ภาคที่ 7 ศึกสุดท้าย บทที่ 38 เริ่มยิง

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 38 เริ่มยิง

ตูม!

หุ่นเชิดยักษ์กระแทกหมัดไร้ปรานี แยกกะโหลกผู้อาวุโสราวกับผ่าแตงลูกหนึ่ง

ผู้อาวุโสไม่อาจฟื้นคืนจากบาดแผลนี้ได้ พลังทำลายล้างของหุ่นเชิดยักษ์ดับพลังชีวิตเขาในคราวเดียว

เยี่ยเฟิงหานล้มลงกับพื้นหมดสิ้นเรี่ยวแรง

การต่อสู้เมื่อก่อนหน้าอันตรายมาก พลาดเพียงก้าวก็หมายถึงความตายได้

ที่เขาชนะเป็นเพราะความแข็งแกร่งอันน่าเหลือเชื่อของหุ่นเชิดยักษ์และพลังอมตะในร่างกายเขาด้วย

“ตาแก่ตายแล้ว” ฉางเหอไม่ได้รู้เลยว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดมีความหมายขนาดไหน ในสายตาเขา ปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 10 ก็เหมือนด่านมหาราชัน หุ่นเชิดยักษ์ก็เช่นกัน แท้จริงแล้วปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 10 ยังอ่อนด้อยกว่าทั้งหุ่นทั้งด่านมหาราชันด้วยซ้ำ หุ่นเชิดยักษ์ได้รับจิตนึกคิดมาจากซูเฉินผ่านกฎแห่งพลัง ฉะนั้นฉางเหอจึงคิดว่าอย่างไรฝ่ายตนก็ต้องชนะ

เขาไม่รู้เลยว่าแม้คนทั้งคู่จะแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่หากไม่ได้เยี่ยเฟิงหานทุกคนก็คงตายไปแล้ว

เยี่ยเฟิงหานหน่ายจะอธิบายให้ฟัง ทว่าฉางเหอไม่หยุดพูดสักที “ใช่แล้ว ตอนนั้นเจ้าใช้วิชาอะไรกัน? คงจะเป็นวิชาที่เลิศเลอมากแน่เพราะสามารถยับยั้งได้กระทั่งปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 10 ทีเดียว”

“เป็นวิชาที่ใช้ได้ครั้งเดียว” เยี่ยเฟิงหานตอบ

“ไม่เห็นเป็นไร บอกชื่อวิชามาก็พอ! เอาคะแนนอุทิศแรกได้หรือไม่?” ฉางเหอถามเสียงตื่นเต้น

เยี่ยเฟิงหานเอียงศีรษะคิดครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหน้า “ยังไม่ใช่ตอนนี้”

“ทำไมเล่า?” ฉางเหอดูไม่สนใจที่อีกฝ่ายปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

เยี่ยเฟิงหานจึงหมดความอดทนในที่สุด ส่งฝ่ามือฟาดป้าบที่ศีรษะอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง “หยุดถามให้มากความแล้วกลับไปทำงานได้แล้ว”

ว่าจบก็หันไปทางปืนใหญ่สังหารปีศาจ

“แล้วมีอะไรต้องทำอีก?” ฉางเหอถามเสียงฉงน

“ก็ยิงปืนใหญ่น่ะสิ” เยี่ยเฟิงหานลูบผิวโลหะของปืนใหญ่เบา ๆ พลางเหลือบมองสนามรบที่อยู่ในความโกลาหล

สายธารสีแดงหลั่งไหลไปทั่ว ศีรษะทั้งหลายที่ถูกบั่นกระจายทั่วพื้นที่น่าสยดสยอง

ทั้งสองเผ่าสู้กันสุดกำลัง ฝ่ายหนึ่งปกป้องอีกฝ่ายหนึ่งมุ่งทำลายเกราะชั้น 3 ของเมืองลง

เกราะกะพริบไม่หยุดแต่ยังคงปกปักเหล่าปักษาไว้ ในปราการอาร์คาน่าทั้ง 99 แห่ง มี 3 แห่งที่มนุษย์บุกยึดได้แล้ว ในตอนนี้แนวหน้าปักษากำลังตกที่นั่งลำบาก อย่างไรก็คงไม่อาจหนีความพ่ายแพ้ไปได้

แต่ก่อนที่เกราะจะพังลงอย่างสมบูรณ์ มนุษย์เองก็ต้องยอมแลกมหาศาลด้วยเช่นกัน

“เจ้านี่ใช้อย่างไร?” ฉางเหอถามพลางเดินวนรอบปืนใหญ่

“เห็นตัวหมุนนั่นหรือไม่? หากหมุนคือปรับทิศ นั่นคือคันโยกควบคุมพลัง ยิ่งดันสูงก็ยิ่งทรงพลัง”

“เจ้ารู้ได้ยังไงกัน?” ฉางเหอสงสัยนัก

“ท่านเจ้านิกายบอกไว้ก่อนเรามาถึง ไม่ต้องถามข้าว่าเขารู้ได้อย่างไร”

ฉางเหอเข้าใจในที่สุด “เช่นนั้นนี่ก็คือภารกิจที่ท่านเจ้านิกายมอบให้เจ้ามาตั้งแต่ต้นสินะ? แล้วเจ้าไม่บอกข้างั้นหรือ?”

“หุบปากแล้วไปปรับคันโยกเสีย!” เยี่ยเฟิงหานสั่ง “ซาน เจ้าไปดูทางเข้า”

หุ่นเชิดยักษ์พยักหน้ารับก่อนอุ้ยอ้ายจากไป

ฉางเหอจึงวิ่งเข้าไปหาคันโยก เยี่ยเฟิงหานเริ่มปรับทิศทางปืนใหญ่ เล็งไปยังปราการอาร์คาน่าแล้ว

“ปรับพลังให้เป็น 20 หน่วย เตรียมยิง!” เยี่ยเฟิงหานตะโกนเสียงเด็ดขาด

“ต่ำขนาดนั้นเชียว?” ฉางเหอเหลือบมองคันโยกพลังแล้วก็เห็นว่ามันโยกขึ้นไปจนถึง 180 หน่วย ตัวเขารู้สึกว่าเยี่ยเฟิงหานปรับพลังต่ำไปหน่อย

“เจ้าจะไปรู้อะไร?” เยี่ยเฟิงหานตอบเสียงห้วน “แรงยิงของปืนใหญ่สังหารปีศาจมีความสัมพันธ์แบบผกผัน ยิ่งหน่วยพลังน้อยก็ยิงได้เร็วยิ่งขึ้น แค่ 20 หน่วยก็สามารถทำลายปราการพวกนั้นได้แล้ว ยิงเลย!”

“รับทราบ!” ฉางเหอกดปุ่มยิงอย่างตื่นเต้น

สายฟ้าเส้นหนึ่งยิงออกจากวังแสงตะวันชั่วกาล

สายฟ้านี้ไม่ได้ทรงพลังเหมือนกับที่ยิงออกมาก่อนหน้า พลัง 20 หน่วยนับว่าเป็นระดับธรรมดาของปืนใหญ่สังหารปีศาจ แต่กระนั้นประกายไฟยังคงทะลักออกมาจากปากกระบอกปืนไม่หยุด

ที่สำคัญ สายฟ้านี้นับว่าโจมตีปักษาอย่างแสนสาหัสทีเดียว

เหตุใดปืนใหญ่สังหารปีศาจถึงยิงพวกเดียวกันเอง?

ปักษาทั้งหลายเห็นปืนใหญ่เล็งเป้าก็ได้แต่งุนงง ส่วนทหารมนุษย์โห่ร้องลั่น

“ยึดปืนใหญ่สังหารปีศาจคืน!” ปักษาผู้หนึ่งตะโกนเสียงเกรี้ยว ทหารปักษากลุ่มใหญ่เริ่มถอยเข้าหาวังแสงตะวันชั่วกาล

พร้อมกันนั้นเยี่ยเฟิงหานและฉางเหอยังคงเล่นกับการคุมพลังปืนใหญ่สังหารปีศาจอยู่

เมื่อเยี่ยเฟิงหานเห็นว่าปราการอาร์คาน่าเพียงแค่สะท้านทว่าไม่ถล่ม เขาจึงมุ่นคิ้วออกคำสั่งเพิ่ม “40 หน่วย ยิงอีก!”

“รับทราบ!” ฉางเหอปรับคันโยกอย่างมีความสุข

พริบตาต่อมา สายฟ้าเส้นหนาก็พุ่งออกจากปากปืนใหญ่

สายฟ้าเส้นนี้ทำลายปราการอาร์คาน่าทันที แต่การโจมตีทรงพลังยังไม่หยุด มันพุ่งออกไปสังหารปักษาใกล้ ๆ ด้วยเช่นกัน

เยี่ยเฟิงหานชะงักไป “เหตุใด 40 หน่วยจึงทรงพลังเช่นนั้น?”

“เอ่อ…” ฉางเหองึมงำเสียงเขิน ๆ

“มีอะไร?”

ฉางเหอตอบอาย ๆ “เมื่อครู่ข้าตื่นเต้นไปหน่อย เผลอโยกพลังไปเป็น 80 หน่วย”

เจ้าบัดซบนี่!

เยี่ยเฟิงหานตวัดตามองอีกฝ่าย

หลังจากปรับปืนใหญ่อีกครั้ง เยี่ยเฟิงหานจึงเอ่ย “ตั้งให้อยู่ที่ 55 หน่วย ยิงได้!”

“ยังยิงตอนนี้ไม่ได้” ฉางเหอตอบด้วยใบหน้าละห้อย

เยี่ยเฟิงหานไม่แม้แต่จะหันไปมอง “ข้างคันโยกมีไฟวงกลมสีแดงขึ้นหรือ?”

“ใช่”

“แสดงว่าลูกเมื่อครู่ทำให้ร้อนไป เมื่อแสงสีแดงหายไปจึงจะยิงได้อีกครั้ง ยิ่งการโจมตีมีความรุนแรง ก็จะต้องใช้เวลาในการทำให้มันเย็นลงมากขึ้น”

ฉางเหอจึงจนใจ ได้แต่รอให้แสงสีแดงหายไปแต่โดยดี

การได้ยิงการโจมตีทรงพลังเช่นนั้นช่างเป็นสิ่งน่าเสพติดยิ่งนัก แต่ก็ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวมากขึ้นด้วย ไม่แปลกที่เยี่ยเฟิงหานจะเพิ่มพลังอย่างค่อยเป็นค่อยไป

โชคดีที่พลัง 80 หน่วยยังไม่ถือว่าสูงมากมาย ไม่นานแสงสีแดงก็จางลง ฉางเหอจึงปรับคันโยกใหม่ ครั้งนี้มั่นใจแล้วว่าไม่ใช้พลังเกินแน่นอน

เส้นสายฟ้าที่มีพลัง 55 หน่วยยิงเข้าใส่ปราการอาร์คาน่าอีกแห่งหนึ่ง ครั้งนี้มันเปล่งแสงสว่างจ้าก่อนจะค่อย ๆ ถล่มลง

“พลังระดับนี้นับว่าเหมาะที่สุด” เยี่ยเฟิงหานยิ้มพอใจ

การปรับระดับพลังปืนใหญ่สังหารปีศาจให้ได้พอดีจะทำให้เกิดแรงโจมตีสูงสุดก็ได้

แน่นอนว่ามันจะใช้ได้เฉพาะเป้าที่ ‘ธรรมดา’ อย่างปราการอาร์คาน่าเท่านั้น หากใช้กับเทพอสูรก็จะเรียบง่ายกว่านั้น นั่นคือยิงเต็มกำลัง การยิงพลังนับพันออกไปด้วยแรง 20 หน่วยไม่มีทางได้ผลมากเท่ากับการยิงครั้งเดียวด้วยพลัง 180 หน่วยได้หรอก

ระยะพักของการยิงแรง 55 หน่วยก็ไม่นานเช่นกัน ฉางเหอและเยี่ยเฟิงหานค่อย ๆ คุมปืนใหญ่สังหารปีศาจเพื่อทำลายปราการอาร์คาน่าต่อไป

ปราการอาร์คาน่าหลังแล้วหลังเล่าถล่มลง เกราะป้องกันปักษาเริ่มอ่อนพลังอย่างเห็นได้ชัด เกราะส่วนหนึ่งหายไปเลยด้วยซ้ำเมื่อไร้ปราการอาร์คาน่าใกล้ ๆ คอยเสริมพลัง

ปืนใหญ่สังหารปีศาจเจาะเกราะเป็นรูโดยง่าย โจมตีปักษาเสียหายรุนแรงนัก

แม้ทหารปักษาระลอกแรกจะมาถึงแล้ว หุ่นเชิดยักษ์ก็ทำให้พวกเขาไม่อาจเข้าช่วยได้ ทหารปักษาเป็นดั่งแมงเม่าพุ่งเข้ากองเพลิง สิ่งที่รออยู่มีเพียงความตายเท่านั้น

หุ่นเชิดยักษ์ยังคงคอยไล่แมลงหวี่แมลงวันที่อยู่ด้านนอก เยี่ยเฟิงหานกับฉางเหอยิงปืนใหญ่โดยเร็วที่สุด นับว่าสนุกมาก

“ข้าล่ะชอบจริง ๆ!” ฉางเหอหัวร่อยินดี

ใช้เวลาไม่นาน ปืนใหญ่สังหารปีศาจก็ทำลายปราการไปกว่า 10 แห่ง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็คงสามารถทำลายปราการทั้งหมดได้

ในจังหวะนั้นเอง เยี่ยเฟิงหานก็เปลี่ยนทิศปืนใหญ่อีกครั้ง “เอาล่ะ เปลี่ยนเป้ากัน”

“หา? ทำไมกัน? เกราะยังไม่ถูกทำลายทั้งหมดเลยนะ” ฉางเหอไม่เข้าใจ

“อาจารย์ต้องการเมืองล่องนภาที่ไร้รอยรอยขีดข่วน ไม่ใช่ที่มีรูมีหลุมอยู่ทั่ว” เยี่ยเฟิงหานตอบ “จะสร้างปราการอาร์คาน่าต้องใช้เงินมาก เราเพียงแต่ทำลายบางส่วนเพื่อลดความเสียหายของฝั่งเรา ช่วยให้กองกำลังเข้าเมืองมาได้ พวกเขาเข้ามาได้เมื่อไหร่ หน้าที่หลักของเราจริง ๆ แล้วคือการปกป้องเมืองให้ได้มากที่สุด”

“เช่นนี้นี่เอง” ฉางเหอพลันเข้าใจ

เมื่อบนเกาะมีรูเกิดมากขึ้น มนุษย์ทั้งหลายก็บุกเข้าเมืองมาได้มากยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้เป้าหมายคือการบุกทำลาย

แต่ตอนนี้เป้าหมายกลายเป็นปกป้อง

เยี่ยเฟิงหานไม่คิดสนใจปราการอาร์คาน่าแล้ว

“เช่นนั้นเป้าหมายต่อไปคืออะไร?”

“ปักษาอย่างไรเล่า” เยี่ยเฟิงหานว่าเสียงกลั้วหัวเราะ “ไม่คิดหรือว่าการใช้ปืนใหญ่นี้ยิงพวกแมลงหวี่เล่นสักหน่อยเป็นเรื่องบันเทิงไม่ใช่น้อยเชียว?”

ฉางเหอชะงักไปจังหวะหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะลั่น “ไม่เลวเลย เจ้าพูดถูก ปืนใหญ่นี้ถูกสร้างมาเพื่อยิงแมลงน่ารำคาญอยู่แล้ว ใช้แรงเท่าไหร่?”

“ตั้งให้เป็น 5 หน่วย ให้พวกมันได้ลิ้มรสปืนใหญ่กระหน่ำยิงกันบ้าง”

“ได้เลยสหาย!”

เยี่ยเฟิงหานจึงเล็งปืนใหญ่ไปยังแนวหน้าปักษา ปืนใหญ่สังหารปีศาจเริ่มเรืองแสงขึ้นอีกครา

แต่ครั้งนี้ด้วยความที่ใช้พลังเพียง 5 หน่วย หลังจากยิงออกไปแล้วจึงไม่เกิดแสงสีแดงส่งสัญญาณว่าปืนใหญ่ร้อนเกินอีก

ฉางเหอทุบปุ่มยิงไม่หยุด สายฟ้านับไม่ถ้วนพุ่งออกจากปืนใหญ่ เยี่ยเฟิงหานกวาดปากปืนใหญ่เป็นวงโค้งราวกับว่าปืนใหญ่เป็นปืนกลอย่างไรอย่างนั้น ปักษาคนแล้วคนเล่าถูกสายฟ้ายิงใส่ ที่อ่อนแอหน่อยก็ตายคาที่

แต่ระดับความแรงที่ยิงนับว่าต่ำเกินกว่าจะสร้างความเสียหายหนักได้ ทั้งยังสามารถโจมตีได้เพียงแค่เป้าเดียวในแต่ละครั้ง แม้จะก่อความโกลาหลได้บ้าง แต่ความรุนแรงก็ได้เพียงเท่านี้

เยี่ยเฟิงหานส่ายหน้า “5 หน่วยยังน้อยไป เพิ่มให้เป็น 10 หน่วย”

“เข้าใจแล้ว!” ฉางเหอจึงเพิ่มพลังตามสั่ง

นับว่าการเพิ่มพลังครั้งนี้มีความหมายพอสมควร แม้ไฟสีแดงจะไม่ปรากฏ แต่ก็ไม่สามารถยิงสายฟ้าออกมาเป็นห่าใหญ่ได้แล้ว และเมื่อยิงถูกเป้าจะเกิดแรงระเบิด ทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อยเช่นกัน

สายฟ้าเส้นบางกลับยิงถูกเป้าได้ยากขึ้นกว่าเดิม

เยี่ยเฟิงหานยังไม่พอใจ “เพิ่มเป็น 20 หน่วย”

กลายเป็นว่าเพิ่มพลังถึง 20 หน่วยอีกครั้ง

ตูม ๆ!

สายฟ้าเส้นหนาวาดเป็นเส้นโค้งบนท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว ทุกครั้งที่ยิงปืนใหญ่ก็เกิดความเสียหายพอสมควร

“30 หน่วย!” เยี่ยเฟิงหานยังเพิ่มพลังขึ้นต่อ

ปืนใหญ่สังหารปีศาจยังคงยิงสายฟ้าฟาดออกมาด้วยอานุภาพแปรผันตามคำสั่งเยี่ยเฟิงหานต่อ

สุดท้ายเขาก็พบคำตอบจากการลองผิดถูกหลายครั้งว่า หากเป้าเป็นทหารปักษา ปืนใหญ่สังหารปีศาจจะยิงได้ผลที่สุดในช่วง 30-70 หน่วย

หากต่ำกว่านั้นจะไม่เกิดความเสียหายเท่าไหร่นัก

ส่วนจะเป็น 30 หรือ 70 หน่วยนั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเป้าหมาย ดังนั้นงานหนักจึงตกเป็นของฉางเหอที่คอยปรับระดับพลังของปืนใหญ่อยู่ตลอด

ทั้งสองยังคงยิงปืนใหญ่ออกไปไม่หยุด ปักษานับหมื่นถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่ไม่หยุดยั้ง

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดังขึ้นจากสนามรบ

“เกิดอะไรขึ้น?” ทั้งสองได้ยินก็ชะงัก

และเมื่อมองไปยังต้นกำเนิดเสียงเฮลั่น ก็เห็นรูปปั้นขนาดใหญ่กำลังถล่มลงมาจากภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป

รูปปั้นพระแม่ถูกโค่นล้มแล้ว

มันล้มหน้าคว่ำลง เห็นหุ่นเชิดยักษ์จำนวนมากเดินออกมาจากฝุ่นควัน

“เป็นกองทัพยักษ์! กองทัพยักษ์ของท่านเจ้านิกาย!” ฉางเหอร้องเสียงตื่นเต้น

เยี่ยเฟิงหานยิ้มบาง

หุ่นเชิดยักษ์ของซูเฉินมุ่งทำลายนิกายแห่งพระแม่ ซึ่งนับเป็นเสาหลักสำคัญที่สุดของปักษา อีกทั้งยังมีกลยุทธ์มากมาย ซูเฉินจึงส่งกองทัพยักษ์ไปลงมือ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะสำเร็จแล้ว

จังหวะที่รูปปั้นนิกายแห่งพระแม่ถล่มลงมา ก็ได้ยินเสียงเฮลั่นที่ใกล้กว่าดังขึ้น

แสงหลากสีสันปรากฏขึ้นจากที่ไกล ๆ

เมื่อมันจางลง เกราะเมืองล่องนภาจึงเริ่มแตกสลายภายใต้แรงกดดันนั้น

วัตถุขนาดใหญ่กำลังเข้าปะทะเมืองล่องนภา เปล่งแสงออกมาอย่างสง่างามตลอดเวลา

กีฏมารดา!