ส่วนที่ 6 ภาคลมประจิมรุนแรง ตอนที่ 32 การลอบสังหารในหอบรรพชน

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

นักพรตหญิงนั่งอยู่ในเกี้ยว แส้หางม้าขดอยู่บนแขนซ้ายของนาง

เห็นได้ชัดว่าแส้หางม้านี้ได้รับการซ่อมแซมในช่วงสองปีมานี้ เพราะมันดูใหม่มาก

นักพรตหญิงดูไม่แก่เท่าไร กระนั้นนางก็แผ่กลิ่นอายชราไร้ชีวิตออกมา ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ยังมีนิสัยประหลาดน่ารังเกียจ

หวังผ้อเกลียดนาง หากไม่ใช่เพราะสามีนาง เขาคงตัดแขนนางไปข้างหนึ่งเมื่อสองปีก่อน

แน่นอนว่านอกจากคนอย่างหวังผ้อ ไม่มีใครกล้าแสดงความเกลียดชังนักพรตหญิงผู้นี้แม้แต่น้อย

เพราะนักพรตหญิงผู้นี้มีอารมณ์ฉุนเฉียว เพราะนักพรตหญิงผู้นี้นามว่าอู๋ฉยงปี้ หนึ่งในแปดมรสุมรุ่นล่าสุด ยอดฝีมือขั้นเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์

เกี้ยวอีกหลังว่างเปล่า

คนที่เคยนั่งอยู่ตรงนั้นตอนนี้ยืนอยู่ข้างหวังผ้อ

นี่เป็นชายวัยกลางคนที่อ้วนมากคนหนึ่ง เขาสวมชุดยาวสีเหลือง พุงโรย้อยลงจากเข็มขัด ทำให้เขาดูน่าขันทีเดียว

แต่ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเขาเช่นกัน

เพราะเขาคือเซียงอ๋อง ท่านอ๋องที่ทรงอำนาจที่สุดในราชสำนักต้าโจว ได้รับการสนับสนุนจากทหารและขุนนางนับไม่ถ้วน

แต่ไม่นานก่อนหน้านี้ เขาได้ทะลวงผ่านกลายเป็นราชนิกุลคนเดียวในหมู่ทายาทของจักรพรรดิเซียนและกลายเป็นยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง

เรื่องที่ว่ามีคนรู้น้อยนักในตอนนี้

มีแต่ตอนที่เขาออกจากจิงตูมาเมืองเวิ่นสุ่ย นั่งเกี้ยวขึ้นเขาจีหมิงยืนข้างกายหวังผ้อ มองดูทิวทัศน์งดงามตรงหน้าจึงมีคนรู้เพิ่มอีกหน่อย

หวังผ้อกล่าว “ข้าประหลาดใจนัก”

เซียงอ๋องถอนหายใจ “ข้าก็ประหลาดใจเช่นกัน”

……

……

พายุหิมะปกคลุมเมืองเวิ่นสุ่ย รวมถึงหอบรรพชน

หลังคาดำมีหิมะกองสุมเปลี่ยนเป็นสีขาวสบายตา กำแพงขาวกลายเป็นขาวยิ่งกว่าเดิม ในทางกลับกันแสงในลานสะท้อนกับหิมะดูหม่นมัวกว่าเดิม

พายุหิมะหยุดแล้วก็ตกใหม่ รุนแรงขึ้นแล้วก็สงบลง แสงจากท้องฟ้าก็เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บ้างหม่นมัวบ้างเจิดจ้า

เงาร่างมากมายปรากฏขึ้นในพายุท่ามกลางแสงที่ผันเปลี่ยนนี้

มือสังหารสวมชุดขาว สวมหน้ากากไว้บนหน้า พวกเขาแผ่ความเย็นออกมาเช่นเดียวกับพายุหิมะ ยากนักที่จะมีใครสังเกตเห็นพวกเขา

ตอนที่พวกเขาปรากฏตัว ถังซานสือลิ่วก็รู้ตัวแต่นี่เป็นเพราะพวกเขาไม่สนใจว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่

ถังซานสือลิ่วหรี่ตา

ลมเย็นพัดต้องใบหน้า แม้ว่าจะไม่ทำให้เขาเย็นลงแต่ก็ทำให้เส้นผมอันมันเยิ้มสกปรกเพราะไม่ได้สระมานานปลิวขึ้น

เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้ เพราะภาพนี้ไม่งดงามพอหรือมีกลิ่นหอมพึงใจ

เขามองไปที่มือสังหารชุดขาวในลานของหอบรรพชนแล้วเกาหัว “พวกเจ้าขนกันมาสู้กับข้าคนเดียวอย่างนั้นหรือ ไม่ยุติธรรมไปหน่อยมั้ง”

เป็นธรรมดาที่มือสังหารไม่ตอบคำ พวกเขาแค่จ้องกลับไปอย่างเฉยชา

ถังซานสือลิ่วเงยหน้ามองผู้พิทักษ์ชรา

เขานั่งอยู่บนเบาะในขณะที่ผู้พิทักษ์ชรายืนอยู่ด้านข้าง หากเขาต้องการจะเห็นหน้าของผู้พิทักษ์ชราชัดๆ ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมอง

พูดได้ว่าเขาดูเหมือนกับเป็ดที่ยืดคอรอให้เชือด แต่ก็อาจบอกได้ว่าเขาเป็นเหมือนดังหงส์ที่หยิ่งทะนง

ใช่แล้ว ไม่ว่าปราณของมือสังหารที่ลอบเข้ามาในหอบรรพชนกลางพายุหิมะพวกนี้จะเย็นเยียบน่ากลัวเพียงใด ก็ไม่มีคนไหนที่เทียบกับผู้พิทักษ์ชราได้

แต่เห็นได้ชัดว่ามือสังหารเหล่านี้ไม่สนใจ และสายตาก็จับจ้องถังซานสือลิ่วอยู่ตลอด ดังนั้นจึงมีคำอธิบายเดียวเท่านั้น

ความมั่นใจในการฆ่าถังซานสือลิ่วของประมุขรองตระกูลถังมาจากไหน

ผู้พิทักษ์ชราที่อยู่ในหอบรรพชนเป็นคนของเขา

ผู้พิทักษ์ชรากล่าว “ข้าขอโทษด้วยคุณชาย”

ถังซานสือลิ่วยิ้มและตอบ “ขอโทษมารดาท่านเถอะ”

ผู้พิทักษ์ชรายกมือขวาขึ้นและฟาดลงใส่ศีรษะของถังซานสือลิ่ว

พายุหิมะรุนแรงขึ้นอย่างฉับพลันและเทียนไขในหอบรรพชนก็ส่ายไหว เล่มที่อยู่ด้านหน้าหน่อยถึงกับดับลงในทันที ป้ายวิญญาณสิบกว่าแผ่นตกลงจากชั้นกระจัดกระจายอยู่บนพื้น

ถังซานสือลิ่วเคลื่อนไหว

เบาะรองนั่งด้านล่างแตกเป็นเสี่ยงๆ ควันที่เห็นได้ชัดว่าเป็นพิษลอยขึ้นมา

เขาตะเกียกตะกายไปตามพื้น เคลื่อนไปยังลานที่ปกคลุมด้วยหิมะ

เห็นได้ชัดว่าตระกูลถังได้ไม่ได้จัดวางการป้องกันอันใดในหอบรรพชน แต่เขาได้เตรียมการเอาไว้แล้ว

เสียแต่เขาไม่คิดว่าครั้งนี้คนที่ต้องฆ่าจะเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลถัง

ควันพิษในเบาะรองนั่งค่อนข้างรุนแรงมาก แต่มันจะสามารถเล่นงานผู้พิทักษ์ชราได้หรือ

ผู้พิทักษ์ชราเคยเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสรุ่นแรกของพรรคฉางเซิง เขามีปราณแท้สะสมมากมายมหาศาล ระดับการบำเพ็ญเพียรอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นรวบรวมดวงดาว ถึงกับก้าวเข้าเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วครึ่งก้าว

อย่าว่าแต่การที่ถังซานสือลิ่วจะอยู่แค่ขั้นต้นของขั้นรวบรวมดวงดาว ต่อให้เขาระเบิดพลังที่แข็งแกร่งกว่าตอนนี้สิบเท่าออกมา ก็ไม่อาจป้องกันการโจมตีอันรุนแรงนี้ได้

ต่อให้เขาตะเกียกตะกายไปยังลานได้ แต่จะหลบพ้นลมแรงที่เกิดจากฝ่ามือนี้ได้อย่างไร

ฝ่ามือผู้พิทักษ์ชราตกลงมาราวกับภูเขาถล่ม

พายุหิมะนอกหอบรรพชนดูเหมือนจะถูกมือที่มองไม่เห็นดึงเอาไว้ ลมนิ่งและหิมะก็เริ่มตกด้วยความเร็วที่ช้าลง

ฝ่ามือผู้พิทักษ์ชราดูเหมือนจะฟาดโดนศีรษะถังซานสือลิ่ว

ทันใดนั้นพายุหิมะก็พลันมีชีวิตขึ้นมา เกล็ดหิมะเริ่มร่วงลงอีกครั้ง

ประกายกระบี่วาบขึ้นในพายุหิมะ

เป็นประกายกระบี่ที่เจิดจ้าอย่างยิ่ง ส่องสว่างบนเหมยฤดูหนาว เก้าอี้ในลานบ้าน และดวงตาของเหล่ามือสังหาร

แต่ก็ยังเป็นประกายกระบี่ที่หม่นมัวอย่างมากเช่นกัน ปราณทั้งหมดถูกจำกัดเอาไว้ ดูราวกับว่าถูกเปื้อนด้วยฝุ่นผงและใบไม้ร่วงมาร้อยกว่าวัน สอดคล้องกับหอบรรพชนอย่างสมบูรณ์

เกล็ดหิมะมากมายตกลงจากท้องฟ้าและเปื้อนด้วยสีแดงในทันที

เป็นสีแดงของเลือด

ความไม่อยากเชื่อปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้พิทักษ์ชรา

ฝ่ามือก่อให้เกิดลมหวีดหวิว

ประกายกระบี่เคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ

เทียนในหอบรรพชนดับลงทั้งหมด

แผ่นป้ายวิญญาณที่วางไว้แน่นขนัดตกลงทีละอัน

คานและผนังเต็มไปด้วยลายนิ้วมือและรอยกระบี่

เสียงดังวูบหนึ่ง หอบรรพชนเงียบลงอีกครั้ง

ผู้พิทักษ์ชรายืนอยู่บนบันไดหินตรงหน้าหอบรรพชน

มือซ้ายถูกกระบี่ฟัน เลือดไหลเป็นทาง

อกซ้ายก็เป็นแผลลึก มีเลือดพุ่งออกมา

ฝ่ามือขวาประกบอยู่กับฝ่ามือซ้ายของคู่ต่อสู้

คู่ต่อสู้เป็นชายสวมชุดคนรับใช้

คนผู้นี้ดูธรรมดาอย่างมาก ไร้ความมีเอกลักษณ์แม้แต่อย่างเดียว

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา คนผู้นี้ห่อไหล่อยู่เสมอ เหมือนกับหวังผ้อที่รออยู่บนเขาจีหมิงนอกเมือง

แต่วันนี้ไม่ใช่ เพราะแขนซ้ายของเขานับจากข้อมือถึงหัวไหล่ได้แตกหักจนหมดด้วยฝ่ามือของผู้พิทักษ์ชรา

ใครกันที่สามารถต่อสู้กับผู้พิทักษ์ชราตระกูลถังและจบด้วยการที่ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บสาหัสได้!

แม้ว่าจะเป็นการลอบโจมตี ก็ยังยากจะเชื่อ

……

……

ผู้พิทักษ์ชรามีความทรงจำเลือนรางเกี่ยวกับคนผู้นี้ เขาต้องเป็นคนรับใช้ใบ้ประจำหอบรรพชน

ตอนนี้เขาย่อมรู้แล้วว่าคนผู้นี้ย่อมไม่ใช่ครับใช้ใบ้ทั่วไป

ไม่ใช่ยอดฝีมือตระกูลถังที่ประมุขผู้เฒ่าจัดวางเอาไว้ เพราะเขารู้ความลับทั้งหมดของตระกูลถัง

แล้วยอดฝีมือจากไหนกันที่แสร้งเป็นใบ้และกวาดลานหอบรรพชนตระกูลถังมาครึ่งปี

คนที่สามารถซุ่มโจมตียอดฝีมือครึ่งก้าวเข้าสู่เขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ต้องเป็นมือสังหารชั้นยอดและต้องมีระดับการบำเพ็ญเพียรในระดับเดียวกัน

จุดสูงสุดของขั้นรวบรวมดวงดาว? มีมือสังหารคนเดียวในต้าลู่ที่มีระดับการบำเพ็ญเพียรอยู่ในขั้นนี้

ผู้พิทักษ์ชรารู้จักมือสังหารคนนี้ นัยน์ตาของเขาหดลงตอนที่ตะโกน “โจมตี!”

คำสั่งนี้ย่อมบอกต่อมือสังหารชุดขาวเหล่านั้น

แต่ในช่วงเวลาคับขันนี้ เขาลืมเรื่องสำคัญอย่างมากไปเรื่องหนึ่ง

เหล่ามือสังหารพุ่งเข้าหาถังซานสือลิ่ว เจตจำนงกระบี่ว่องไว รุนแรงและน่ากลัว เย็นกว่าหิมะกลางฤดูหนาวหลายเท่า สามารถทำให้คนตัวสั่นด้วยความกลัว

ประกายกระบี่เย็นเยียบนับไม่ถ้วนปรากฏในหิมะที่โปรยปราย ตามมาด้วยเสียงของมีคมทิ่มแทงใส่เสื้อผ้าและร่างกาย

เลือดกระเซ็นลงบนหิมะในลานดูสะดุดตาอย่างมาก

มือสังหารหลายคนล้มจมกองเลือด ไม่หายใจอีกต่อไป

มือสังหารพวกนี้ล้วนมีระดับสูงมากและระวังตัวอย่างสูง แต่ก็ไม่อาจคาดคิดได้ว่าจะถูกพวกเดียวกันเองลอบโจมตี

เจตจำนงกระบี่รุนแรงน่ากลัวปกคลุมลานหอบรรพชนตระกูลถัง

คนรับใช้ใบ้ถอยเข้าสู่ลาน

มือสังหารชุดขาวเจ็ดคนเดินไปอยู่ข้างกายเขา