เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1536
ลู่ฝานเดินจากตำหนักปรึกษาหารือไปที่ศูนย์กลางตระกูลหั่ว รอยยิ้มสดใสอยู่บนใบหน้า
จิตใจแจ่มใส สรรพสิ่งแจ่มแจ้ง เหมือนเป็นอิสระจากฟ้าดิน
ความยินดีนี้เกิดขึ้นในจิตใจ ไม่สามารถอธิบายออกมาได้
ลู่ฝานรู้สึกว่าเส้นลมปราณและกระดูกของตัวเองทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยความยินดี
การที่มนุษย์ล้วนอยากเข้าสู่วิถี ไม่ใช่สิ่งที่ไร้เหตุผล
ไม่ใช่แค่พลังที่เพิ่มขึ้นหลังจากเข้าสู่วิถี สิ่งสำคัญกว่านั้นคงเป็นจิตใจที่สว่างสดใส
ตอนนี้ลู่ฝานนึกถึงคำพูดที่ผู้อาวุโสไป๋หยินพูดกับเขา เขาเข้าใจขึ้นมาทันที
การทำความเข้าใจวิถีคือการปัดฝุ่นในใจ สรรพสิ่งคือวิถีแห่งสวรรค์ เมื่อขจัดความคิดวุ่นวายทิ้งไป ตั้งสมาธิ จิตใจที่ซื่อสัตย์สามารถสว่างสดใสได้ทันที
ลู่ฝานเหวี่ยงมือไปมาตามใจชอบ ไม่ได้ใช้พลังอะไรเลย แค่ใช้ฝ่ามือเคลื่อนไหวไปมาในฟ้าดิน ทุกอย่างรอบๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงตามความคิดในใจเขา
ตอนนี้ฟ้าดินในสายตาลู่ฝาน ไม่ใช่แค่พลังฟ้าดินห้าธาตุธรรมดาๆ แล้ว
แต่เป็นกฎเกณฑ์ที่สนับสนุนฟ้าดินและรวมตัวเป็นสรรพสิ่ง
กฎเกณฑ์พวกนี้เหมือนมหาสมุทรกว้างใหญ่ ประกอบเป็นทุกสิ่งของโลก มันเป็นพลังที่ซ่อนอยู่หลังพลังฟ้าดิน เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้โลกพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ จากที่มนุษย์พูดกัน มันมีชื่อว่าวิถีแห่งสวรรค์!
คนที่มองไม่เห็นมัน ไม่มีทางเข้าใจความยิ่งใหญ่และความงดงามของวิถีแห่งสวรรค์ และพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์มากมาย สามารถเกิดขึ้นได้โดยคนแค่คนเดียวหรือการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
สิ่งที่ลู่ฝานต้องทำต่อจากนี้คือทำความเข้าใจมันทีละขั้นและควบคุมมัน
แม้นี่ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ มนุษย์จะควบคุมมหาสมุทรได้ยังไง
แต่ในเมื่อมีคนเคยทำได้ ลู่ฝานคิดว่าตัวเองก็ไม่น่าจะมีปัญหาเหมือนกัน
ลู่ฝานกลับมาที่ศูนย์กลางตระกูลหั่ว มองจากไกลๆ ลู่ฝานเห็นหลิงเหยากำลังคุยกับไป๋หยินอย่างมีความสุข
เหมือนไป๋หยินได้ยินเสียงเท้าด้านหลัง จึงหันมาอย่างรวดเร็ว
ตอนเขาเห็นหน้าลู่ฝาน แววตาดูไม่อยากเชื่อ
“นายเองเหรอลู่ฝาน”
ไป๋หยินชี้ลู่ฝานแล้วพูดอย่างตกใจ
ลู่ฝานเข้าใจว่าไป๋หยินหมายความว่ายังไง เขายิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ ฉันทะลุระดับแล้ว!”
ไป๋หยินลุกขึ้นยืนทันที เดินมาข้างหน้าลู่ฝานแล้วมองลู่ฝานตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาตกตะลึง
ผ่านไปนาน ไป๋หยินพูดว่า “ดูเหมือนงานกวาดขยะของนายคงต้องสิ้นสุดลงแล้ว”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นผู้อาวุโสไป๋หยินช่วยหางานใหม่ให้ฉันด้วย”
ไป๋หยินส่ายหน้าพูดว่า “ฉันไม่มีงานอะไรช่วยนายได้แล้ว ลู่ฝาน นายทำได้ยังไง เมื่อก่อนฉันไม่เคยเชื่อเลยว่าในใต้หล้าจะมีคนทำความเข้าใจได้ตั้งแต่ครั้งแรก แต่วันนี้นายทำให้ฉันรู้แล้วว่าอะไรคืออัจฉริยะที่แท้จริง”
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ “อัจฉริยะเหรอ ถ้าผู้อาวุโสรู้จักฉันตอนเด็กๆ ผู้อาวุโสคงไม่พูดแบบนี้แน่ๆ”
ไป๋หยินพูดว่า “กลับไปเถอะ วันนี้นายพักได้แล้ว พรุ่งนี้จะมีคนหางานใหม่ให้นาย”
ลู่ฝานคำนับ ไม่ว่ายังไงผู้อาวุโสไป๋หยินก็เป็นคนที่ชี้แนะและให้ความรู้เขา
แม้เป็นอาจารย์ที่สอนเพียงประโยคเดียว แต่ลู่ฝานก็จดจำบุญคุณของเขาไว้
หลิงเหยาเดินตามหลังลู่ฝาน ทั้งสองเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
หลิงเหยาดึงชายเสื้อลู่ฝานแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน นายเข้าสู่แดนปราณฟ้าแล้วเหรอ”
ลู่ฝานพยักหน้าแล้วพูดเบาๆ “ใช่ เข้าสู่แดนปราณฟ้าสักที!”
หลิงเหยาดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้น เธอพูดเสียงดังว่า “ดีสุดๆ ไปเลย ตั้งแต่นี้ไปนายก็เป็นยอดฝีมือในบรรดายอดฝีมือแล้ว”
รอยยิ้มเต็มใบหน้าลู่ฝาน ขณะนั้นเองเจ้าดำโผล่ขึ้นมาบนไหล่ลู่ฝาน
ตอนนี้เจ้าดำขดตัวเป็นก้อน พลังสงบนิ่ง
เมื่อหลิงเหยาเห็นภาพนี้ เธอรีบถามว่า “เจ้าดำเป็นอะไร”
ลู่ฝานอุ้มเจ้าดำ จากนั้นยื่นมือเข้าไปสัมผัสดู จู่ๆ เขารู้สึกถึงพลังไฟชัดเจนไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้าดำ
ไฟนี้คล้ายกับอาทิตย์ลุกโชนที่ลู่ฝานฝึกสำเร็จ แอบมีแสงสว่างของพลังแห่งโลกอยู่เล็กน้อยด้วย
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าดำจะเก็บตัวฝึกฝนแล้ว”
ระหว่างพูด ลู่ฝานเอาเจ้าดำเข้าไปในแหวนจิ่วเซียวของตัวเอง
การที่ไม่เอาเข้าไปในเข็มขัด เพราะยังขังหั่วเยี่ยนอยู่ในเข็มขัด เขาไม่อยากให้หั่วเยี่ยนตัดโอกาสการทะลุระดับของเจ้าดำ
อีกทั้งยา สมุนไพรและสมบัติล้ำค่าของเขาล้วนอยู่ในแหวนจิ่วเซียว เทียบกับจวนเซียนบำเพ็ญชี่ในเข็มขัด พื้นที่ในแหวนจิ่วเซียวกว้างกว่าเยอะ
ลู่ฝานคิดว่าแบบนี้ค่อนข้างมีส่วนช่วยเรื่องทะลุระดับของเจ้าดำ
บางทีหลังจากเจ้าดำฟื้นขึ้นมา อาจสร้างความประหลาดใจที่ดีให้เขา
ลู่ฝานกับหลิงเหยากลับมาที่ห้องตัวเอง
จู่ๆ หลิงเหยากอดคอลู่ฝาน
“ลู่ฝาน ฉันดีใจกับนายจริงๆ!”
หลิงเหยากระซิบเบาๆ ข้างหูลู่ฝาน
ใบหน้าลู่ฝานมีรอยยิ้ม ฝ่ามือจับที่ตัวของหลิงเหยา
“อยากรู้ไหมว่าผู้แข็งแกร่งแดนปราณฟ้าเก่งกาจขนาดไหน”
ลู่ฝานกระซิบเบาๆ ข้างหูหลิงเหยา
หลิงเหยาหายใจเบาๆ แก้มแดงระเรื่อ เธอขานรับเสียงเบา
ลู่ฝานสะบัดมือปิดประตู หลังจากนั้นเสียงครางเบาๆ ดังขึ้น
วันนี้เป็นวันที่มีความสุข
เมฆขาวบดบังดวงอาทิตย์ ราวกับว่าสวรรค์ก็เขินอายไม่น้อย