บทที่ 2137 สู้กับฉันสักยก เดี๋ยวนี้เลย!
“วันนี้พี่แค่ไม่ค่อยสบายน่ะ!” เนี่ยหลิงหลงเดินฝ่าวงล้อมเข้ามาด้วยความใส่ใจ แล้วมองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยด้วยความห่วงใยว่า “พี่คะ ขอโทษนะคะ เป็นความผิดของฉันเอง ที่ปล่อยให้นักฆ่าปะปนเข้ามาได้ ทำให้พี่ตื่นตกใจ ฉันจะให้คนส่งพี่กลับไปพักผ่อนนะคะ!”
สมาชิกระดับสูงและผู้อาวุโสมองเห็นผู้รักษาการณ์หัวหน้าตระกูลของตระกูลตัวเองมีท่าทางอ่อนแอแบบนี้ ถูกนักฆ่าโจมตีทีเดียวก็ได้ความตระหนกตกใจจนต้องกลับไปพักผ่อน สีหน้าจึงพลันไม่น่าดูนัก
คนอ่อนแอแบบนี้ จะรับช่วงต่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเนี่ยของพวกเขาได้ยังไง
เยี่ยหวันหวั่นไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้ที่ออกมา เกรงว่าเนี่ยหลิงหลงคงเตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว
เนี่ยหลิงหลง…
ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วสินะ
ดูท่าทางว่า หลังจากเธอเสียหุ่นเชิดไป ก็เริ่มแผลงฤทธิ์แล้วสินะ อยากให้ตัวเองลงมือ เพื่อที่จะได้ยึดครองตระกูลเนี่ย!
ก่อนหน้านี้อัตราความเป็นไปได้ในการแย่งชิงของเนี่ยหลิงหลงมีไม่มาก แต่ว่า ถ้าเนี่ยอู๋หมิงเสียสิทธิ์ในการสืบทอดไปแล้ว ส่วนตัวเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่พลังยุทธ์ตกต่ำ สถานการณ์ไม่เป็นผลดีต่อพวกเธอเลย…
ในการรับช่วงต่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเนี่ยนอกจากความสามารถแล้ว ข้อกำหนดด้านระดับพลังยุทธ์ก็เข้มงวดเหมือนกัน
….
ช่วงค่ำเมื่อกลับถึงบ้านตระกูลเนี่ย
เยี่ยหวันหวั่นก็กระหน่ำโทรจิกเนี่ยอู๋หมิงให้รีบกลับมา
“อู๋โยว แกเรียกหาฉันมีธุระอะไร มีเรื่องก็รีบพูดมาสิ! แกรู้ไหมว่าพี่ชายแกมีออเดอร์ใหญ่เป็นเงินหลายร้อยอยู่ทุกนาทีนะ” เนี่ยอู๋หมิงเอ่ยด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
ทุกนาทีมีเงินหลายร้อย…
สุดยอดจริงๆ!
เยี่ยหวันหวั่นกลอกตาใส่เขาด้วยความหงุดหงิด “พี่ตามฉันมาหน่อย!”
“ทำไมล่ะ” เนี่ยอู๋หมิงเดินตามเธอเข้าไปในสวนที่ไร้ผู้คนอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
เยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “สู้กับฉันสักยกสิ”
เนี่ยอู๋หมิงมึนงง “ฮะ”
เยี่ยหวันหวั่นย้ำอีกครั้ง “สู้กับฉันสักยก เดี๋ยวนี้เลย”
เนี่ยอู๋หมิงเอ่ยด้วยสีหน้าระแวดระวัง “แกมีแผนร้ายอะไรอยู่ แกอยากให้ฉันถูกพ่อแม่กับฟาดตายรึไง”
เขาจะกล้าตีกับแก้วตาดวงใจของพ่อกับแม่ได้ยังไง!
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างอับจนคำพูด “ฉันอยากดูว่าตอนนี้ทักษะยุทธ์ของฉันอยู่ในระดับไหนแล้วก็เท่านั้น เร็วเข้า อย่าโอ้เอ้”
เนี่ยอู๋หมิงเลยยอมเห็นด้วยแล้ว “โอ้ งั้นก็ได้”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยกำชับอย่างไม่วางใจ “ห้ามอ่อนข้อให้ฉัน สู้กับฉันอย่างจริงจังซะ”
เนี่ยอู๋หมิงพยักหน้า “ได้”
ฟิ้ว...
วินาทีต่อมา ทั้งสองคนลงมือแทบจะพร้อมๆ กันเลย
จากนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘พลั่ก’ เยี่ยหวันหวั่น…ลอยละลิ่วออกไป
“ไอ๊หยา ซวยแล้ว…” เนี่ยอู๋หมิงสะดุ้งโหยง รีบพุ่งตามไป คว้าตัวเยี่ยหวันหวั่นเอาไว้ได้ ก่อนที่เธอจะกระแทกเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านหลัง ด้วยกลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ
เมื่อเยี่ยหวันหว่านยืนบนพื้นอย่างมั่นคงแล้ว ก็ตะคอกใส่เนี่ยอู๋หมิงอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยสีหน้าถมึงทึง “เนี่ยอู๋หมิง! พี่คิดจะฆ่าน้องสาวแท้ๆ รึไง!”
เนี่ยอู๋หมิงก็ตกใจแทบตายแล้วเหมือนกัน “น้องสาว ทำไมแกถึงกระจอกแบบนี้ล่ะ!”
เยี่ยหวันหวั่นโมโหยิ่งกว่าเดิม “พี่น่ะสิกระจอก! ทั้งตระกูลพี่กระจอกกันหมด!”
เนี่ยอู๋หมิงเอ่ยแย้ง “โอ๊ะ น้องสาว แกอย่าทำตัวไม่มีเหตุผลสิ ถ้าตระกูลเนี่ยของเรากระจอกกันทั้งบ้าน งั้นในรัฐอิสระคงไม่มียอดฝีมือแล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีก และเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ฉันถามพี่หน่อย พี่ใช้พลังกี่เปอร์เซ็นต์”
เนี่ยอู๋หมิงคิดทบทวนอย่างจริงจัง “ศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์มั้ง…”
เยี่ยหวันหวั่นตะลึงงัน…
จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง แล้วถามว่า “บอกฉันมาดีๆ สรุปแล้วเป็นหนึ่งเปอร์เซ็นต์หรือว่าศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์กันแน่”
เนี่ยอู๋หมิงตอบอย่างหนักแน่น “ศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์ไม่ผิดแน่!”
เยี่ยหวันหวั่นช็อกไปแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบอยู่นานกว่าจะเอ่ยถามต่อไปว่า “ตัวฉันในอดีตตอนอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ สามารถรับมือพี่ได้กี่กระบวนท่า”
เนี่ยอู๋หมิงลูบคางแล้วตอบว่า “ถ้าแกใช้สิทธิ์ความเป็นน้องสาวฉัน สามารถรับมือฉันได้สองกระบวนท่า แต่ถ้าไม่ใช้สิทธิ์ความเป็นน้องสาวฉัน จะรับมือฉันได้แค่กระบวนท่าเดียว”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกแล้ว…
————————————————————-
บทที่ 2138 เป็นตายไม่ทราบแน่ชัด
ทำยังไงดีนะอยากทุบเขาให้ตายชะมัด
ไอคิวของไอ้หมอนี่ ถูกชดเชยด้วยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งใช่ไหม
สุดท้าย เยี่ยหวันหวั่นก็ละทิ้งความคิดที่อยากจะทุบเขาให้ตาย เนื่องจากสู้ไม่ไหว…
“มีวิธีไหนให้พลังยุทธ์ของฉันฟื้นฟูกลับมาอย่างเร่งด่วนได้บ้าง” เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจพลางเอ่ยถาม
เนี่ยอู๋หมิงลองคิดดู จากนั้นก็เกาหัวแล้วตอบว่า “เรื่องนี้…น่ากลัวว่าจะพูดยาก ด้วยสถานการณ์ของแก แล้วแกก็ไม่ใช่พวกมือใหม่ที่สามารถยกระดับพลังยุทธ์ได้ด้วยการฝึกฝน สมรรถภาพร่างกายกับศักยภาพของแกกองอยู่ในจุดนี้ ก็ถือว่าอยู่ในระดับสุดยอดแล้ว
ดังนั้น ปัญหาของแกไม่ใช่ว่าศักยภาพของแกไม่ดี แต่เป็นตัวแกเองที่ไม่ได้เรื่อง ใช้งานไม่เป็น ไม่สามารถแสดงพลังของมันออกมาได้
ความเข้าใจในทักษะยุทธ์ของแต่ละคนแตกต่างกัน ร่างกายของแกมีแค่ตัวแกเองที่รู้จักดีที่สุด เรื่องนี้น่ากลัวว่าคนอื่นก็คงช่วยแกไม่ได้เหมือนกัน…”
เยี่ยหวันหวั่นฟังแล้วปวดหัวสุดๆ “น่ากลัวว่าเนี่ยหลิงหลงต้องการชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลแล้ว พี่ก็โต้แย้งไม่ได้แล้วใช่ไหม วันนี้เธอจงใจส่งนักฆ่ามาหยั่งเชิงฉัน ให้พวกผู้อาวุโสกับสมาชิกระดับสูงรู้เรื่องที่พลังยุทธ์ของฉันตกต่ำ สถานการณ์ไม่เป็นผลดีกับพวกเรามากๆ เลย”
เนี่ยอู๋หมิงบ่นกระปอดกระแปด “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากโต้แย้งนะ แต่พ่อของพวกเราตัดสินให้ตัดฉันออก! บอกว่ากลัวตระกูลเนี่ยจะล่มสลายด้วยมือของฉัน ไม่ยอมให้ฉันเป็นหัวหน้าตระกูลเด็ดขาด!”
เยี่ยหวันหวั่นพึมพำ “พ่อเราฉลาดสุดๆ ไปเลย”
มีแค่พลังยุทธ์แต่ไม่มีสมอง น่ากลัวมากจริงๆ
“ฉลาดไม่ฉลาดอะไรกันล่ะ พ่อของเราน่ะแก่แล้วเลอะเลือน อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลย ปัญหาของแก แกก็ต้องแก้ด้วยตัวเอง โลกนี้เลวร้ายใจคนไม่เที่ยง แกรีบฟื้นฟูหน่อยจะดีกว่า ไม่งั้นจะเกิดปัญหาเอา” เนี่ยอู๋หมิงจ้องมองเยี่ยหวันหวั่น เปิดปากเตือน
ในเรื่องนี้ เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ได้พูดมากอีก
ครั้งก่อนผู้อำนวยการก็บอกแล้ว ขั้นตอนการฟื้นฟูต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับตัวเธอเองเท่านั้น เธอแค่กลัวว่าจะไม่ทันเวลาแล้ว…
“ยังไงก็ตาม น้องสาว ฉันรู้สึกอยู่ตลอดว่าตอนนี้ตระกูลเนี่ยผิดปกติอยู่บ้าง ยัยตัวร้ายเนี่ยหลิงหลงคนนั้น ตอนแรกก็ไม่ได้ใช่สายเลือดตระกูลเนี่ย ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นตัวเลือกในการเป็นผู้สืบทอดตระกูลเนี่ยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้พวกผู้อาวุโสกับพวกระดับสูงกลับสนับสนุนเธอ ฉันรู้สึกว่าอาจจะมีการซื้อตัวกันแล้ว” เนี่ยอู๋หมิงพูดต่อ
“นี่ยังต้องถามอีกเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเนี่ยอู๋หมิงแวบหนึ่ง
ถูกซื้อตัวแน่อยู่แล้ว เนี่ยหลิงหลงต้องมอบผลประโยชน์มหาศาลให้ผู้อาวุโสและระดับสูงที่ให้การสนับสนุนแน่ หรือไม่ก็คงมีสัญญาอะไรกัน
อีกอย่าง ตอนนี้พวกผู้อาวุโสและสมาชิกระดับสูง หยิบยกเรื่องสายเลือดของคุณพ่อขึ้นมา บอกว่าคุณพ่อก็ไม่ใช่คนตระกูลเนี่ย ในเมื่อคุณพ่อสามารถขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลเนี่ยได้ แล้วทำไมเนี่ยหลิงหลงจะเป็นไม่ได้
เหตุผลและข้ออ้างแบบนี้ พวกเขาก็ยังคิดกันออกมาได้ แถมยังทำให้คนอื่นไม่สามารถโต้แย้งได้ด้วย
“กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ดูแลตัวเองดีๆ ช่วงนี้พ่อแม่ไม่อยู่ จะต้องระวังตัวหน่อย” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยกับเนี่ยอู๋หมิง
ตอนนี้ตระกูลเนี่ยเหลือแค่พวกเธอสองพี่น้องแล้ว และเยี่ยหวันหวั่นก็เชื่อใจได้แค่เนี่ยอู๋หมิง
น่าเสียดาย ถ้าเนี่ยอู๋หมิงฉลาดสักหน่อย ภูมิฐานมากกว่านี้ ด้วยระดับวรยุทธ์ของเขา แค่กระทืบเท้าทีเดียว ทุกคนในตระกูลเนี่ยก็ต้องผวาแล้ว ใครจะกล้าก่อเรื่องอีก
ยังไงก็ตามแต่ บอกได้แค่ว่าสวรรค์มีความยุติธรรมนัก…
“อืม แกพูดถูกแล้วน้องสาว พวกเราต้องดูแลตัวเองดีๆ วางใจเถอะ ตระกูลเนี่ยยังมีฉันอยู่ พี่จะปกป้องแกเอง” พอเนี่ยอู๋หมิงพูดจบ ก็หันหลังก้าวออกไป
….
หลังจากนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่คาดคิดเลยว่า เรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางที่เลวร้ายยิ่งกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้
วันต่อมา จู่ๆ ก็มีข่าวมาจากทางเมืองจิ่นเฉิง บอกว่านายหญิงเนี่ยกับหัวหน้าตระกูลเนี่ยถูกดักโจมตีระหว่างทาง เป็นตายยังไม่ทราบแน่ชัด
…………………………………………..