บทที่ 65 การแทรกซึม (2)
ในป่าอ้างว้าง
สถานที่แห่งนี้เคยเป็นป่าอันสวยงาม แต่ 5 ปีก่อนคำสาปลึกลับก็มาถึงที่นี่และเปลี่ยนมันให้เป็นพื้นที่อันตรายเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตใดจะอาศัยอยู่ได้ แต่สำหรับลั่วปินและกองโจรปีศาจของตนแล้ว สถานที่นี้เป็นที่กบดานที่ปลอดภัยที่สุดโดยแท้จริง …ป่าอันหอมหวานไปด้วยนมและน้ำผึ้ง!
ในตอนนี้ โจรปีศาจหลายร้อยตนกำลังเต้นรำและดื่มกินรอบกองไฟลุกโชนที่ตั้งอยู่ถัดจากลำธารสายน้อยในป่าอ้างว้าง
พวกมันไม่ได้สวมใส่หน้ากากปีศาจเหมือนปกติที่มักจะใช้เพื่อปกปิดตัวตน อันที่จริง พวกมันกำลังเฉลิมฉลองไม่ต่างไปจากมนุษย์ทั่วไป
ลั่วปินนั่งอยู่ข้างก้อนหินขนาดใหญ่ ถือแก้วหุ้มหนังสัตว์ที่คอยเติมอยู่เรื่อย ๆ มันดื่มมากเกินไปหน่อย สายตาของมันจึงพร่ามัว แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ยอมปล่อยให้แก้วสุราหลุดออกจากมือไปได้
“ปาเอ่อร์ปั๋ว ไปนำหญิงนางนั้นมาให้ข้า” ลั่วปินตะโกนขึ้นมาอย่างคึกคักในทันใด
โจรชราผู้มีหนวดเครารุงรังตอบ “ท่านหัวหน้า เจ้านายเราบอกว่าเราไม่อาจทำเรื่องพวกนั้นได้น่ะ”
“ไอ้นี่!” ลั่วปินทุบหินที่ตนนั่งทับอยู่ “มีคนของเราอยู่ที่นี่ตั้งเยอะแยะ ถ้าเราไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องผู้หญิงแล้วเราจะใช้ชีวิตไปทำไม? ให้พวกเราใช้รูของเจ้าแทนหรือไง?”
กลุ่มโจรข้างหลังมันเริ่มหัวเราะอย่างหื่นกระหาย
ลั่วปินโบกแก้วหุ้มหนังสัตว์ในมือไปมาอย่างบ้างคลั่งและคำรามลั่น “รีบไปเอาตัวนางมาให้ข้า!”
โจรชราหนวดเคราเฟิ้มไม่มีทางเลือกนอกจากปฏิบัติตามคำสั่ง
ในเวลาไม่นาน หญิงสาวคนหนึ่งก็ถูกพามาเบื้องหน้าลั่วปิน
นางดูจะอายุราว ๆ 15 ปี ชุดของนางทั้งยาวและสง่างาม เห็นได้ชัดว่านางเป็นลูกหลานของชนชั้นสูง แม้ว่านางจะเป็นนักโทษ ท่าทีเย่อหยิ่งของนางก็ไม่ได้จางหายไปแม้แต่น้อย “ปล่อยข้า ไอ้ขยะต่ำช้า! อย่าเอามือสกปรกของพวกเจ้ามาแตะต้องตัวข้านะ”
“ไม่มีปัญหา” ลั่วปินกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะเป็นกันเอง “ข้าจะไม่ใช้มือของข้าจับตัวเจ้า แต่ข้าจะให้พรรคพวกของข้าทำแทน”
เหล่าโจรชั่วล้วนหัวเราะกันอย่างฮึกเหิม
“เจ้า!” นิสัยของหญิงสาวผู้นี้รุนแรงจนน่าตกใจ แล้วนางก็ถุยน้ำลายใส่ลั่วปิน
ลั่วปินกระโดดลงมาจากก้อนหิน คว้าร่างของหญิงสาวไว้ และเดินเข้าไปในป่าลึก “ข้าชอบนิสัยเจ้า……”
นางทั้งทุบทั้งตีอย่างร้ายกาจ แต่นั่นก็มีแต่จะปลุกเร้าอารมณ์ของลั่วปินมากขึ้นเท่านั้น “ใช่แล้ว ที่รัก อย่างนั้นแหละ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่หมดแรงก่อนนะ”
“ข้าหวังว่าในอีกไม่กี่อึดใจเจ้าจะตื่นเต้นเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ด้วย” เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นข้างหลังมัน
ลั่วปินตัวแข็งทื่อทันที
มันกลับหลังหันไปและพบกับชายสวมชุดสีดำที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก
ทั้งร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะระบุรูปร่างหรือกระทั่งน้ำเสียงที่แท้จริงของเขาได้ ทั้งร่างกายนั้นเต็มไปด้วยปริศนา
ทั้งกองโจรหยุดทุกสิ่งที่กำลังทำอยู่อย่างพร้อมเพรียงกัน
ลั่วปินยักไหล่และโยนหญิงสาวไปข้างทางอย่างเกียจคร้าน “นี่ เจ้านาย มาทำอะไรที่นี่?”
“มีบางสิ่งที่ข้าอยากจะมอบให้เจ้า แต่ข้าไม่คิดว่าจะได้เห็นการต้อนรับที่น่าตื่นตาตื่นใจขนาดนี้” ร่างสีดำมืดตอบ “ข้าจำได้ว่าเคยห้ามไม่ให้เจ้าทำอะไรแบบนี้ ถ้าเจ้าอยากขึ้นเตียงกับผู้หญิง เจ้าก็ต้องไปที่หอนางโลมของเมือง”
ลั่วปินแบมือแสดงความหมดหนทาง “ข้าเกลียดการเข้าไปในเมืองจะแย่ และแม่นางคนนี้ก็งามหยดยิ่งนัก ท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ? ท่านไม่ได้เห็นอะไรคุณภาพสูงแบบนี้ในหอนางโลมของเมืองหรอกนะ”
เงามืดนั้นเงียบสนิท
ลั่วปินกล่าวอย่างสิ้นหวัง “ก็ได้ เจ้านาย นี่คือความผิดของข้าเอง ในเมื่อท่านอยู่ที่นี่ ข้าก็จะมอบนางให้แก่ท่าน ท่านว่ายังไงล่ะ?”
ร่างดำทะมึนนั้นตอบกลับไปอย่างใจเย็น “นั่นคำตอบของเจ้าหรือ? เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนะ ลั่วปิน”
ความอับอายขายหน้าของลั่วปินค่อย ๆ กลับกลายเป็นความโกรธเคือง “นี่ อย่ามาขู่ข้า เจ้าเป็นเจ้านายแล้วยังไง? ข้าคือหัวหน้าของกองโจรนี้! ข้ายินดีรับฟังเจ้าก็เพราะเจ้าช่วยพวกเราเท่านั้น แต่ถ้าเจ้ายังพูดจาพร่ำเพรื่อต่อไปแบบนี้ ก็อย่ามาโทษข้าที่……”
“อย่าโทษเจ้าที่อะไร? ที่ฆ่าข้าหรือ?” ร่างดำมืดตอบโต้อย่างประชดประชัน
ลั่วปินคำรามเสียงหัวเราะลั่นพร้อมสวนกลับไป “เจ้าอาจจะเป็นเจ้านาย แต่อย่าลืมว่าพี่น้องทั้งหลายเหล่าล้วนนี้เชื่อฟังข้า”
ร่างสีดำมองไปยังกองโจรข้างหลังพวกตน “พวกเจ้าทุกคนก็คิดเช่นนั้นหรือ?”
โจรทั้งหลายต่างปิดปากเงียบ
ความขัดแย้งภายในนั้นเป็นเรื่องทั่วไปในหมู่โจร กองโจรส่วนมากล้วนเป็นนักสู้ และการเลือกเส้นทางอาชีพเหล่านี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติการฉกฉวยโอกาสของพวกมัน
พวกมันรู้ดีว่าร่างสีดำนั้นแข็งแกร่งอย่างแน่นอนหากสามารถมาเป็นเจ้านายของพวกตนได้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าสิ่งนั้นทรงพลังถึงเพียงไร การท้าทายร่างสีดำของลั่วปินเป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบในการระบุความแข็งแกร่งของเจ้านายและดูว่าอีกฝ่ายมีอำนาจในการออกคำสั่งพวกมันจริงหรือไม่
พวกมันไม่ได้เพียงแค่ตามคนที่มีเงินมากที่สุดเท่านั้น
ร่างดำมืดดูจะเข้าใจว่าเหล่าโจรคิดอะไรและหัวเราะเบา ๆ “เจ้าอยากรู้ว่าข้าแข็งแกร่งขนาดไหนหรือ? ข้าเกรงว่าพวกเจ้าทุกคนจะต้องผิดหวังล่ะ ลั่วปิน ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าแน่ใจไหมว่าต้องการจะท้าทายข้า?”
“ข้าก็อยากจะลองเหมือนกัน” ลั่วปินตอบด้วยแววตาแข็งกระด้าง
ขณะที่พูด มันก็ดึงมีดที่เหน็บอยู่บนเข็มขัดออกมา
ในฐานะนักรบระดับ 3 ลั่วปินมีสิทธิ์ที่จะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง
ร่างสีดำพยักหน้า “ยอดเลย เจ้าพึ่งจะละทิ้งโอกาสสุดท้ายในการมีชีวิตไปเสียแล้ว”
ลั่วปินเงื้อมีดขึ้นสูง “เอาเถอะไอ้หนุ่ม ถึงเจ้าจะพยายามเก็บซ่อนพลังไว้ ข้าก็บอกได้อยู่ดีว่ามันน่าสมเพช เจ้าเป็นแค่นักรบระดับ 1 เท่านั้น”
“งั้นเจ้าก็ยังดูออกสินะ” ร่างดำทะมึนกระเดาะลิ้นและพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะพูดต่อไป “ข้าว่าก็คงไม่น่าแปลกใจที่เจ้าจะสังเกตเห็นแม้ว่าความแข็งแกร่งของข้าจะยังถูกซ่อนไว้ เจ้าคงรู้มาตั้งนานแล้ว ซึ่งก็คือเหตุผลที่เจ้ากล้าเมินเฉยต่อคำสั่งของข้าในคืนนี้ แต่ลั่วปิน เจ้าดูเหมือนจะลืมไปว่าใครกันที่อนุญาตให้เจ้ามีชีวิตรอดอยู่ได้ในป่านี้โดยไร้กังวล”
“แน่นอนว่าข้าไม่ลืม นั่นแหละเหตุผลที่ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เมื่อข้าเอาชนะเจ้าได้แล้ว ข้าจะเก็บเจ้าไว้ข้างกายเพื่อให้เจ้าผลิตยาที่ทำให้หลีกเลี่ยงผลของคำสาปได้ให้แก่พวกเรา” ลั่วปินตอบด้วยเสียงหัวเราะชั่วร้าย
“ดีมาก ในเมื่อเจ้าพูดมาขนาดนี้แล้ว ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าเมื่อข้าทำได้ก็แล้วกัน” ร่างดำมืดกล่าวพร้อมถอนหายใจ
ไม่จำเป็นต้องพูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป
ลั่วปินกระโดดขึ้นไปในอากาศขณะที่มันฟาดฟันมีดอย่างอุกอาจ
แรงเหวี่ยงเบื้องหลังการฟันนั้นหนักหน่วงจนน่าเหลือเชื่อ หนำซ้ำมันยังเปี่ยมไปด้วยพละกำลังของนักรบระดับ 3 อีกด้วย รูปแบบของมันยืดหยุ่น ทำให้สามารถปรับใช้ได้กับทุกการป้องกันที่ต้องเผชิญ ที่จริงแล้ว มันแข็งแกร่งพอกระทั่งจะต้านทานการโจมตีสวนกลับของนักรบระดับ 4 ได้ด้วยซ้ำ
โชคไม่ดีนักที่มันคำนวณผิดพลาดไปครั้งใหญ่
ร่างสีดำมืดโบกมือเบา ๆ
ลั่วปินรู้สึกได้ถึงอาการคันอย่างรุนแรงที่ลามไปทั่วทั้งร่างกาย รุนแรง จนมันหยุดนิ่งไปทันทีด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ระเบิดความเจ็บปวดนี้ดูจะเกิดขึ้นพร้อมกันทุกแห่ง ทำให้ทั้งร่างกายของมันรู้สึกเหมือนตกอยู่ใต้การควบคุมของการทรมานนี้
“อ๊าก!!!!” ลั่วปินเริ่มโอดครวญอย่างบ้าคลั่ง จนต้องโยนมีดทิ้งและเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้น
ตอนนี้ดูราวกับว่าบางสิ่งกำลังกัดกินมันจากข้างใน ใบหน้า แขน และหน้าอก ทุกองคาพยพล้วนเน่าเปื่อยลงทุกชั่วขณะ เผยให้เห็นกระดูกสีขาวซีดข้างใน
“เป็นไปได้ยังไงกัน?” ทั้งกองโจรขวัญหนีดีฝ่อทันทีที่เห็นภาพนั้น
“มันคือคำสาป! มันคือคำสาป!”
โจรบางส่วนแผดเสียงร้องออกมาเมื่อเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
พวกมันนึกขึ้นได้ทันทีว่าสิ่งที่ลั่วปินต้องสูญเสียชีวิตให้คือสิ่งเดียวกันกับที่คำสาปทำต่อผู้คนที่ไร้การป้องกัน
แต่ไม่ใช่ว่ายาที่พวกมันดื่มเข้าไปจะปกป้องพวกมันจากผลของคำสาปหรือ?
หรือจะเป็น…
โจรทุกคนกลับหลังหันไปมองยังร่างสีดำอีกครั้ง
ร่างนั้นตอบคำถามในใจของพวกมันอย่างใจเย็น “ใช่แล้ว แม้ว่าข้าจะมอบยาที่สามารถต้านทานผลของคำสาปให้แก่พวกเจ้า ข้าก็สามารถลบล้างมันได้ตลอดเวลา และเพราะพวกเจ้าล้วนอาศัยอยู่ในป่าอ้างว้างมานานเกินไปแล้ว ร่างกายของพวกเจ้าด่างพร้อยไปด้วยคำสาปโดยไม่อาจฟื้นฟูได้ ทันทีที่การป้องกันจากยาหายไป คำสาปที่ซ้อนทับกันก็จะระเบิดและกลืนกินร่างกายของพวกเจ้า แต่ไม่ต้องห่วงไป ข้าบอกแล้วว่าข้าจะไม่ให้เขาตาย”
ด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว ร่างกายของลั่วปินก็หยุดเน่าเปื่อยลง
แต่บาดแผลที่มันได้รับก็ไม่ได้ฟื้นฟูในทันที ลั่วปินนอนโอดครวญอย่างอ่อนแรงด้วยความเจ็บปวดอยู่ตรงนั้น ถ้ามันไม่ได้รับยามาเพิ่มเร็ว ๆ นี้ มันคงต้องทนพิษบาดแผลไม่ไหวเป็นแน่
หนึ่งในหมู่โจรที่กล้าหาญกว่าคนอื่น ๆ เอ่ยขึ้น “ท่านสามารถควบคุมคำสาปได้ขนาดนี้เลยหรือ? อย่าบอกนะว่า…”
ร่างสีดำพูดติดแววขัน “แม้ว่าพวกเจ้าจะล้วนต่ำช้า พวกเจ้าก็ไม่ได้โง่ ใช่ ถูกต้องแล้ว สถานการณ์แปลกประหลาดในป่าแห่งนี้ถูกข้าชักใยมาตั้งแต่แรก”
งั้นเขาก็คือผู้สร้างคำสาปนี้สินะ
ทั้งกองโจรทรุดลงบนพื้นด้วยความสิ้นหวัง
ความคิดจะก่อกบฏทั้งหลายถูกบดขยี้ทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับชายผู้ควบคุมคำสาปแสนชั่วร้ายนี่
ลั่วปินยังครวญครางอย่างน่าเวทนา “ไว้ชีวิตข้า ไว้ชีวิตข้าเถอะ! ข้ายินดีรับใช้ท่านด้วยความจริงใจ!”
ร่างสีดำตอบ “เจ้ายินดีรับใช้ข้าแน่ แต่ไม่ใช่ในฐานะผู้นำของโจรพวกนี้”
เขาก้าวออกไปข้างหน้า หมอกสีดำลดต่ำลงไปที่เท้าของเขา
ร่างนั้นยืนอยู่เหนือลั่วปินและกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “เจ้ารู้ไหมว่ามีวิชาอีกประเภทหนึ่งที่ข้าถนัด ข้าสามารถสร้างหุ่นเชิดที่น่าเกรงขามไม่น้อยได้ นักรบระดับ 3 ที่เกิดพิกลพิการคือฐานหุ่นเชิดที่สมบูรณ์แบบ ถ้าข้าใช้ร่างกายของเจ้าเป็นวัตถุดิบหลัก ข้าก็ควรจะสามารถสกัดหุ่นเชิดที่ต้านทานนักรบระดับ 4 ได้ถ้าข้าใช้วัสดุเสริมที่ถูกต้อง”
“ไม่! อย่า!” ลั่วปินครวญครางด้วยความหวาดกลัวเมื่อได้รู้ถึงชะตากรรมของตน “ไว้ชีวิตข้า แล้วข้าก็จะสามารถรับใช้ท่านต่อไปได้ ท่านจำเป็นต้องมีผู้นำที่สามารถนำโจรที่เหลือทั้งหมด! มีแค่ข้าเท่านั้นที่สามารถทำได้นะ!”
“ข้าว่าไม่จริงหรอก” ร่างสีดำกล่าวพร้อมส่ายหัวไปมาช้า ๆ “เจ้าไม่ใช่ผู้นำที่มีพรสวรรค์ ในสายตาข้า แม้แต่สตรีก็คงเป็นผู้นำที่ดีได้มากกว่าเจ้า”
ขณะที่พูด เขาก็พันแผลและรักษาอาการบาดเจ็บของลั่วปินอย่างระมัดระวัง แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะความดีงามในหัวใจ แต่เพื่อให้ลั่วปินเป็นวัสดุที่มีประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ต่างหาก
“เจ้าคือผู้สร้างคำสาปในป่าอ้างว้างหรือ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังเขา
“หืม?” เขาหันไปหาต้นเสียงนั้น
หญิงสาวคนนั้นนั่นเอง
แต่ในตอนนี้นางยืนขึ้นแล้ว และกำลังจ้องเขาเขม็งอย่างไร้ความเกรงกลัว
ร่างสีดำมืดขบขันกับความมุทะลุของนาง “ใช่ แล้วมันเกี่ยวกับเจ้ายังไงหรือ?”
หญิงสาวกล่าวเสียงดังฟังชัด “ช่วยข้าสังหารใครบางคนหน่อย”
ร่างนั้นจ้องมองนางด้วยความงุนงง “เจ้าว่าไงนะ? ช่วยเจ้าสังหารใครบางคนหรือ?”
“ใช่!” หญิงสาวตอบคำถามและพยักหน้าด้วยความจริงใจ “ตราบใดที่เจ้าช่วยข้าสังหารนังสารเลวนั่น ข้าจะให้อะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ”
“ข้าไม่สนใจร่างกายของเจ้า” ร่างดำทะมึนตอบอย่างไม่ใส่ใจ
แม้ว่าหญิงสาวผู้นี้จะงดงาม ร่างสีดำก็ดูจะไม่ชายตามองความงามของนางแม้แต่น้อย
“ข้าไม่ได้หมายถึงตัวเอง” หญิงสาวตอบ
ในที่สุดความสนใจของร่างสีดำก็เพิ่มขึ้น
เขาหันไปมองนางด้วยความตั้งใจ “งั้นเจ้ามีอะไรจะเสนอหรือ?”
“ข้ามีชื่อว่าอีซาเป้ยลา คุนเต้อ เป็นผู้สืบทอดของครอบครัวคุนเต้อ เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ข้าถูกช่วงชิงตำแหน่งผู้สืบทอดไป ตราบใดที่เจ้าใช้คำสาปนี้สังหารผู้ที่ขโมยการสืบสกุลของข้าไป ข้าก็จะได้กุมบังเหียนครอบครัวคุนเต้อเช่นเดิม เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว สมบัติของตระกูลคุนเต้อทั้งหมดจะตกเป็นของเจ้า”
“ปัญหาเชิงอำนาจทั่วไปเหรอ ฮึ?” ร่างสีดำย้ำขณะที่เขาจ้องนางเขม็ง
อีซาเป้ยลาพูดเสริมอย่างมีชั้นเชิง “ตระกูลคุนเต้อคือหนึ่งในครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเขตแดนขุนนางเลยนะ”
แต่ถึงอย่างนั้น คำตอบที่นางได้รับก็ต้องทำให้นางผิดหวัง
อีกฝ่ายส่ายหน้าและตอบอย่างเรียบง่าย “ข้าไม่สนใจ”
ไม่สนใจหรือ?
เจ้าไม่สนใจได้ยังไงกัน?
เจ้าคือผู้นำของกลุ่มโจร เจ้าจะไม่สนใจเงินทองได้ยังไง?
อีซาเป้ยลารู้สึกถึงความสิ้นหวังที่ปกคลุมจิตใจ
“แต่บางทีอาจมีบางสิ่งที่เจ้าทำให้ข้าได้” คำพูดของร่างดำมืดมอบแสงไฟแห่งความหวังให้แก่นางอีกครั้ง
“มันคืออะไรหรือ?” อีซาเป้ยลารีบรุดถาม นางสาบานอยู่ในใจว่า ไม่ว่าโอกาสใดจะปรากฏให้นางเห็น นางก็จะไขว่คว้ามันไว้
“กลายเป็นผู้นำโจรเหล่านี้” ร่างสีดำตอบ
“อะไรนะ?”
อีซาเป้ยลาไม่รู้จะไปต่ออย่างไร
เช่นเดียวกันกับโจรทั้งหลาย
“ใช่แล้ว กลายเป็นหัวหน้ากองโจร นำพวกเขาให้ดี และแสดงให้เห็นว่าเจ้าคู่ควรต่อข้า นี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายให้เจ้าได้แก้แค้น” ร่างสีดำแถลงชัดถ้อยชัดคำ