ดังนั้นในบรรดาคนรุ่นเยาว์สิบคนของอุตรกุรุทวีปรุ่นนี้ อันดับแรกและอันดับสองสวีเสวี่ยน ลูกรักแห่งสวรรค์สองคนที่นิสัยแตกต่างกัน แต่ต่างก็ให้ความสนใจฉีจิ่งหลงเป็นพิเศษ ส่วนเจ็ดคนด้านหลังฉีจิ่งหลง กลับมีเพียงความทรงจำที่ธรรมดาต่อพวกเขา โดยเฉพาะสวีเสวี่ยนลูกศิษย์เพียงคนเดียวของป๋ายฉางเซียนกระบี่ใหญ่อันดับหนึ่งแห่งทิศเหนือที่เคยป่าวประกาศออกมาว่า เจ็ดคนด้านหลังฉีจิ่งหลงล้วนเป็นแค่พวกเศษสวะ และเรื่องนี้ก็เคยก่อให้เกิดคลื่นมรสุมลูกใหญ่มาก่อน เล่าลือกันว่าหวงซีผู้ฝึกตนอิสระที่อยู่ในอันดับที่สี่ยังเคยลอบโจมตีสวีเซวี่ยนด้วย เพียงแต่ว่าขั้นตอนและผลลัพธ์ล้วนถูกเก็บไว้เป็นความลับ เพียงแค่สวีเซวี่ยนก็ยังไม่ตั้งใจมานะฝึกตน ยังคงชอบปลอมตัวเป็นบัณฑิตผู้อ่อนแอที่พาสาวใช้ถือกระบี่สองคนออกเดินทางท่องเที่ยวตามภูเขาสายน้ำต่อไปเรื่อยๆ ส่วนหวงซีกลับเงียบหลายไปนานหลายปี
เฉินผิงอันถาม “ผู้อาวุโสอู่ จวนไช่เฉวี่ยมีชุดคลุมอาคมที่เหลืออยู่ให้พอซื้อหาได้หรือไม่?”
อู่ชวินยิ้มกล่าว “แน่นอนว่าต้องมี แต่ราคาไม่ถูก ชุดคลุมอาคมที่หอเทียนอีแห่งนี้เปิดให้คนนอกเข้ามาชมขั้นตอนการทอครึ่งทางเป็นแค่ชุดคลุมอาคมชั้นปลายแถวของจวนไช่เฉวี่ยที่เหมาะสมให้ผู้ฝึกตนขอบเขตถ้ำสถิตสวมใส่ไว้บนร่างมากที่สุด หากนอกเหนือจากนี้ขึ้นไป จวนไช่เฉวี่ยของพวกเรายังมีชุดคลุมอาคมอีกสองชนิดที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี แบ่งออกเป็นชุดคลุมที่นำไว้มอบให้กับผู้ฝึกตนขอบเขตชมมหาสมุทรและประตูมังกร รวมไปถึงผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตโอสถทองและก่อกำเนิด”
การที่อู่ชวินปรากฎกายด้วยตัวเอง ก็แค่อยากจะรู้ว่าสหายของหลิวจิ่งหลงต้องเป็นเทพเซียนจากฝ่ายใดกันแน่ หากสามารถผูกมิตรได้ก็ยิ่งเป็นการปักบุปผาลงบนผ้าแพร และยิ่งเป็นการสร้างคุณความชอบที่ไม่เล็กให้แก่จวนไช่เฉวี่ย
การฝึกตนบนภูเขา ทุกคนล้วนมีอายุขัยยืนยาว ดังนั้นเรื่องของบุญคุณความแค้นจึงพิถีพิถันให้เป็นน้ำเส้นเล็กไหลยาวมากที่สุด
ควันธูปหนึ่งก้านที่สำเร็จผลในวันนี้ ไม่แน่ว่าอาจกลายเป็นโชควาสนาใหญ่ในวันหน้า
แน่นอนว่ายังมีคำพูดการกระทำบางอย่างที่ไม่ตั้งใจในช่วงต้นที่ก็อาจจะกลายเป็นหายนะล่มตระกูลในอนาคต
แต่ไหนแต่ไรมาอุตรกุรุทวีปก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด
ดังนั้นสำหรับการรับมือกับคนที่เป็นฝ่ายเปิดปากถามถึงเรื่องชุดคลุมอาคม จึงทำให้อู่ชวินรู้สึกโล่งใจได้หลายส่วน
การคบค้าสมาคมกับผู้ฝึกตน สิ่งที่จวนไช่เฉวี่ยเชี่ยวชาญมากที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นการทำการค้า
หากว่าเจ้าจวนและหลิวจิ่งหลงไม่เคยรู้จักกันมาก่อนในอดีต ต่อให้หลิวจิ่งหลงมาถึงท่าเรือดอกท้อ แต่จะยังพูดคุยเรื่องอะไรกันได้อีก? หรือว่าจะคุยเรื่องหลักการเหตุผล ประลองเวทกระบี่?
ครั้งนี้เป็นเพราะว่ามีหลิวจิ่งหลงเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์ อู่ชวินถึงได้ยินดีลงจากภูเขา ไม่อย่างนั้นผู้ฝึกตนต่างถิ่นคนนี้เข้ามาในท่าเรือ ต่อให้เขาจะสวมชุดคลุมอาคมล้ำค่าหายากที่ผู้ฝึกตนหญิงจวนไช่เฉวี่ยพอจะมองออกถึงระดับขั้นของมันได้คร่าวๆ อู่ชวินก็คงยังเลือกที่จะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น เพราะมีเรื่องเพิ่มมากขึ้นหนึ่งเรื่อง ไม่สู้มีเรื่องน้อยลงหนึ่งเรื่อง
เฉินผิงอันถาม “ขอถามผู้อาวุโสอู่ ทั้งสองชนิดนั้นมีราคาเท่าไรบ้าง?”
อู่ชวินไม่ได้ให้คำตอบโดยตรง เพียงยิ้มเอ่ยเชื้อเชิญว่า “เฉินเซียนซือจะถือสาหรือไม่หากจะคุยไปด้วยเดินไปด้วย? ท่าเรือดอกท้อของพวกเรามีร้านน้ำชาอยู่ร้านหนึ่งที่ใช้น้ำในลำธารดอกท้อมาต้มชา ใบชาก็เอามาจากต้นชาที่ปลูกเฉพาะภูเขาด้านหลังจวนไช่เฉวี่ย ต้นชาเก่าแก่มีแค่สิบสองต้นเท่านั้น จะให้ไช่เฉวี่ยสัตว์ปีกล้ำค่าชนิดหนึ่งที่ทางภูเขาเลี้ยงไว้เป็นผู้เด็ดยอดชามาตอนก่อนเทศกาลชิงหมิงและช่วงก่อนฝนตก จากนั้นก็ให้ผู้ฝึกตนใช้วิชาลับทำให้เป็นก้อนชา ชานี้เคยถูกนักประพันธ์ใหญ่ท่านหนึ่งนำไปเขียนไว้ในตำรารวมกวี โดยขนานนามให้ว่า ‘กำแพงดำน้อย’ ยามที่ใช้น้ำเดือดต้มชาจะมีลูกคลื่นซัดขึ้นซัดลง มีภาพมหัศจรรย์ประดุจการโคจรของดวงดาว ร้านน้ำชาแห่งนี้ไม่เปิดขายให้แก่คนนอก พวกเราสามารถไปคุยกันอย่างละเอียดที่นั่นได้”
แน่นอนว่าเฉินผิงอันเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ต้องเป็นแขกที่ตามใจเจ้าบ้าน
หากก้อนชากำแพงดำน้อยนี้สามารถขายร่วมกับชุดคลุมอาคมได้ก็ยิ่งดี
เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เฉินผิงอันก็ยังต้องเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วสารทิศ เปิดร้านผ้าห่อบุญของตัวเอง สิ่งของที่มีน้อยมักจะล้ำค่า ขอแค่เป็นสิ่งของที่ข้าได้ครอบครองเพียงลำพัง ราคาก็ย่อมต้องสูงขึ้นตามไปด้วย
การค้าที่มั่นคงซึ่งมีความหวังว่าจะได้กำไรเช่นนี้ เฉินผิงอันไม่เคยปฏิเสธ ก็เหมือนกับปีนั้นที่ซื้อภาพเทพหญิงฉบับเติมเต็มครบชุดมาจากนครปี้ฮว่า เขาตอแยผังหลันซีเด็กหนุ่มของร้านอยู่นานเป็นครึ่งๆ วันก็เพราะหวังให้ต่อราคาได้สำเร็จ ขาดอีกแค่นิดเดียวเฉินผิงอันก็เกือบจะไปช่วยเป็นลูกจ้างในร้านอยู่แล้ว
มาถึงร้านน้ำชาห่างไกลที่มีลูกค้าบางตา อู่ชวินกับเฉินผิงอันก็เดินตรงไปยังศาลาริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง มีผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งเผยตัวมารับทำหน้าที่ชงชา หลังจากอู่ชวินแนะนำตัวนาง เฉินผิงอันถึงได้รู้ว่านางเป็นถึงเถ้าแก่ของร้านน้ำชาแห่งนี้
อู่ชวินบอกว่าคลังของจวนไช่เฉวี่ยมีชุดคลุมอาคมระดับเยี่ยมสองชิ้น ระดับกลางสิบหกชิ้น ราคาแตกต่างกันไป ฝ่ายแรกราคาสิบห้าเหรียญเงินฝนธัญพืช ฝ่ายหลังแค่ห้าเหรียญเท่านั้น
เฉินผิงอันพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ชุดคลุมอาคมนั้นต้องซื้อ แต่ไม่ใช่ตอนนี้
ไม่ใช่ว่าขัดสนจนไม่สามารถซื้อชุดคลุมอาคมชั้นเยี่ยมชิ้นหนึ่งของจวนไช่เฉวี่ยได้ การเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ของเฉินผิงอันมีเงินเข้ากระเป๋าตลอดเวลา อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ลำพังเพียงแค่ร้านผีฝูบนถนนเหล่าไหวของสวนน้ำค้างวสันต์ที่ทุกพื้นที่ล้วนเป็นเงินเป็นทอง รวมไปถึงหน้าผาอวี้อิ๋งที่กึ่งซื้อกึ่งหลอกเอามาจากหลิ่วจื้อชิง ล้วนเป็นทรัพย์สมบัติที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินเทพเซียนก้อนใหญ่ได้ นอกจากนี้วัตถุล้ำค่าที่อยู่บนร่างของเฉินผิงอันก็ยังมีอีกบางส่วน
แต่การเดินทางเลียบลำน้ำหลังจากนี้ ขุนเขาสายน้ำยาวไหล ชุดคลุมอาคมไม่ใช่วัตถุที่สำคัญสำหรับเฉินผิงอันมาตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องรีบร้อน
เฉินผิงอันเองก็ไม่ได้เขินอายอะไรมากนัก เขาถามอู่ชวินไปตามตรงว่าจวนไช่เฉวี่ยจะช่วยจองชุดคลุมอาคมสองชิ้นไว้ให้เขาได้หรือไม่ ในช่วงเวลาสองสามปีนี้ ไม่ว่าเขาจะซื้อหรือไม่ซื้อก็จะต้องให้คำตอบที่แน่ชัดแก่จวนไช่เฉวี่ยแน่นอน
อันที่จริงอู่ชวินก็กลัวจริงๆ ว่าจะเจอเข้ากับเศรษฐีใหญ่ที่มาเหมาซื้อชุดคลุมอาคมทั้งหมดที่เก็บไว้ในคลังของจวนไช่เฉวี่ยไปรวดเดียว ถึงเวลานั้นทุกชิ้นที่ขายออกไปก็เท่ากับว่าขาดทุนไปส่วนหนึ่ง
เพราะถึงอย่างไรชุดคลุมอาคมของจวนไช่เฉวี่ยก็ไม่เคยต้องกลัดกลุ้มกับเรื่องช่องทางของการหาเงิน
ต่อให้จะได้สะสมความสัมพันธ์ควันธูปกับแขกผู้ทรงเกียรติหนุ่มแซ่เฉินผู้นี้ จวนไช่เฉวี่ยก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ดี
ทว่าเมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้อารมณ์ของอู่ชวินผ่อนคลายขึ้นอีกหลายส่วน ก็แค่ช่วยจองไว้ให้เขาสองชิ้นเท่านั้น ไม่ว่าการซื้อขายนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็ถือว่าอีกฝ่ายติดค้างน้ำใจของจวนไช่เฉวี่ยแล้ว
ดังนั้นอู่ชวินที่เวลาปกติไม่ค่อยชอบพูดคุยจึงพูดมากขึ้นกว่าเดิม
นี่ทำให้ผู้ฝึกตนหญิงเถ้าแก่ร้านน้ำชาที่มาช่วยชงชาให้รู้สึกตกตะลึงระคนประลหาดใจ แล้วก็ยิ่งมองคนหนุ่มสะพายกระบี่ที่สีหน้าเป็นมิตรผู้นั้นสูงขึ้นอีกหนึ่งส่วน
ถึงอย่างไรอู่ชวินก็เป็นบรรพจารย์ผู้คุมกฎท่านหนึ่งของภูเขา โดยทั่วไปแล้วจะไม่เคยสอดมือเข้ายุ่งกับเรื่องกิจการของแคว้นไช่เฉวี่ยด้วยตัวเองมาก่อน
เฉินผิงอันเป็นคนที่มีความอดทนเป็นเลิศ ขอแค่อู่ชวินเปิดปากพูด เขาก็จะไม่ก้มหน้าดื่มชา มีเพียงช่วงที่อู่ชวินเว้นจังหวะหยุดพูดเท่านั้น เขาถึงจะยกถ้วยขึ้นดื่มชาๆ ยามที่ผู้ฝึกตนหญิงที่เป็นเถ้าแก่ส่งชามาให้ก็จะต้องเอ่ยขอบคุณหนึ่งคำ
สีหน้าและคำพูดสามารถเสแสร้งแกล้งทำได้
ทว่าสายตากลับยากที่จะหลอกลวงคน
เถ้าแก่ผู้ฝึกตนหญิงยิ่งมั่นใจว่าคนผู้นี้คือเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่มีชาติกำเนิดมาจากตระกูลชนชั้นสูงบนยอดเขาแห่งหนึ่ง เหมือนกับหยางหนิงซิ่งแห่งตำหนักนภากาศที่ได้รับคำชื่นชมดีเยี่ยมผู้นั้น
ในช่วงเวลาระหว่างนี้ แน่นอนว่าอู่ชวินย่อมอดไม่ได้ที่จะป่าวประกาศถึงความเลิศล้ำดีงามในการสร้างชุดคลุมอาคมของจวนไช่เฉวี่ยตัวเอง
การสร้างอาวุธหนักบนภูเขาของอุตรกุรุทวีป วัตถุที่ถือว่าอยู่ในอันดับหนึ่งได้อย่างสมศักดิ์ศรีได้แก่ เสื้อเกราะหลิงเป่าที่ศาลซานหลางสร้างขึ้น กระบี่บินเลียนแบบวัตถุแห่งชะตาชีวิตของเซียนกระบี่ใหญ่ท่านต่างๆ ที่ภูเขาชังกระบี่สร้างขึ้น จีวรสามสีได้แก่สีชาด สีม่วงและสีเขียวมรกตของวัดแสงธรรม รวมไปถึงชุดเสื้อคลุมขนนกที่ตำหนักนภากาศหน่วยฉงเสวียนของราชวงศ์ต้าหยวนเป็นผู้สร้าง นอกจากนี้ยังมีภูเขาอีกสี่แห่ง ต่างฝ่ายต่างมีวัตถุมหัศจรรย์เป็นของตัวเอง หนึ่งในนั้นคือชุดคลุมอาคมของตรอกเหล่าจวินที่ปริมาณการขายเป็นอันดับหนึ่งของทวีป เพียงแต่ว่าชุดคลุมอาคมของตรอกเหล่าจวินแทบจะถูกสำนักฉงหลินซื้อขาดไปทั้งหมด ราคามีแต่สูงไม่มีต่ำ แล้วก็ยังขึ้นราคาไปอีกเรื่อยๆ แต่ชุดคลุมอิ๋งหรานที่ตรอกเหล่าจวินจะสร้างขึ้นได้หนึ่งชิ้นทุกๆ หกสิบปี กลับยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนทุกคนนอกเหนือจากเซียนกระบี่ของอุตรกุรุทวีป
นอกจากนี้แล้วตรอกเหล่าจวินยังได้ทำ ‘เกราะต้าเยว่’ ให้กับจักรพรรดิในราชวงศ์โลกมนุษย์โดยเฉพาะอีกด้วย ราคาแพงอย่างถึงที่สุด ทว่าก็หรูหรางดงามเป็นเอก
เป็นเสื้อเกราะที่ถูกผู้ฝึกตนบนภูเขาเรียกอย่างเยาะหยันว่า ‘เสื้อคลุมปักบุปผา’ ที่สวยแต่รูปจูบไม่หอม แต่กระนั้นจักพรรดิในโลกมนุษย์ก็ยังคงนิยมอย่างถึงที่สุด
ต่อมาก็คือชุดคลุมอาคมของจวนไช่เฉวี่ยสำนักของอู่ชวิน
เฉินผิงอันพอจะเข้าใจได้คร่าวๆ แล้ว
สิ่งที่จวนไช่เฉวี่ยแพ้ให้กับตรอกเหล่าจวินก็คือคาถาลับชั้นยอดวิชาหนึ่งที่สามารถนำมาสร้างชุดคลุมอิ๋งหรานซึ่งเหมือนห้าขอบเขตบนได้ นี่คือโชควาสที่ได้แต่ปรารถนา มิอาจได้มาครอบครอง นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องจำนวนของผู้ฝึกตนในจวนไช่เฉวี่ย และต้นกำเนิดวัตถุวิเศษตามฟ้าดินทั้งหลาย อันที่จริงสองอย่างหลังนี้สามารถช่วงชิงมาได้ ยกตัวอย่างเช่นไปร่วมมือกับสำนักฉงหลินที่มีกิจการใหญ่ที่สุดในอุตรกุรุทวีป จวนไช่เฉวี่ยแค่ต้องเก็บวิชาลับที่สำคัญเอาไว้ ส่วนสำนักฉงหลินก็ช่วยเสนอวัตถุดิบและเงินทอง แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ง่ายที่จวนไช่เฉวี่ยจะถูกสำนักฉงหลินกุมไว้ในกำมือ หากไม่ระวังให้ดี หลายร้อยปีให้หลังก็อาจกลายไปเป็นสำนักใต้อาณัติของพวกเขาเอาได้
และชื่อเสียงของสำนักฉงหลินในอุตรกุรุทวีปนั้นก็ไม่ถือว่าดีสักเท่าไร
เกี่ยวกับสำนักฉงหลินที่มีเงินทองไหลมาเทมาแห่งนี้ ผู้ฝึกตนบนภูเขาของแต่ละฝ่ายเคยแต่ง ‘กลอนคู่’ จำนวนนับไม่ถ้วนมอบให้กับบรรพจารย์สำนักฉงหลินที่อาศัยเงินเทพเซียนจนกลายมาเป็นขอบเขตหยกดิบได้ผู้นั้น
นอกจากประโยคที่แพร่สะพัดเป็นวงกว้างที่สุดที่บอกว่า สำนักฉงหลินสองแขนเสื้อมีลมเย็น หมอนปักบุปผาห้าขอบเขตบน แล้ว
อันที่จริงยังมีกลอนที่ระคายหูยิ่งกว่านี้
สำนักฉงหลินของดีราคาถูก ขอบเขตหยกดิบใต้หล้าไร้ศัตรู
สำนักฉงหลินไม่รังแกเด็กสตรีและคนชรา ขอบเขตหยกดิบบดขยี้เซียนกระบี่
สำนักฉงหลินไม่เคยหลอกลวงใคร ห้าขอบเขตบนมีความสามารถจริงแท้แน่นอน
ดื่มชาอยู่ในศาลา ลมเย็นพัดโชยมาเป็นระลอก ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันอย่างถูกคอ
เฉินผิงอันคิดว่าจะหยุดพักที่นี่ รอให้ถึงเวลาที่เรือข้ามฟากซึ่งจะเดินทางไปยังถ้ำสวรรค์วังมังกรแห่งนั้นออกเดินทาง จึงบอกกล่าวแก่อู่ชวิน อู่ชวินยิ้มเอ่ยว่าเชิญตามสบาย และยังสั่งความให้เถ้าแก่ผู้ฝึกตนหญิงรับรองแขกให้ดีๆ
หลังจากที่อู่ชวินจากไปแล้ว เฉินผิงอันก็เอ่ยขออภัยอีกหนึ่งครั้ง บอกว่ารบกวนแล้ว ผู้ฝึกตนหญิงของร้านน้ำชารู้สึกตกใจที่ได้รับความเมตตาอย่างไม่คาดฝัน จึงเอ่ยประโยคแสดงความเกรงใจว่าเซียนกระบี่มาดื่มน้ำชาที่นี่ ถือเป็นเกียรติของทางร้าน
พอเข้าสู่ช่วงกลางคืน
เฉินผิงอันก็นั่งอยู่ในศาลาริมน้ำเพียงลำพัง เขาหลับตาทำสมาธิ
ท้องฟ้ายามราตรีไร้ฝุ่นธุลี แสงจันทร์ดุจแสงสีเงินยวง
กลางดึกผู้คนเงียบสงัด แสงจันทร์ในต่างถิ่น ง่ายที่จะทำให้ความคิดซึ่งซ่อนลึกอยู่ในใจของคนผุดขึ้นมา
ทุกคนที่ข้าคิดถึง อยู่ห่างไปไกลแสนไกล
แม่นางหนิงเป็นเช่นนี้ หลิวเสี้ยนหยางก็เป็นเช่นนี้ ส่วนเจ้าเด็กขี้มูกยืดแห่งตรอกหนีผิงผู้นั้น คาดว่าก็ยิ่งต้องเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
—-