอมันตัวประหลาดอัปลักษณ์!”
เด็กสาวยังไม่ทันได้อ้าปาก เป่ยโต่วก็เอ่ยเสียงเย็นว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ จะให้เธอได้เห็นวรยุทธ์ที่แท้จริงของฉัน”
“รออยู่เลย”
เด็กสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มเฉยเมย
วินาทีต่อมา เป่ยโต่วก็เผยสีหน้าทะมึน พลางเดินเข้าไปหาสาวน้อย
“เตรียมตัวไว้ดีแล้วใช่ไหม ยัยโง่” เป่ยโต่วร้องเฮอะใส่
“ฉันรอจนดอกไม้เฉาหมดแล้ว” เด็กสาวเอ่ยตอบ
พอสิ้นเสียงของเด็กสาว ก็เห็นเพียงว่าเป่ยโต่วคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดัง ‘ตุบ’ สองมือประสานกัน “อะฮ่าๆๆ…พี่สาว พี่สาวคนสวย ผมผิดไปแล้ว…พี่เป็นผู้ใหญ่อย่าถือสาผู้น้อยเลย ปล่อยผมไปสักครั้งเถอะ…”
—————————————————————-
บทที่ 2112 ต่อไปพวกนายก็ติดตามฉัน
“พี่สาวคนสวย พี่ดูสิผมเพิ่งอายุเท่าไรเอง อย่างที่เขาว่ากันไง เด็กหนุ่มคนไหนบ้างล่ะที่ไม่เคยทำเรื่องบ้าบอ เมื่อหวนกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง อย่าให้เลือดอาบตัวข้าเลย…ไอ๊หยา อย่าดึงสิ ผมคุกเข่าให้พี่แล้วไง…”
ระหว่างที่พูดอยู่ หูของเป่ยโต่วก็ต้องรับเคราะห์อีกครั้ง เพราะถูกเด็กสาวใช้ปลายนิ้วบีบดึง
“ห้ามรังแกเป่ยโต่วนะ!”
ในเวลานี้ เด็กชายขี้อายวิ่งเข้ามา มองสาวน้อยด้วยสีหน้าดุดัน
“พวกนายสองคนเป็นอะไรกัน” เด็กสาวถามด้วยความอยากรู้
“พวกเราเป็นพี่น้องกัน!” เด็กชายขี้อายเอ่ยอย่างหนักแน่นมีพลัง
“พี่สาว เขาไม่รู้เรื่อง ผู้ใหญ่อย่าถือสาผู้น้อย อย่างมากสุด เดี๋ยวผมเขียนสัญญากู้ยืมให้พี่สักฉบับก็ได้ พี่คิดว่ายังไง พี่จะฆ่าผมเหรอ ผมมีคนหนุนหลังนะ ถ้าพี่ทำอะไรผม ต้องมีคนมาล้างแค้นพี่แน่นอน อย่างที่พูดกันว่า จองเวรจองกรรมต่อไปถึงไหน ไม่สู้ถือสุราเอ่ยถามฟ้า พี่หนึ่งจอก ผมหนึ่งจอก ทุกคนร่วมดื่มด่ำ…”
เด็กสาวเหลือบมองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง “นายคงเป็นคนโง่สินะ”
พอเป่ยโต่วได้ยิน ก็ผงะไปแวบหนึ่ง “พี่รู้ได้ยังไง แม่ผมก็เคยพูดแบบนี้”
“เขาไม่ใช่คนโง่นะ!” เด็กชายขี้อายเอ่ยด้วยความประหม่า
ทันนั้น เด็กสาวก็พลันปล่อยมือ ปล่อยใบหูเป่ยโต่วให้เป็นอิสระอีกครั้ง
“ทำไมพวกนายต้องขโมยของ” เด็กสาวถาม
“ฉันมีฝีมือด้านนี้ ไม่ต้องสิ้นเปลืองมากด้วย!” เป่ยโต่วรีบเอ่ยตอบ
เด็กสาวพูดไม่ออกเลย…
“พวกเรา…ไม่มีเงิน ผมไม่ได้กินข้าวมานานแล้ว…เขาไม่ยอมกลับ จะอยู่เป็นเพื่อนผม…” ผ่านไปนาน เด็กชายขี้อายจึงก้มหน้าลงเอ่ยงึมงำ
“พ่อแม่นายล่ะ” เด็กสาวมองเด็กชายขี้อาย
“พวกเขาตายหมดแล้ว” น้ำเสียงของเด็กชายขี้อายเบาหวิวมาก
“แล้วพ่อแม่นายล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นมองไปทางเป่ยโต่ว
“ชิ แม่ผมสุขภาพไม่ดี พ่อผมก็หนีไปกับเมียน้อยแล้ว จะให้ทำยังไงล่ะ” เป่ยโต่วเอ่ย
เด็กสาวจ้องมองเป่ยโต่ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย แม่ของเขาสุขภาพไม่ดี พ่อของเขาก็หนีไปกับเมียน้อย…แล้วเขาเอาความเย่อหยิ่งจองหองมาจากไหนกัน
“ไม่ถูกสิ เป่ยโต่ว...พ่อนายน่าจะตายไปแล้วนะ” เด็กชายขี้อายเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
“บ้านนายสิ พอนายต่างหากที่ตาย พ่อฉันหนีไปกับเมียน้อยต่างหาก” เป่ยโต่วเบะปาก
“เอ่อ…พ่อฉันตายน่ะไม่ผิดหรอก แต่พ่อนายไม่ได้หนีไปกับเมียน้อยแน่ๆ พ่อนายก็ตายแล้วเหมือนกัน” เด็กชายขี้อายกล่าว
“พ่อฉันแค่หนีไปกับเมียน้อย!” เป่ยโต่วร้อนรนอยู่บ้าง
“ได้ๆๆ ไม่ต้องพูดแล้ว” เด็กสาวตัดบทของเด็กทั้งสอง พลางจ้องมองเป่ยโต่ว “พ่อนายหนีไปกับเมียน้อยแล้ว”
“ใช่ พ่อฉันหนีไปกับเมียน้อยแน่นอน ไม่ผิดแน่” เป่ยโต่วพยักหน้ารัวๆ
“แล้วพวกนายสองคนจะเป็นขโมยไปตลอดเลยเหรอไง” สาวน้อยถาม
“เหอะๆ เขามีฝีมือแบบนั้นซะที่ไหน คนขโมยก็ผมน่ะสิ!” ใบหน้าของเป่ยโต่วเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นต่อไปพวกนายก็มาติดตามฉันเถอะ” เด็กสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “แบบนี้ ต่อไปแม่ของนายจะได้มีเงินรักษาตัว พวกนายก็จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นสักหน่อย โอเคไหม”
“พี่สาว จะได้กินข้าวอิ่มท้องทุกวันไหม…” เด็กชายขี้อายจ้องมองเยี่ยหวันหวั่น
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่านายขยันเอาการเอางานไหม” เด็กสาวตอบ
“ผม…ผมทนความความลำบากได้ดีมากเลย!” เด็กชายขี้อายรีบพูดออกมา
“แล้ว ที่พี่พูดเป็นความจริงเหรอ ติดตามพี่แล้วจะมีเงินไปรักษาแม่ผมใช่ไหม” เป่ยโต่วก็ถามด้วยเหมือนกัน
“แน่นอนสิ” เด็กสาวพยักหน้าพลางแย้มยิ้ม
“งั้นผมก็ไม่มีปัญหา!” เป่ยโต่วพยักหน้าทันที
“ผมก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน” เด็กชายขี้อายก็เห็นด้วย
“ไปเถอะ จะพาพวกนายไปที่บ้านใหม่” จากนั้นเด็กสาวจึงหันหลังเดินนำไป
“พี่สาว พี่ชื่ออะไรเหรอ” เด็กชายขี้อายร้องถาม
“ไป๋เฟิง ไป๋จากสีขาว เฟิงจากใบเมเปิ้ล ต่อไปพวกนายเรียกฉันว่าพี่เฟิงก็ได้” เด็กสาวตอบโดยไม่หันกลับมา
“เวรเอ้ย พี่เฟิงรอพวกเราด้วย!”
จากนั้น เป่ยโต่วกับเด็กชายขี้อายก็วิ่งตามไป
…………………………………………….
[1] จากมีดแดงกลายเป็นมีดขาว หมายถึง ต้องการใช้มืดทำร้ายจนได้เลือด หรือถึงแก่ชีวิต