บทที่ 2169 ไม่ได้มาดี
เยี่ยหวันหวั่นและไห่ถังจดจ่ออยู่กับการวิเคราะห์ลายมือที่รวบรวมมาอยู่ครึ่งวัน แต่น่าเสียดายที่มองเส้นสนกลในอะไรไม่ออกเลย
ฟ้ามืดลงแล้ว ไห่ถังทำได้เพียงส่งเยี่ยหวันหวั่นกลับไปที่เขตบีก่อน เพื่อวางแผนกันในระยะยาว
เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องขัง ก็เจอซือเซี่ยที่เพิ่งแบกจอบกลับมาพอดี
เยี่ยหวันหวั่นมองซือเซี่ยที่หน้าตามอมแมมเปื้อนฝุ่น นึกย้อนกลับไปในปีนั้นที่เขาได้รับการขนานว่าเป็นเทพบุตรของโรงเรียนมัธยมปลายชิงเหอที่มีสาวน้อยมากมายมาคลั่งไคล้ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทอดถอนใจกับเรื่องราวในอดีต
ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว…
เมื่อซือเซี่ยเห็นเยี่ยหวันหวั่นมีท่าทางแบบนี้ ก็รู้ว่าโรคประสาทของเธอกำเริบแล้ว จึงเช็ดฝุ่นบนใบหน้าออก และเอ่ยด้วยน้ำเสียงฟึดฟัด “อยู่ในสถานที่แบบนี้ยังจะมาสนใจเรื่องผิวพรรณอยู่อีก เธอนี่ว่างซะจริงนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นมุ่นคิ้วนิดๆ “แล้วยังไง ต่อให้เป็นแท่นประหาร ขอแค่เพชฌฆาตหน้าตาดีสักหน่อย ฉันก็ได้ตายแบบเจริญหูเจริญตาแล้ว!”
ซือเซี่ยเถียงไม่ออกแล้ว…
ไห่ถังที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าหมดคำพูดเช่นกัน…
ทั้งสามคนเดินตามกันเข้าไปภายในห้องขังอันกว้างขวาง
ซือเซี่ยอยู่ที่นี่ค่อนข้างนานแล้ว ประกอบกับเขาสร้างผลงานชิ้นใหญ่ ค้นพบคลังทรัพยากร เพิ่งเข้ามาก็มีขาใหญ่โบกมือให้เขาอย่างอบอุ่นคึกคักแล้ว ”ไอ๊หยา ซือชุนกลับมาแล้ว! วันนี้ได้ของดีกลับมาไหม”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินเสียงเรียกนี้ ก็แทบสำลักน้ำลายตัวเองแล้ว “ซือ…ซือชุนเหรอ”
พอซือเซี่ยได้ยินสองคำนี้ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเกินจะทนไหวแล้ว “ฉันบอกว่าชื่อซือเซี่ยไง! ซือเซี่ย! นายเป็นอัลไซเมอร์รึไงฉันบอกตั้งหลายรอบแล้ว!”
ทางด้านขาใหญ่รายนั้นที่เล่นไพ่กับคนที่อยู่ตรงกันข้ามพลางหัวเราะฮ่าๆ “ไอ้หยา ชุนเซี่ยก็อยู่ใกล้ๆ กันนี่นา ไม่ต่างกันมากหรอก…”
ใกล้กันตรงไหน
เมื่อซือเซี่ยมีท่าทางคับข้องใจ เยี่ยหวันหวั่นก็แอบขำอยู่คนเดียว ทันใดนั้นมีขาใหญ่ที่ดูคุ้นตาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเธอ
คนที่เข้ามาถักเปียเล็กๆ เส้นหนึ่งไว้ที่ท้ายทอย ปลายคางไว้เคราอย่างมีเอกลักษณ์ เยี่ยหวันหวั่นจำได้ว่านี่คือจ้าวเกาประมุขของพรรคสี่สมุทร
“ฮ่าๆ ผู้นำไป๋ ไม่ได้พบกันเสียนาน!” จ้าวเกาเอ่ยทักทาย
เยี่ยหวันหวั่นส่งยิ้มกลับไปแบบนิ่งๆ “ไม่พบกันเสียนานจริงๆ ประมุขจ้าวสบายดีไหม”
“ฮ่าๆ สบายดี! ผู้นำไป๋ ขอรบกวนสักครู่เถอะ พี่ใหญ่เหอให้มาเชิญ!” จ้าวเกาแสดงท่าทางเชื้อเชิญ
เยี่ยหวันหวั่นมองตามสายตาของจ้าวเก้าไปตามสัญชาตญาณ มองเห็นเพียงว่าภายในห้องขังมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังที่คุณภาพดีเยี่ยมและมีอยู่เพียงตัวเดียว
ชายคนนั้นอายุประมาณสี่สิบเศษๆ สองตาขุ่นมัว แฝงความอึมครึมที่ทำให้คนอึดอัดมากๆ เอาไว้ โดยเฉพาะตอนที่สายตาจับจ้องมาที่เยี่ยหวันหวั่น ราวกับถูกอสรพิษตัวหนึ่งจ้องมองอยู่
เยี่ยหวันหวั่นพยายามนึกย้อนความทรงจำดูเล็กน้อย คนๆ นี้คือ…เหอเปียวลูกพี่ใหญ่ของกลุ่มคลื่นสงบ
กลุ่มคลื่นสงบนี้เมื่อเทียบกับกลุ่มอำนาจที่มีชื่อเสียงกลุ่มอื่นๆ แล้ว ในแง่ของพลังในภาพรวม ไม่ได้มีข้อได้เปรียบมากเท่าไรเลยจริงๆ เพียงแต่ เหอเปียวคนนี้กลับมีทีมนักฆ่าชั้นยอดที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วรัฐอิสระอยู่ในสังกัด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ามาหาเรื่อง
ทีมนักฆ่านี้ส่งต่อกันมาในกลุ่มคลื่นสงบจากรุ่นสู่รุ่น ถึงขนาดที่ว่าหนึ่งในบรรดารองผู้นำของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ก็เคยสิ้นชีพลงด้วยน้ำมือของนักฆ่าทีมนี้
เยี่ยหวันหวั่นมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว นับว่าสงบราบรื่นดี แต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้อีกฝ่ายจะมาหาตัวเองก่อน
เมื่อเห็นว่าเหอเปียวอยากคุยกับเยี่ยหวันหวั่น ภายในห้องขังก็เงียบลงทันที ทุกคนต่างก็แอบมองไปทางคนทั้งสอง
“อู๋โยว ระวังหน่อยนะ เหอเปียวคนนี้ ไม่ได้มาดีแน่ๆ!”
เยี่ยหวันหวั่นส่งสายตาให้ไห่ถังสงบเอาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ เดินไปหาเหอเปียว “ไม่ทราบว่าลูกพี่มีเรื่องอะไรจะชี้แนะรึเปล่า”
———————————————————————–
บทที่ 2170 ไม่เคยแพ้มาก่อน
เหอเปียวนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างทะนงองอาจ มองสำรวจเรือนร่างของเยี่ยหวันหวั่นด้วยสายตาจาบจ้วง “ได้ยินมาว่าสองสามวันมานี้ผู้นำไป๋มีความสุขดีนี่”
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มแล้วตอบไปว่า “ก็พอไหว!”
เหอเปียวถามต่อว่า “แบบนั้นน่าเบื่อออกนะ มาเล่นกับฉันหน่อยไหม”
เยี่ยหวันหวั่นยังคงตอบกลับอย่างสงบนิ่ง “พี่ใหญ่เหออยากเล่นอะไรล่ะ”
เหอเปียวเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “เล่นอะไรก็ได้ ผู้นำไป๋กำหนดมาได้เลย”
“เดิมพันล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นถามอีก
เหอเปียวหัวเราะ “ฮ่าๆ เดิมพันน่ะง่ายมาก ถ้าผู้นำไป๋แพ้ ฉันจะไม่สร้างความลำบากใจให้ผู้นำหรอก บนเกาะนี้มันเหงา เธอมาอยู่เป็นเพื่อนฉันสักสองสามคืนก็พอแล้ว!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเหอเปียว ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นก็หรี่ลงแล้ว
“ไอ้เวรเอ้ย…” ซือเซี่ยที่อยู่ด้านข้างสบถออกมา ไห่ถังก็หน้าเปลี่ยนสีแล้วเหมือนกัน
ขาใหญ่ทั้งหมดของรัฐอิสระถูกจับมาไว้ที่นี่ และในหมู่ขาใหญ่ก็มีผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ ผู้หญิงนั้นน้อยสุดๆ ต่อให้มี ก็เป็นระดับเดียวกับไห่ถัง ล้วนแต่หาเรื่องไม่ได้ จึงไม่มีใครกล้าหมายตา
เยี่ยหวันหวั่นมีฐานะเป็นผู้นำของพันธมิตรอู๋เว่ย คนพวกนั้นย่อมไม่กล้าคิดไม่ซื่อง่ายๆ แน่
แต่ว่า ในเกาะอันโดดเดี่ยวแบบนี้ ถูกคุมขังเอาไว้นานขนาดนี้ ไม่มีความหวังจะรอดออกไปเลยสักนิด ด้านที่เลวร้ายที่สุดของมนุษย์ย่อมถูกกระตุ้นออกมาในไม่ช้าก็เร็ว
นับประสาอะไรกับเยี่ยหวันหวั่นที่เติบโตมามีใบหน้าชักนำเภทภัยแบบนี้
พอได้ยินคำพูดของเหอเปียว ทุกคนที่มุงล้อมอยู่รอบข้างก็แตกตื่นทันที
“เวรแล้ว! เหอเปียวคนนี้ เหี้ยมมาก! แม้แต่ไป๋เฟิงก็หมายตาได้!”
“แต่ก็ไม่นับว่าแปลกหรอก ผู้หญิงพอโตเป็นสาวก็เปลี่ยนไป ยิ่งตอนนี้ไป๋เฟิงดันมีหน้าตาแบบนั้นอีก…จุ๊ๆๆ”
“ฮ่าๆๆ พวกเราเดาสิว่าไป๋เฟิงจะรับคำท้าไหม”
“ฉันดูทรงแล้ว ต่อให้เป็นไป๋เฟิง แต่จะดีร้ายยังไงก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง การเดิมพันแบบนี้ น่ากลัวว่าคงไม่รับหรอก”
….
ไห่ถังถลึงตามองเหอเปียวด้วยความโกรธแค้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบลากเยี่ยหวันหวั่นไปด้านข้าง แล้วเอ่ยเสียงเบา “อู๋โยว อย่าเดิมพันกับเขานะ! เหอเปียวคนนี้ เจ้าเล่ห์ขี้โกง เธอเล่นกับเขาไม่ได้หรอก!”
เหอเปียวคนนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็รู้จักอยู่บ้าง เกมปกติที่คนทั่วไปเล่นกัน สำหรับเขาแล้วเป็นของเด็กๆ ดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นเล่นไม่ชนะเขาแน่นอน
นัยน์ตาของเยี่ยหวันหวั่นกลอกไปมาเล็กน้อย มองไปทางเหอเปียวแล้วเอ่ยว่า “พี่ใหญ่เหอ ก่อนหน้านี้คุณบอกว่า เดิมพันอะไรก็แล้วแต่ฉันเลยใช่ไหม”
เหอเปียวเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แวบหนึ่ง “ใช่แล้ว เดิมพันอะไรก็แล้วแต่เธอเลย แต่ว่า เดิมพันนี้จะต้องยุติธรรมเท่าเทียมนะ”
เยี่ยหวันหวั่นลอบยิ้มหยันกับตัวเอง เป็นไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์จริงๆ
“ได้ ฉันจะเดิมพันกับคุณ” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
พอเยี่ยหวันหวั่นพูดจบ ก็แทบจะแตกตื่นกันไปหมด
“อู๋โยว เธอบ้าไปแล้วเหรอ!” ไห่ถังอุทานออกมา
ซือเซี่ยก็คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะตอบตกลง “เวรเอ้ย! ยัยบ้า เธอรับคำท้าเขาทำไม! เธอรู้ไหมว่าไอ้หมอนี่มันเป็นใคร เขามาอยู่ที่นี่มานานแล้ว ยังไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง!”
เหอเปียวมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและสนใจ จากนั้นก็ปรบมือแล้วเอ่ยว่า “ร้อยเสียงเล่าอ้างไม่สู้ได้พบพาน ผู้นำไป๋ช่างกล้าหาญจริงๆ!”
เยี่ยหวันหวั่นมองไห่ถังและซือเซี่ยแวบหนึ่ง “พวกเธอสองคนอย่างแตกตื่นกันขนาดนี้สิ ไม่แน่ฉันอาจจะชนะก็ได้”
ซือเซี่ยโมโหแล้ว “ชนะกับตูดสิ บอกเธอไปแล้วใช่ไหมว่าคนๆ นี้เจ้าเล่ห์ขี้โกง เธอไม่ได้รู้จักเหอเปียวคนนี้ดีรึไง”
เยี่ยหวันหวั่นตบๆ บ่าซือเซี่ย “ใจเย็นๆ น่า ถึงแพ้ก็ไม่ใช่ว่าต้องไปนอนกับเขานี่! ยิ่งไปกว่านั้นคือ…บังเอิญจริงๆ ฉันก็ไม่เคยแพ้เลยเหมือนกัน!”
ซือเซี่ยอึ้งไปแล้ว “เธอ…”
ดวงตาของเหอเปียวส่องประกาย “งั้น เริ่มตอนนี้เลยไหม”
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ช้าก่อน ถ้าฉันแพ้ ฉันต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณสองสามคืน แล้วถ้าฉันชนะล่ะ”
ดูเหมือนเหอเปียวจะไม่ได้คิดเอาไว้เลยว่าเยี่ยหวันหวั่นจะชนะได้ พอได้ยินก็ชะงักไปแวบหนึ่ง จากนั้นก็ถามว่า “เธอต้องการอะไรล่ะ”
สายตาของเยี่ยหวันหวั่นเคลื่อนไปที่ช่วงเอวของเหอเปียวแวบหนึ่ง จากนั้นก็ตอบว่า “ถ้าฉันชนะ ฉันอยากได้…ตราพยัคฆ์ขาวของคุณ”
—————————————————————————————