ตอนที่ 772 ซิงซิงชอบกินไก่

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

นั่นมันใช่ไก่ดำขนฟูเสียที่ไหนกัน! 

 

 

เมื่อครู่นี้เป็นเพราะมองย้อนแสง จึงได้ทำให้ขนปีกที่มีสีสันแพรวพราวของมันถูกบดบังไปจนหมดสิ้น 

 

 

แต่พอมันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าผู้คนทั้งหมด ทุกคนจึงได้เห็นเรือนร่างที่ชัดเจนของมัน นั่นเป็นเส้นขนสีทองอมแดงตลอดทั้งร่าง เป็นสีทองที่เปล่งประกายระยิบระยับ เส้นขนทุกเส้นเป็นประกายงดงามราวแสงอัญมณีที่แพรวพราว 

 

 

มันกระพือปีกร่อนลงมาจากบนท้องฟ้าลงตรงหน้าตู๋กูซิงหลันกับจีเฉวียน ด้วยท่วงท่าของไก่ทองที่โดดเด่นเป็นเอกเหนือใคร 

 

 

มันชูคอสูงอย่างหยิ่งทนง บนหัวยังมีหงอนที่ดูเหมือนมงกุฏสีทองอมแดง มงกุฏหงอนนี้มีเปลวเพลิงขุมหนึ่งเผาไหม้อยู่ตลอดเวลา เปลวเพลิงนั่นเป็นประกายงดงามราวแสงอัญมณีอันไร้ที่เปรียบ เปลวเพลิงนั้นเหมือนจะเกิดจากมงกุฏหงอนนั่นเอง 

 

 

ผู้คนทั้งหมดต่างก็ต้องเบิกตาโต แม้แต่เหล่าสัตว์อสูรที่ฆ่าฟันจนตาแดงก่ำก็ยังต้องหยุดลง มองดูมันอยู่หลายรอบ 

 

 

นี่คือ….เผ่านกอมตะ (เผ่าฟินิกซ์)ในยุคบรรพกาล 

 

 

หากพวกมันจดจำได้ไม่ผิดละก็ เผ่าพันธุ์นี้มิใช่ว่าสาบสูญไปตั้งนานแล้วหรอกหรือ ไม่น่าเชื่อว่ายังจะมีเชื้อสายหลงเหลืออยู่อีก? 

 

 

ดวงตาดอกท้อของตู๋กูซิงหลันมีแต่ภาพของติ๊งต๊องอยู่ในแววตา ถึงแม้ว่านางจะรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าเจ้าไก่ตัวนี้มิใช่ธรรมดา แต่ก็คิดไม่ถึงว่ามันจะเก่งฉกาจจนถึงขั้นนี้! 

 

 

“พี่สาวตัวน้อย เค้าคิดถึงท่านม๊ากมากเลย กะ กะ กะต๊าก!” 

 

 

ทันทีที่ติ๊งต๊องเห็นนาง ก็รีบหุบปีกลง กระโดดตุบตับเข้ามาหานาง ต้องการจะให้กอดรัดด้วยความรัก 

 

 

มันในวันนี้ ทั้งสูงส่งและงามสง่าอย่างที่ผู้คนไม่อาจบรรยายได้ถูก เพียงแต่ว่านิสัยเย่อหยิ่งถือดีนั้นมิได้แปรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย 

 

 

แค่ร่างกายนั้นสะบัดขนเข้าใส่ ก็เพียงพอที่จะทำให้ตู๋กูซิงหลันล้มลงได้แล้ว 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันจะได้ถอยหลังหลบไป จีเฉวียนก็โบกมือขึ้นมา เขตอาคมวงหนึ่งปรากฏขึ้น กีดกันเจ้าติ๊งต๊องเอาไว้เพียงภายนอก 

 

 

แม้จะเห็นว่าติ๊งต๊องชักสีหน้าทำท่าจะอาละวาดขึ้นมา เขาก็ยังทำสีหน้าเย็นชาและเฉยเมยใส่ ราวกับว่ากำลังเจอกับโจรที่คิดจะมาแย่งชิงภรรยาก็ไม่ปาน 

 

 

เจ้าไก่ตัวนี้ช่างมีชะตาชีวิตแข็งแแกร่งยิ่งนัก เขาเคยคิดจะจับมันมาตุ๋นทำน้ำแกงอยู่หลายครั้งก็ยังไม่สำเร็จ แถมมันยังมีฐานะสำคัญไม่ธรรมดาเสียด้วย 

 

 

“ตึง~” ติ๊งต๊องยังคงเดินหน้าเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง จะงอยปากที่แหลมคมเจาะเข้ามาในวงเวทย์อาคมของจีเฉวียนจนเป็นรูรูหนึ่ง 

 

 

ปากยาวๆนั้นแทบจะเข้ามาทักทายให้ถึงตรงหน้าของจีเฉวียน ห่างจากปลายจมูกของเขาไปเพียงไม่ถึงเมตรเท่านั้น 

 

 

มันถึงได้หยุดเท้าลง 

 

 

มองดูตู๋กูซิงหลันด้วยแววตาน่าสงสารขอความเห็นใจ “พี่สาวตัวน้อยท่านลืมแล้วหรือ….ตอนนั้นที่ท่านยังเป็นต้นฮว๋ายต้นใหญ่ต้นหนึ่ง ข้าก็ได้ทำรังอยู่บนกิ่งก้านของท่านแล้ว ทำไมผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่แสนปีเท่านั้น ก็ลืมกันแล้วหรือ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ….” 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “! ! !” 

 

 

วิญญาณทมิฬ “….” ที่แท้แล้วในโลกนี้ก็ยังมีเจ้าตัวที่น่าสงสารยิ่งกว่าตัวมันอยู่จริงๆ! 

 

 

สวรรค์ทรงโปรด แม้แต่เจ้าตัวที่เป็นไก่น้อยอัปลักษณ์อย่างติ๊งต๊องก็ยังเปลี่ยนเป็นหงส์ขาวไปแล้ว แต่ขนของมันกลับมิได้แตกต่างจากตอนก่อนตายสักเท่าไหร่? 

 

 

“ข้าจะช่วยท่านทบทวนความทรงจำสักหน่อยเอาไหม….นั่นเป็นกิ่งแขนงด้านซ้ายกิ่งที่เก้า ซึ่งอยู่ใกล้กับแกนกลางของลำต้นมากที่สุด ข้าทำรังอยู่ตรงนั้นไงล่ะ” 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “….” ผู้คนต่างกล่าวกันว่าหงสาพำนักแต่ในต้นอู่ถง[1] แต่ว่าเจ้ากลับพิเศษนักมาทำรังบนต้นฮว๋ายเนี่ยนะ! 

 

 

ติ๊ิงต๊องชักจงอยปากกลับไปด้วยความละอายใจ พลางใช้ปีกของมันปิดปากหัวเราะเบาๆ “อ้ายโย่ว ก็ตอนนั้นสิ่งที่งดงามที่สุดในใต้หล้ายังมิใช่ท่านอีกหรือ! ต้นอู่ถงไหนเลยจะมาเทียบกับพี่สาวตัวน้อยได้กัน!” 

 

 

เอาเถอะ แค่ฟังดูก็รู้แล้วว่าเจ้าหว่านเสน่ห์เก่งที่สุด! 

 

 

ขณะที่พวกนางกำลังทบทวนความทรงจำเก่าๆกันอยู่ ตี้เสียก็ยังคงมีโทสะมิได้เสื่อมคลาย พอติ๊งต๊องปรากฏตัว เขาก็ถูกตู๋กูซิงหลันลืมเลือนไปอย่างสนิทใจ แล้วจะให้มิยิ่งโกรธแค้นกว่าเดิมได้อย่างไร 

 

 

เพลิงสีดำในร่างของเขาพวยพุ่งออกมาราวกับแจกจ่ายอย่างให้เปล่า 

 

 

แต่ว่าเจ้าติ๊งต๊องกลับเป็นเหมือนดั่งกำแพง ที่กีดกันเพลิงสีดำของเขาเอาไว้แต่เพียงภายนอก 

 

 

ตี้เสียหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาคำหนึ่ง “ในหกภพภูมินี้ ไม่มีทางที่จะมีเพลิงใดที่สามารถต้านทานเปลวเพลิงจากหัวใจของเราไปได้อย่าง….” 

 

 

คำที่เหลือนั้นยังไม่ทันได้กล่าวออกมา 

 

 

พระองค์ก็ทรงพบว่าตนเองแทบจะระเบิดแล้ว 

 

 

เปลวเพลิงสีดำของพระองค์ กลับถูกเปลวเพลิงสีทองของเจ้าติ๊งต๊องกลืนกินลงไปจนหมดสิ้นในชั่วพริบตา! 

 

 

ทั้งยังกลืนกินลงไปอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดอีกด้วย! 

 

 

ทำเอาแม้ว่าตี้เสียจะพยายามรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ แต่ว่านัยตาของพระองค์ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเบิกโพลงขึ้นมา 

 

 

“ไอ้โง่ เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่รู้หรือไง ก็เฮียได้รับการปกป้องดูแล ทนุถนอมอยู่ในมือของพี่สาวตัวน้อยมาตั้งหลายหมื่นปี ร่างสีทองนี้ได้รับพลังของต้นฮว๋ายจากพี่สาวมาเนิ่นนานแล้ว ไอ้เพลิงสีดำของเจ้า ยังไม่อยู่ในสายตาเฮียหรอกนะ!” 

 

 

ที่มันบอกว่าได้รับการ ‘ปกป้องดูแลอยู่ในมือ’ ย่อมหมายถึงว่าตอนที่จู่ฮว๋ายยังเป็นต้นฮว๋ายต้นหนึ่งอยู่นั้น มันก็ได้ทำรังอยู่บนร่างของนางแล้ว 

 

 

พอติ๊ิงต๊องอธิบายเช่นนี้ ตี้เสียก็เข้าใจได้ในทันที 

 

 

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง 

 

 

จู่ฮว๋ายมีกำเนิดจากธาตุหยิน ดังนั้นเจ้านกตัวนี้จึงได้ชักนำพลังหยินของนางมาไว้ในเปลวเพลิงของมัน 

 

 

ดังนั้นแม้ว่าเปลวเพลิงสีดำของเขาจะชั่วร้ายและรุนแรงเพียงไร ก็ยังไม่สามารถลบล้างเปลวเพลิงของเจ้านกนั่นได้ นกอมตะ….จะว่าไปแล้ว ยังเป็นสัตว์ที่มีธาตุหยางพิสุทธิ์ยิ่งกว่าจิตแห่งเปลวเพลิงของพระองค์เสียด้วยซ้ำ เพราะว่ามันคือสิ่งมีชีวิตธาตุหยางที่เทพบิดรเหลือไว้ในโลกหล้า 

 

 

เพียงแต่ว่านับตั้งแต่ยุคบรรพกาลมา นกอมตะก็มีชีวิตอยู่แต่ในตำนานเท่านั้น ทำไมอยู่ๆถึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาได้อีก? 

 

 

“นั่นก็เป็นเพราะข้าที่เป็นปู่ของเจ้ากำลังอยู่ในช่วงแห่งการจำศีลเพื่อเกิดใหม่อีกครั้ง เข้าใจหรือไม่?” ติ๊งต๊องเหมือนจะอ่านใจพระองค์ออกอย่างทะลุปรุโปรง จึงมีน้ำใจอธิบายให้พระองค์ฟัง 

 

 

มันได้พึ่งพาอาศัยจู่ฮว๋ายสร้างบ้านสร้างรังมาตลอด ต่อมาภายหลังจู่ฮว๋ายเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ ตัวมันที่พึ่งจะมีร่างในระยะขั้นต้นได้ไม่ทันเท่าไหร่ก็ต้องสูญเสียรากฐานไปด้วย ตลอดหลายแสนปีมานี้จึงได้แต่เข้าสู่การจำศีล เริ่มต้นจากการเป็นไข่อีกครั้ง 

 

 

ทุกครั้งที่จำศีลเพื่อเกิดใหม่ มันจะสูญเสียความทรงจำไป จนกระทั่งเมื่อมันกลายเป็นนกอมตะที่สมบูรณ์แล้วจึงจะสามารถจดจำเรื่องราวที่ผ่านมาได้อย่างครบถ้วน 

 

 

และในชาตินี้ ช่างบังเอิญเหลือเกิน ยามที่มันยังเป็นเพียงไข่ใบหนึ่งก็ถูกท่านยายของตู๋กูซิงหลันเก็บได้ แม้แต่ยามที่เจียงเย่วตายไปแล้ว มันก็ยังถูกนำเข้าไปฝังอยู่ในสุสานด้วย มันคิดจะตอบแทนนางด้วยการเฝ้าสุสานให้เรื่อยไป 

 

 

แต่ว่าโชคชะตาเหมือนจะได้กำหนดหนทางเอาไว้แล้ว มันจึงได้พบกับพี่สาวตัวน้อยอย่างบังเอิญอีกครั้ง 

 

 

เห็นไหม ก็คนเขาเป็นญาติถูกพันต่อกัน 

 

 

ติ๊งต๊องคิดเช่นนี้มาโดยตลอด 

 

 

พอติ๊งต๊องเล่าออกมา ตู๋กูซิงหลันก็พอจะคิดทบทวนขึ้นมาได้อย่างลางๆ ก่อนหน้านี้บนร่างของนางเคยมีนกตัวหนึ่งมาทำรังอยู่จริงๆ บนรังนกนั่นมีไข่อยู่ใบหนึ่ง ตลอดหลายหมื่นปีไม่เคยฝักออกมาเลย 

 

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่ถูกฮว๋ายยู่ฟื้นฟูความทรงจำขึ้นมา ความสนใจทั้งหมดของนางก็พุ่งไปอยู่ที่เรื่องของซีเหอ  จึงได้ลืมไปเลยว่าเคยมีไข่ใบนั้นอยู่ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูติ๊งต๊องที่ช่วยสกัดขวางเปลวเพลิงสีดำของตี้เสียตรงหน้าเอาไว้ ก็ต้องรู้สึกเจ็บปวดละอายใจขึ้นมา 

 

 

ดูเหมือนว่านางมักจะหลงลืมและทอดทิ้งมันไปอยู่หลายต่อหลายครั้ง 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงข้าก็สามารถตามหาพี่สาวจนเจอ!” ติ๊งต๊องหัวเราะะออกมาทางจงอยปาก ดวงตากลมโตของมันส่องประกาย “ไม่ว่าท่านจะไปอยู่ที่ใดก็ตาม!” 

 

 

หัวใจของตู๋กูซิงหลันพลันอบอุ่นขึ้นมา อีกทั้งอยู่ๆก็ยังรู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูกอีกด้วย 

 

 

จนกระทั่งจีเฉวียนที่อยู่ข้างกายเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาประโยคหนึ่ง “ซิงซิงชอบกินไก่” 

 

 

ติ๊งต๊อง “?” 

 

 

จีเฉวียน “ตุ๋นน้ำแดง นึ่ง ต้มสุข ซิงซิงก็ล้วนชอบกินทั้งนั้น” 

 

 

 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “? ? ?” นางเองก็ชอบกินขาหมูนะ ขอบใจ 

 

 

ติ๊งต๊อง “แต่เฮียเป็นนกอมตะนะ!” 

 

 

จีเฉวียน “นกอมตะก็เป็นไก่อยู่ดี คุณภาพเนื้อยิ่งดีขึ้นไปใหญ่” 

 

 

ติ๊งต๊อง “++!” 

 

 

ตี้เสีย “พวกเจ้าอย่าได้ให้มันมากจนเกินไปนัก! กลับกล้าละเลยเราไปทั้งๆที่อยู่ตรงหน้าเราแท้ๆ สมควรตายไปให้หมด!” 

 

 

…………………….. 

 

 

 [1] 凤栖梧桐: อู่ถงเป็นต้นไม้ในตระกูลเมเปิ้ลของจีน มีความสง่า สูงส่ง งามทั้งดอก ใบและรูปทรงของลำต้น แสดงถึงความสูงส่งที่คู่ควรกัน