บทที่ 2171 ไม่ว่ายังไงก็ขายหน้าแล้ว
ตราพยัคฆ์ขาวก็คือตราคำสั่งที่กลุ่มคลื่นสงบใช้บัญชาการนักฆ่าทีมเล็กๆ นั้น นักฆ่ากลุ่มนั้นขึ้นตรงต่อตราคำสั่งไม่ใช่ตัวบุคคล ดังนั้นขอเพียงได้ครอบครองตราคำสั่งชิ้นนี้ ก็จะสามารถบัญชาการนักฆ่าทีมนั้นได้แล้ว
เมื่อเหอเปียวได้ยินสีหน้าก็ครึ้มลงทันที “นังหนู เธอพูดจาโอหังเหลือเกิน!”
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะฮ่าๆ แล้วตอบไปว่า “พี่ใหญ่เหอ บนเกาะที่โดดเดี่ยวแห่งนี้ พวกเราออกไปไม่ได้ คนนอกก็เข้ามาไม่ได้ แถมยังไม่รู้เลยว่าจะพวกเราจะถูกฆ่าวันไหน ของพวกนี้ความจริงก็เป็นของนอกกายทั้งนั้น คุณเก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ให้ฉันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่!”
คำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่นก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยพลางกะพริบตาปริบๆ “ทำไมล่ะ พี่ใหญ่เหอหรือว่า…คุณไม่กล้า”
เหอเปียวหัวเราะหยันทีหนึ่ง “ผู้นำไป๋ไม่จำเป็นต้องใช้วิธียั่วยุหรอก ฉันตกลง ถ้าเธอชนะ ฉันจะยกตราพยัคฆ์ขาวให้เธอ แต่ว่า เธอมีความสามารถไหมล่ะ”
เหอเปียวกล่าวพลางปลดตราคำสั่งที่เอวออกมา โยนลงบนโต๊ะที่อยู่ด้านข้างเสียงดังตุบ จากนั้นก็กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วพูดว่า “ถ้างั้น เริ่มกันตอนนี้เลยเถอะ ทุกท่านในที่นี้ก็นับว่าเป็นพยานให้พวกเราแล้วกัน”
เหอเปียวคนนี้ กลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ จึงลากบรรดาขาใหญ่มาเป็นพยาน
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “ได้ ให้ฉันคิดก่อนว่าจะเล่นอะไรดี!”
ไห่ถังที่อยู่ด้านข้างเห็นเยี่ยหวันหวั่นตอบตกลงอย่างรวดเร็ว จึงเอ่ยด้วยความร้อนใจ “เธอตอบตกลงไปทำไม ตอนนี้จะทำยังไงดี เธอคิดจะแข่งอะไร ต่อให้เป็นระดับวรยุทธ์ เธอก็สู้เขาไม่ไหวหรอกนะ!”
ซือเซี่ยเอ่ยด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “เกมไพ่ไฮโลกระจอกพวกนั้นเธอก็อย่าได้คิดเลย!”
เยี่ยหวันหวั่นส่งเสียงฮึ “ฉันไม่มีทางเดิมพันด้วยของเด็กเล่นพวกนั้นหรอกย่ะ!”
ทุกคนที่อยู่ด้านข้างมองไปที่เยี่ยหวันหวั่นด้วยความสนอกสนใจ อยากรู้ว่าเธอเตรียมจะเล่นพนันยังไงกันแน่
ในมุมมองของพวกเขา ว่ากันตามหลักแล้ว เยี่ยหวันหวั่นไม่อาจสู้เหอเปียวได้เลย
บ่อนพนันในรัฐอิสระกว่าครึ่งหนึ่งล้วนเป็นกิจการของกลุ่มคลื่นสงบ เขาคือเจ้าแห่งการพนัน เด็กสาวอายุยี่สิบกว่าๆ แบบเยี่ยหวันหวั่น จะสู้เขาได้ยังไง
“ผู้นำไป๋ คิดได้รึยัง” เหอเปียวจงใจแสร้งถาม สายตาที่มองเธอราวกับมองเหยื่อที่เป็นของตัวเองแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นใคร่ครวญดูเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “โอเค ฉันคิดออกแล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นเดินกลับไปกลับมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยุดลงทันที จ้องมองเหอเปียว หยักมุมปากขึ้นนิดๆ แล้วเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว “ฉันจะพนันว่า…พี่ใหญ่เหอ...คุณไม่กล้ากินขี้!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น ทั้งห้องขังก็แทบจะกลายเป็นป่าช้าไปแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มตาหยีแล้วพูดต่อว่า “ถ้าหากพี่ใหญ่เหอเป็นอย่างที่ฉันพูด ไม่กล้ากินขี้จริงๆ แบบนั้นฉันก็จะชนะแล้ว แน่นอนว่าถ้าหากพี่ใหญ่เหอกล้ากินขี้ แบบนั้นฉันก็จะแพ้แล้ว! เป็นยังไง ยุติธรรมใช่ไหมล่ะ”
ไห่ถังอ้าปากค้าง…
ซือเซี่ยตาโตแล้ว…
เหอเปียวมีสีหน้าทึ่มทื่อ..
จ้าวเกาก็พูดไม่ออกเลย…
บรรดาขาใหญ่ที่รุมล้อมอยู่ต่างก็ตะลึงงัน…
“เธอ…” เหอเปียวลุกพรวดขึ้นมา ตบโต๊ะที่อยู่ด้านข้างอย่างเต็มแรง “ไป๋เฟิง! เธอกล้ามาหลอกฉัน!”
เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ แล้วเอ่ยตอบไปว่า “พี่ใหญ่เหอ คุณพูดเองนะ กติกาก็เป็นคุณที่ตั้งขึ้น ฉันทำตามกติกาที่คุณตั้งขึ้นแล้ว จะเป็นการแหย่คุณได้ยังไงล่ะ ขอแค่คุณกินขี้ได้ก็จะชนะฉันแล้ว ยุติธรรมจะตาย!”
เยี่ยหวันหวั่นกวาดสายตามองไปรอบๆ “มีลูกพี่มากมายขนาดนี้เป็นพยาน คุณคงไม่คิดที่จะ…เบี้ยวใช่ไหม ทุกคนให้ความยุติธรรมกับฉันทีเถอะ! พี่ใหญ่เหอเป็นผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงขนาดนี้แล้ว แต่พนันกับฉันแล้วกลับเปลี่ยนใจทีหลัง!”
ทุกคนพูดไม่ออกแล้ว…
ให้พวกเขามอบความยุติธรรมกับตูดน่ะสิ! เธอหน้าไม่อายได้ขนาดนี้เลยเหรอ
ทว่า กลับไม่มีวิธีโต้แย้งเธอได้เลย…
แม้แต่ไห่ถังกับซือเซี่ยก็ตะลึงตาค้างไปแล้ว ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ถึงเลยว่า เธอจะคิดลูกไม้แบบนี้ออกมาได้
เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้าพลางทอดถอนใจ แล้วเอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า “เฮ้อ นึกว่าฉันจะได้ใช้หน้าตาหากินแล้วแท้ๆ แต่ไม่ว่ายังไง…ก็ขายหน้าแล้ว…”
ซือเซี่ยกับไห่ถังพูดไม่ออกเลยจริงๆ…
———————————————————————-
บทที่ 2172 ไร้ยางอายถึงขนาดนี้
เวลานี้ เหอเปียวจ้องมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าอึมครึม เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่า ผู้หญิงคนนี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้
เดิมที คำว่าพนันของเหอเปียว คือการเล่นพนันแบบทั่วไปอย่างโป๊กเกอร์ไพ่นกกระจอกเทศ ดังนั้นถึงได้บอกเยี่ยหวันหวั่นว่าให้เยี่ยหวันหวั่นเลือกได้ตามใจเลย แต่ไม่คิดเลยว่า จะเป็นการปล่อยให้เยี่ยหวันหวั่นอาศัยช่องโหว่ได้
เล่นตามกติกาตามคำพูด…แต่เหอเปียวกลับกลายเป็นฝ่ายที่ตกเป็นรองเสียแล้ว
“ว่ายังไงล่ะ พี่ใหญ่เหอ สรุปแล้วคุณจะกินหรือไม่กิน”
สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเคร่งขรึม จ้องมองเหอเปียว พลางยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยถาม
เยี่ยหวันหวั่นมั่นใจว่าเหอเปียวไม่กล้าชนะแน่นอน
ไม่ต้องพูดถึงหรอกว่าเหอเปียวจะกินหรือไม่กิน ถ้าเหอเปียวกินขี้ต่อหน้าผู้คนจริงๆ แบบนั้นถ้าวันหน้าได้กลับไปที่รัฐอิสระ เหอเปียวก็ยืนตัวตรงไม่ได้แล้ว ส่วนกลุ่มอำนาจของเหอเปียว เชื่อว่าหลังจากนั้นก็คงแตกแยกยุบตัวไปเช่นกัน เชื่อว่าคงไม่มีสมาชิกของกลุ่มอำนาจไหนที่อยากจะติดตามลูกพี่ที่ยอมกินขี้เพียงเพื่อให้ได้นอนกับผู้หญิงคนหนึ่งแน่
แม้ว่าเหอเปียวจะไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะหนีออกจากเกาะแห่งนี้ไปได้ จึงเตรียมใจจะอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิตแล้ว แต่ถ้ากินขี้ต่อหน้าคนอื่น ถึงต่อไปต้องอยู่ที่เกาะแห่งนี้ ก็เกรงว่าคงอยู่ยากแล้วเช่นกัน
“พี่ใหญ่เหอ คุณพูดมาสิ”
เมื่อเห็นเหอเปียวเงียบงันไม่พูดจา เยี่ยหวันหวั่นจึงยิ้มหยันแล้วเอ่ยเร่งเร้า
“ผู้นำไป๋…ได้เลย เธอช่างคิดได้จริงๆ เธอชนะแล้ว” เหอเปียวมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างเยียบเย็น
“พี่ใหญ่เหอ คำพูดนี้ของคุณจะเป็นไปได้ยังไง ฉันจะชนะหรือไม่ชนะ นั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณหรอกเหรอ ถ้าคุณกินจริงๆ แบบนั้นฉันก็ทำได้แค่ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยสีหน้ายังไงก็ได้ทั้งนั้น
พอได้ยินคำพูดนี้ของเหอเปียว ทุกคนก็มีสีหน้าตื่นตะลึง
ขาใหญ่ส่วนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเหอเปียว แต่ละคนต่างก็มองหน้ากันเหลอหลา นี่เหอเปียว…คงไม่คิดจะเอาชนะจริงๆ ใช่ไหม…
แม้ว่าถ้าเหอเปียวอยากเอาชนะก็ง่ายมากจริงๆ แต่…ถ้าชนะแบบนี้ขึ้นมาจริงๆ เหอเปียวไม่ใช่แค่จะไม่ได้รับความรุ่งโรจน์เท่านั้น จะกลายเป็นจุดด่างพร้อยขนาดใหญ่ที่ไม่อาจลบล้างออกไปได้ในชีวิตภายภาคหน้าของเขา
เพียงเพราะต้องการให้ผู้หญิงคนหนึ่งมาอยู่กับเขาสักคืน ถึงกับยอมกินขี้…
อย่าว่าแต่ขาใหญ่ของรัฐอิสระแบบเหอเปียวเลย ต่อให้เป็นคนทั่วไป ก็ไม่มีทางยอมทำเรื่องแบบนี้ได้หรอก
“เหอเปียว ฉันว่าแกอย่าคิดเอาชนะเลย ถ้าแกกินจริงๆ วันหน้าก็อย่าพูดว่ารู้จักผู้เฒ่าอย่างฉันเลย ผู้เฒ่าอย่างฉันไม่มีเพื่อนที่น่าขายขี้หน้าแบบนี้”
ขาใหญ่คนหนึ่งเหลือบมองเหอเปียวแวบหนึ่ง
“ลูกพี่โจวพูดถูก เหอเปียว ฉันว่าแกยกตราพยัคฆ์ขาวให้ผู้นำไป๋ไปเถอะ ถึงยังไงพวกเราก็ออกไปไม่ได้อยู่แล้ว เธอได้ตราพยัคฆ์ขาวของแกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เรื่องนี้แกต้องคิดให้ดีนะ”
เวลานี้ เหอเปียวกวาดสายตามองหลายๆ คนแวบหนึ่ง “ตราพยัคฆ์ขาวไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ฉันไม่เคยแพ้”
ขาใหญ่อีกหลายคนยังไม่ทันได้เปิดปาก เยี่ยหวันหวั่นก็จ้องเหอเปียวแล้วหัวเราะเสียงเย็น “พี่ใหญ่เหอ...ก่อนหน้านี้เหมือนฉันก็เคยบอกไปแล้วนะ ว่าฉันไม่เคยแพ้มาก่อน”
“เธอ…มั่นใจถึงขนาดนั้นเลยจริงๆ น่ะเหรอ” เหอเปียวจ้องเยี่ยหวันหวั่น ด้วยใบหน้ามืดครึ้มจนราวกับจะหลั่งฝนออกมาได้
พอได้ยินประโยคนี้ของเหอเปียว เยี่ยหวันหวั่นก็เชิดมุมปากขึ้นนิดๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น “พูดแบบนี้ พี่ใหญ่เหอเตรียมใจจะเอาชนะแล้วสินะ งั้นจะรออะไรอีกล่ะ เร็วเข้าเถอะ”
จากนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็กวาดสายตามองผู้คนรอบข้างแวบหนึ่ง “ถ้างั้น ลูกพี่คนไหนสะดวกมอบของสดใหม่ให้ใหญ่พี่เหอกินบ้าง”
“เธอ!”
เหอเปียวโกรธขึ้นมาแล้ว
เหอเปียวไม่เข้าใจเลย ผู้หญิงคนนี้ไร้ยางอายถึงขนาดนี้ได้ยังไงกัน
—————————————————————————-