เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1512

ลำแสงหลากหลายสีสัน แสงห้าธาตุรวมตัวเป็นก้อน ลอยในอากาศเหมือนหมอก กลายเป็นรูปร่างคนรางๆ

อันที่จริงม่านแสงสวรรค์ที่เจดีย์สูงชั้นที่สาม ไม่ต่างจากม่านน้ำสรวงสวรรค์เท่าไร

ไม่มีอะไรนอกจากใช้พลังห้าธาตุอื่นๆ ดูสะดุดตาและสมจริงกว่าเท่านั้น

ลู่ฝานมาถึงในแสง ในแสงที่เหมือนหมอกเหล่านั้น เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นภาพต่างๆ

มีทั้งการกินข้าว การทักทาย การกลั่นยา การต่อสู้ ภาพหลายสิบภาพปรากฏออกมาพร้อมกัน คนทั่วไปเห็นคงตาลาย แต่สำหรับลู่ฝาน สิ่งเหล่านี้ไม่นับประสาอะไรเลย

แม้เขาไม่ได้มีตาหลายสิบดวงให้มองภายในเวลาเดียวกัน แต่แค่เป็นเรื่องที่เขาตั้งใจจำ ก็เป็นอะไรที่ลืมยาก

การที่ธรรมเนียมประเพณียากกว่าการสลักอักษรที่ชั้นสอง สิ่งสำคัญอยู่ที่ความเป็นหนึ่งเดียวของมือตาร่างกายและท่าทาง อีกทั้งโทนเสียงในการพูดก็สำคัญมากเช่นกัน

มองพวกผู้ฝึกชี่ในม่านแสง แม้จะทำความเคารพผู้อาวุโสระดับสูง ก็ดูสง่างามเป็นอย่างมาก

ลู่ฝานดูธรรมเนียมประเพณีเหล่านี้เงียบๆ ตั้งใจจดจำ

ต่อไปเขาไม่อยากให้เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ทำให้งานใหญ่ของเขาพัง

รอบๆ ยังมีผู้ฝึกชี่คนอื่นกำลังฝึกอยู่เงียบๆ พูดพึมพำอะไรออกมาด้วย

หลังม่านแสงมีประตูทองสัมฤทธิ์บานใหญ่ มีแสงเคลื่อนไหวอยู่ด้านบน

นักบู๊จำนวนไม่น้อยทำความเคารพประตูนี้ไม่หยุด เหมือนจะใช้ท่าทางอันสง่างามของตัวเองเปิดประตูบานนี้

หลังเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าลู่ฝาน

“ก็แค่นี้เอง!”

ลู่ฝานเดินผ่านม่านแสงเหล่านี้ ตรงไปยังประตูทองสัมฤทธิ์

ผู้ฝึกชี่คนอื่นเห็นลู่ฝานเดินมา ทุกคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่พวกเขาก็หลีกทางให้อย่างสุภาพ ไม่ได้ขวางลู่ฝานไว้

ดูจากจุดนี้ พวกเขาเรียนรู้ธรรมเนียมประเพณีที่ชั้นสามได้ไม่เลวเลย

มาถึงหน้าประตูทองสัมฤทธิ์ ลู่ฝานเอามือขวาวางลงบนอก คำนับเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เปิด!”

ท่าทางสง่างาม โทนเสียงราบเรียบแต่ทรงพลัง รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าดูมั่นใจและมีเสน่ห์

ผู้ฝึกชี่คนอื่นมองลู่ฝานอย่างตกตะลึง เหมือนพวกเขาไม่อยากเชื่อว่าลู่ฝานเป็นคนที่เพิ่งขึ้นมาไม่นาน

ทันใดนั้นประตูทองสัมฤทธิ์เปิดออกเสียงดัง

ลู่ฝานพยักหน้า ค่ายกลของตระกูลหั่วประหลาดจริงๆ

ใช้ธรรมเนียมประเพณีเป็นวิธีเปิดค่ายกล เรื่องแบบนี้คงไม่มีทางเห็นในประเทศอู่อาน

ก้าวเข้ามาในประตูทองสัมฤทธิ์ กลุ่มคนข้างหลังพูดขึ้นมาว่า “คนคนนี้คือผู้อาวุโสสักคนในตระกูลแน่ๆ!”

“อืม ใช่แน่ๆ ไม่มีใครขึ้นมาแล้วทำได้เลย ผู้อาวุโสในตระกูลต้องขึ้นไปตระหนักรู้ที่ชั้นเจ็ดแน่ๆ”

“ฉันคิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ทำไมเขาถึงไม่ใส่ชุดของตระกูลหั่วล่ะ”

“ผู้แข็งแกร่งไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย”

……

ลู่ฝานได้ยินเสียงพูดคุยทั้งหมด เขายิ้มไม่ได้พูดอะไร

ในประตูทองสัมฤทธิ์ ยังคงเป็นบันไดวนขึ้นไปที่ชั้นสี่

ลู่ฝานรีบเดินขึ้นไป ประตูทองสัมฤทธิ์ค่อยๆ ปิดลง

เมื่อลู่ฝานหายไป ผู้ฝึกชี่พวกนี้รีบทำท่าทางแบบลู่ฝาน คำนับทำความเคารพประตูทองสัมฤทธิ์

ท่าทางและโทนเสียงไม่ต่างกันเท่าไร แต่ไม่สามารถเปิดประตูได้

ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ทำไมทำเหมือนกันแต่เปิดประตูไม่ได้ล่ะ

แน่นอนว่าลู่ฝานไม่บอกพวกเขาหรอก จุดสำคัญของธรรมเนียมประเพณีนี้ ไม่ได้อยู่ที่ท่าทางและโทนเสียง

แต่ขึ้นอยู่กับความมั่นใจที่แผ่ออกจากตัว สามารถสร้างอิทธิพลต่อพลังฟ้าดินรอบๆ ได้หรือเปล่า

ถ้าไม่เข้าใจจุดนี้ ถึงฝึกจนตายก็เปิดประตูทองสัมฤทธิ์ตรงหน้าไม่ได้

ความเข้าใจมากน้อยขึ้นอยู่กับตรงนี้

ท่าทางกับโทนเสียงเป็นสิ่งตายตัว แต่การใช้มันยังไงคือสิ่งที่ไม่ตายตัว