“คุณอวี๋ เขา…เขาเป็นไคร?”
ชายหนุ่มคนนั้นตามมาเห็นอวี๋ชิงหย่าเอามือคล้องแขนเยี่ยเทียนพอดี แล้วอึ้งไป สีหน้าหมองลงทันที
“คุณจ้าว ฉันบอกแล้วไงว่าฉันแต่งงานแล้ว เขาเป็นสามีของฉัน!”
อวี๋ชิงหย่าไม่รู้จะทำอย่างไร เธอกลัวเยี่ยเทียนจะโกรธเกาะแขนเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ที่รัก คุณจ้าวเป็นประธานบริษัททางใต้แห่งหนึ่ง ช่วงนี้สินค้าของบริษัทเขาเข้ามาทำตลาดในปักกิ่ง เลยได้ติดต่อกับสถานีโทรทัศน์ที่ฉันทำงานอยู่….”
“พอแล้ว อธิบายอะไรกันมากมาย?”
เยี่ยเทียนยิ้ม บีบปลายจมูกอวี๋ชิงหย่าเบาๆตามความเคยชิน ตอนเด็กๆเขาไม่รู้ว่าอวี๋ชิงหย่าร้องไห้เพราะเรื่องนี้มาแล้วกี่ครั้ง
“คุณอวี๋ คุณพูดจริงหรือครับ?”
เห็นเยี่ยเทียนทำท่าทะนุถนอมอวี๋ชิงหย่าแบบนี้แล้ว คนหนุ่มคนนั้นไม่ชอบใจเอ่ยต่อว่า
“คุณอวี๋ครับ ในเอกสารของคุณเขียนว่าคุณโสด คุณไม่ได้หลอกผมใช่ไหม?”
“จ้าวจัวจวิน คุณกล้าไปดูข้อมูลส่วนตัวของฉันเหรอ?”
ได้ยินดังนั้นอวี๋ชิงหย่าชักสีหน้า ตอนแรกที่เธอแต่งงานกับเยี่ยเทียน เธอได้เข้าทำงานแล้ว ต่อมาเพราะเยี่ยเทียนมีสถานะทางสังคมที่พิเศษ เธอจึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานะสมรสในข้อมูลส่วนบุคคล
เมื่อก่อนชายคนนี้มาตามจีบเธอ แต่ไม่ได้รุกหนัก และเขาก็แสดงออกอย่างเป็นสุภาพบุรุษ เมื่ออวี๋ชิงหย่าปฏิเสธอย่างเด็ดขาดแล้วเธอก็ไม่ได้สนใจจ้าวจัวจวินอีก แต่ครั้งนี้พอได้ยินว่าฝ่ายชายไปดูข้อมูลส่วนตัวของเธอ เธอโกรธเลือดขึ้นหน้า
ชายหนุ่มยิ้มแหยๆ ตอบว่า
“คุณอวี๋ครับ ผมชอบคุณจริงๆนะครับ คุณอย่ารังเกียจผมเลย”
“จ้าวจัวจวินใช่ไหม?”
เห็นอวี๋ชิงหย่าโมโหแล้ว เยี่ยเทียนยิ้ม
“ชิงหย่าเป็นภรรยาของผม เราแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว ถ้าไม่มีธุระอื่น พวกเราขอตัวก่อน?”
เยี่ยเทียนเห็นเค้าความซื่อตรงในดวงหน้าของจ้าวจัวจวิน หว่างคิ้วสว่างไสว ไม่มีร่องรอยของความชั่วร้าย การที่เขามาตามจีบอวี๋ชิงหย่าเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ดี ชายใดต่างหมายปอง
เยี่ยเทียนไม่ได้โกรธ ช่วงนี้เขาจิตใจสงบสุข ทำให้พลังอาฆาตในตัวลดลงไปมาก ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าตามวิสัยปกติของเยี่ยเทียน คนที่มารังควานภรรยาของเขาไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือเลวต้องถูกซัดก่อนค่อยถามที่มาที่ไป
“แต่งงานมากี่ปีแล้ว?”
จ้าวจัวจวินส่ายหน้าถามอย่างไม่เชื่อ
“ผมรู้จักคุณอวี๋มาปีกว่าแล้ว ไม่เคยพบคุณมาก่อน พวกคุณไม่ได้กำลังแสดงละครอยู่ใช่ไหม?”
จ้าวจัวจวินหันไปมองอวี๋ชิงหย่าอย่างกล้าหาญ
“คุณอวี๋ หวังว่าคุณจะให้โอกาสผมอีกครั้ง!”
จ้าวจัวจวินเป็นคุณชายเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งจากทางใต้ เมื่อปีที่แล้วได้รู้จักกับเธอ ตอนที่พบเธอครั้งแรกเขาถึงกับตะลึงในความสวย แล้วเริ่มตามจีบอย่างบ้าคลั่ง อวี๋ชิงหย่าเคยบอกเขาว่าเธอเธอแต่งงานแล้ว
จ้าวจัวจวินก็ไปตรวจดูเอกสารข้อมูลส่วนตัวของเธอ ในนั้นเขียนว่าโสด เขาใช้เงินและอำนาจซื้อเพื่อนร่วมงานของเธอ แล้วก็รู้ว่าสามีของเธอไม่เคยมารับมาส่งเธอเลย จึงคิดว่าเป็นเหตุผลที่เธอกุเรื่องขึ้นมาเท่านั้น
แต่ด้วยการงาน จ้าวจัวจวินต้องไปต่างประเทศสักพัก หลายวันก่อนเขาใช้เหตุผลเรื่องงานเพื่อกลับมาหาเธอที่นี่และเริ่มตามจีบอวี๋ชิงหย่าอีกครั้ง เพียงแต่เขาไม่คิดว่า อวี๋ชิงหย่าจะอยู่กับผู้ชายอีกคนจริงๆ
เห็นว่าภรรยาสาวถูกชายอื่นมาตามตื้อ เยี่ยเทียนเริ่มรำคาญ จึงตีสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยปากว่า
“พอแล้ว เมื่อก่อนไม่รู้ไม่เป็นไร ตอนนี้ผมขอบอกไว้นะว่าอย่าวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น”
“คุณผู้ชายท่านนี้ ผมเรียกร้องความสุขเป็นสิทธิ์ของผม!”
จ้าวจัวจวินมองดูเยี่ยเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งแล้วส่ายหัว
“ความบริสุทธิ์ของคุณอวี๋ไม่ควรจะลดตัวลงมาคลุกคลีกับธุลีดิน คุณสามารถให้ความสุขแก่เธอได้มากแค่ไหน? คุณทำให้เธอไม่ต้องกังวลเรื่องการหางานหาเงินได้ไหม?”
จ้าวจัวจวินดูถูกเยี่ยเทียน เยี่ยเทียนตอนนี้ดูแต่งตัวปอนๆเกินไป
พลังที่ซ่อนไว้ กำลังภายในที่ไม่แสดงออกมาทำให้เยี่ยทียนเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ถึงจะหน้าตาดี แต่ถ้าไม่อยู่ท่ามกลางผู้คนดูไม่มีจุดเด่นใดๆ
ยิ่งกว่านั้น เขาแต่งกายด้วยชุดฝึกวิชาสีขาว ดูไม่ต่างกับคนแก่ใส่ชุดรำไท้เก็กในสวนสาธารณะ ทั้งยังไม่มีนาฬิกาข้อมือสุดหรูที่แสดงสถานะในแบบของลูกผู้ชาย รองเท้าเป็นรองเท้ากังฟูผ้าสีดำ ดูแล้วน่าเอน็จอนาจ
“คุณอวี๋ ผมอยากชวนคุณไปเล่นสกีหิมะที่สวิสฯด้วยกัน คุณพอจะมีเวลาว่างบ้างไหม?”
จ้าวจัวจวินไม่ได้เป็นคนชอบคนที่หน้าตา แต่เขาไม่รู้สึกถึงอำนาจของเยี่ยเทียนเลยสักนิด เขาคิดว่าเยี่ยเทียนเป็นเพียงข้ออ้างของอวี๋ชิงหย่าเท่านั้น
จ้าวจัวจวินหันไปโบกมือ รถโรลรอยส์สีบรอนซ์เงินมาจอดเทียบข้างๆ จ้าวจัวจวินเงียบๆ เขาเดินไปเปิดท้ายรถ นำดอกไม้ช่อใหญ่ออกมา พูดว่า
“คุณอวี๋ครับ หวังว่าคุณจะตอบตกลง โปรดวางใจ ผมจะไม่ทำอะไรหากคุณไม่ยินยอม”
“ผมว่า คุณเป็นพวกนักรักนะ แต่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่….”
เยี่ยเทียนไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับจ้าวจัวจวินดี คนที่มาตามจีบภรรยาแสนสวยของเขาไม่ได้ถึงกับทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรง ใครใช้ให้เขาหายตัวไปตั้งหนึ่งปี ไม่แปลกที่เพื่อนร่วมงานของอวี๋ชิงหย่าจะคิดว่าเธอยังโสด
จ้าวจัวจวินช่างไม่รู้อะไรเลย เขาตามจีบอวี๋ชิงหย่าแต่กลับไม่ไปสืบพื้นเพครอบครัวของเธอ ตระกูลของเธอมีกิจการสิ่งทอใหญ่โตระดับประเทศ เธอเป็นลูกสาวคนเดียวแล้วเขายังกล้าชวนเธอไปเล่นสกีที่สวิสฯอีกหรือ?
รถโรลรอยส์คันนี้ยิ่งน่าขันสำหรับเยี่ยเทียน เพราะรถยี่ห้อนี้ทุกรุ่นที่เพิ่งออกใหม่มาสำหรับให้ผู้บริหารของบริษัทใหญ่ใช้กันนั้นซ่งเวยหลันได้จองไว้ทุกคัน ถ้าเยี่ยเทียนต้องการ รถโรลรอยส์ที่จอดอยู่ที่ยุโรปก็จะมาปรากฏที่ถนนสายนี้เป็นขบวน
“คุณผู้ชายท่านนี้ ทำไมคุณถึงพูดอย่างนี้?”
จ้าวจัวจวินอยู่ต่างประเทศมาหลายปี ได้รับการสั่งสอนอบรมมาอย่างดี แม้เขาไม่ค่อยถูกชะตากับเยี่ยเทียน แต่ไม่ถึงกับพูดคำหยาบใส่เยี่ยเทียน เพียงแต่ขมวดคิ้วแน่น เขาคิดไม่ออกว่าทำไมอวี๋ชิงหย่าถึงเลือกเอาคนแบบนี้มาต่อกรกับเขา
“เยี่ยเทียน อย่าโกรธเลย”
อวี๋ชิงหย่าดึงมือเยี่ยเทียนไว้ ตอนที่กำลังจะพูดต่อกลับถูกเยี่ยเทียนขัดขึ้น
“คุณจ้าวใช่ไหม ผมขี้เกียจคุยกับคุณแล้ว ในเมื่อคุณไม่เชื่อว่าชิงหย่าเป็นภรรยาผม งั้นผมหาคนมาบอกคุณเอง!”
ระหว่างนั้นเยี่ยเทียนเดินไปทางตรอกห่างจากสถานทีโทรทัศน์ไปสามสิบเมตรแล้วโบกมือเรียกใครบางคน
“เบอร์หนึ่ง เบอร์หนึ่ง เป้าหมายกำลังเรียกพวกเรา จะเข้าไปไหม?”
เยี่ยเทียนโบกมือเรียก ชายสองคนที่ติดตามเขามาอยู่ห่างๆได้แต่อึ้งไป พวกเขาตามเยี่ยเทียนมาเกือบเดือน นอกจากบางครั้งที่เยี่ยเทียนยิ้มให้พวกเขาแล้ว ก็ไม่เคยมาหาพวกเขาเลย
“พูดอะไรอย่างนั้น เขาเรียกก็ต้องเข้าไปสิ ฉันกำลังรีบไปเดี๋ยวนี้!”
ฉางเฮ่าที่กำลังโขกหมากรุกอยู่กับตาเฒ่าในตรอกได้ยินดังนั้นก็กระตือรือร้นขึ้นมา ไม่สนใจหมากเรือกับม้าที่ถูกต้อนจนมุมแล้ว เขาลุกขึ้นวิ่งทันที
“คุณเยี่ย มีอะไรจะสั่งหรือครับ?”
ชายสองคนหลังจากคุยกันจบแล้วก็ออกจากที่ซ่อนเดินเข้าไปหาเยี่ยเทียน
เยี่ยเทียนชี้ไปที่จ้าวจัวจวิน บอกว่า
“พวกนายพาเขาไป แล้วบอกให้เขาเข้าใจว่าฉันแต่งงานแล้ว อย่ามายุ่งวุ่นวายกับชิงหย่าอีก แปลกคนจริงๆ”
“เขาเป็นเพื่อนคุณหรือครับ?”
ฟังเยี่ยเทียนจบ บอดี้การ์ดฝีมือดีทั้งสองคนตกใจมาก พวกเขาไม่กล้าติดเครื่องดักฟังใดบนตัวเยี่ยเทียน และไม่กล้าติดตามใกล้เกินไป ดังนั้นจึงคิดว่าจ้าวจัวจวินเป็นเพื่อนกับเยี่ยเทียน แต่คิดไม่ถึงว่าชายผู้โชคร้ายรายนี้มาติดพันกับภรรยาเยี่ยเทียน?
บอดี้การ์ดทั้งสองรู้สึกอยากขำแต่ไม่กล้าหัวเราะออกมา พวกเขาเคยเห็นมากับตาว่าเหล่าผู้นำประเทศมีท่าทีอย่างไรต่อเยี่ยเทียน ถ้าเยี่ยเทียนฆ่าชายคนนี้ไปเสียตอนนี้ เขาก็คงไม่มีความผิดอะไร
เยี่ยเทียนโบกมือรั้งมืออวี๋ชิงหย่าไว้แล้วตอบว่า
“ไม่ใช่เพื่อนฉัน พวกนายทำให้เขาเข้าใจก็พอแล้ว อย่ารังแกเขามากเกินไป!”
การใช้อิทธิพข่มเหงคนอื่นเป็นสิ่งที่เยี่ยเทียนไม่ชอบทำ เขาสั่งการเสร็จก็ลากอวี๋ชิงหย่าออกมา ถ้ายังรอดูอยู่ตรงหน้าสถานีโทรทัศน์จะเป็นการดึงดูดความสนใจของคนรอบข้าง เยี่ยเทียนไม่อยากถูกคนมุงดู
“นี่ พวกคุณ….”
จ้าวจัวจวินรู้สึกถึงความผิดปกติ จะเรียกให้เยี่ยเทียนอยู่ก่อน
“ผมว่า คุณไปกับพวกผมสักเที่ยวดีกว่า”
หนึ่งในบอดี้การ์ดรั้งตัวจ้าวจัวจวินไว้ เขานับถือชายคนๆนี้จริงๆที่กล้ามาหาเรื่องเยี่ยเทียน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยเทียนอารมณ์ดีอยู่ เขาถึงยังได้ยืนพูดอยู่ปาวๆ?
“พวกคุณเป็นใคร?”
เสียงของจ้าวจัวจวินยังไม่ทันขาดคำ รถโรลรอยส์ของเขาถูกเปิดออก บอดี้การ์ดทั้งสองประกบขนาบข้างซ้ายขวาดันตัวเขาเข้าไปในรถ
“พวกคุณจะทำอะไร?”
คนรับรถเป็นทหารปลดประจำการ เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ตอนที่คนขับรถกำลังจะขยับตัว ปืนสีดำมันขลับถูกจ่ออยู่ที่ขมับของคนขับรถแล้ว
“ถ้าไม่อยากตายก็อย่าขยับ แค่พาพวกคุณไปสถานที่หนึ่งก็รู้แล้ว”
ตอนนี้เองฉางเฮ่าที่รีบมาถึงถูกเรียกขึ้นไปบนรถ แล้วรถโรลรอยส์ก็ขับปะปนหายไปกับการจราจรบนท้องถนน ส่วนจ้าวจัวจวินนั้นพอได้เห็นบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่แต่ละคนแล้วก็ตื่นตกใจ ต่อมาเรื่องการสืบข้อมูลภูมิหลังของจ้าวจัวจวินนั้นต้องตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย
……-
“เยี่ยเทียน นายไม่ชอบใจเหรอ?”
ตอนที่เดินกลับบ้าน อวี๋ชิงหย่าเฝ้าสังเกตสีหน้าของเยี่ยเทียน เห็นว่าเขาขมวดคิ้วไม่คลาย จึงถามอย่างอดไม่ได้ว่า
“ฉันบอกเขาชัดเจนแล้วนะ ใครให้คนแซ่จ้าวนั่นไปดูเอกสารข้อมูลส่วนตัวของฉันเล่า”
เยี่ยเทียนส่ายหัว จับมือของอวี๋ชิงหย่าแน่นขึ้น
“ชิงหย่า ฉันไม่ได้ไม่พอใจ ฉันกำลังคิดว่า พวกเราน่าจะออกไปเที่ยวกันดีไหม?”
คำพูดของจ้าวจัวจวินนั้นทำให้เยี่ยเทียนคิดได้ นอกจากฮันนีมูนกับอวี๋ชิงหย่าที่ฮ่องกงเพียงไม่กี่วัน แล้วเขาแทบจะไม่ได้พาเธอไปเที่ยวต่างประเทศเลย
……………………………..