บทที่ 2187 เรื่องราวในอดีต
ซือเซี่ยมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างลุ่มลึกและมีนัยแฝง มุมปากฉาบรอยยิ้มอันน่าพิศวงเอาไว้ ทำให้คนมองรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
“ทำไมฉันต้องไล่ล่าเธอน่ะเหรอ…อยากให้ฉันบอกเธอเองกับปากรึไง” ซือเซี่ยเอ่ยยิ้มๆ
ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นทันพูดอะไร ซือเซี่ยก็เอ่ยต่อไปว่า “อันที่จริง ฉันสามารถแถลงไขเรื่องอย่างอื่นให้ได้นะ”
“เรื่องอย่างอื่นเหรอ…” เยี่ยหวันหวั่นมุ่นคิ้วนิดๆ
ซือเซี่ยหลับตาลงเล็กน้อย ฉากในอดีตก็ปรากฏขึ้นในสมอง
ตอนยังเด็ก ซือป๋ออี้ผู้เป็นพ่อถูกขับไล่ออกจากรัฐอิสระ นิสัยจึงเปลี่ยนไปมาก
ภายหลังซือป๋ออี้ได้กลับไปที่ตระกูลซือในจีน ก่อร่างตั้งต้นใหม่
เขาถือกำเนิดขึ้นที่จีน เติบโตขึ้นในตระกูลซือสาขาจีน เดิมทีชีวิตก็ไม่ได้ซับซ้อนมากมายขนาดนั้น โลกนี้ช่างดูสวยงาม
จากนั้น นับตั้งแต่เขาเริ่มจำความได้ ซือป๋ออี้ก็เข้มงวดกับเขาขึ้นเรื่อยๆ เย็นชาห่างเหินขึ้นเรื่อยๆ ฝึกฝนเขาอย่างโหดร้ายไร้มนุษยธรรมอยู่แทบทุกวัน
เขาเคยถามซือป๋ออี้ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ แต่คำตอบที่รับจากซือป๋ออี้คือ ซือเซี่ยเป็นความหวังในการหวนกลับสู่รัฐอิสระ หวนกลับสู่สายตระกูลซืออันเก่าแก่ของเขา
ในที่สุด ช่วงเวลานั้น ซือเซี่ยได้รู้จักรัฐอิสระแล้ว รู้ว่ายังมีโลกใบอื่นนอกเหนือจากโลกใบนี้อยู่
เพียงแต่ ตัวเขาในช่วงเวลานั้น ไม่อยากไปที่รัฐอิสระ และไม่อยากเป็นความคาดหวังของใคร ความปรารถนาสูงสุดคือได้ฝึกฝนน้อยลง เป็นเหมือนกับคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และมีโลกใบน้อยเป็นของตัวเอง
ทว่า สำหรับเขาแล้วทุกอย่างต่างก็เป็นความปรารถนาที่มากเกินไป
จำได้ว่าในปีนั้น ซือป๋ออี้ผู้เป็นพ่อพาเขามาที่รัฐอิสระ สถานที่ประหลาดที่มีความคล้ายคลึงกับจีน แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันมากนัก
เขายังจำได้ว่า ซือป๋ออี้ที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง พาเขาไปที่ตระกูลซือ บอกคนของตระกูลซือว่า ลูกชายของเขาคืออัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ หวังว่าตระกูลซือจะไม่ถือสาเรื่องในอดีต เห็นแก่ที่เขาพาอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์คนหนึ่งกลับมา ให้เขาหวนกลับสู่ตระกูลซือได้อีกครั้ง
และหลังจากนั้น ตระกูลซือทดสอบซือเซี่ยสารพัด
ครอบคลุมไปถึงสติปัญญาและพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ต่างๆ
เพียงแต่ซือเซี่ยในช่วงเวลานั้น ในใจมีความชิงชังขุ่นเคืองต่อซือป๋ออี้ผู้เป็นพ่อมานานแล้ว ในช่วงที่ทำการทดสอบจึงจงใจไม่ให้ความร่วมมือในทุกทาง
และผลจากการทดสอบคือ สติปัญญาของซือเซี่ยไม่ผ่านเกณฑ์ ทักษะวรยุทธ์ไม่เข้าขั้น ตระกูลซือจึงไล่ซือป๋ออี้ไปจากตระกูลซืออีกครั้ง
ปีนั้นเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง รัฐอิสระมีหิมะปกคลุมอยู่ก่อนแล้ว ซือป๋ออี๋ที่ตกอยู่ในความโกรธเกรี้ยว จึงได้ทิ้งซือเซี่ยไว้บนภูเขาแห่งหนึ่ง ให้เขามีชีวิตตามยถากรรม
พอได้ฟังคำบอกเล่าของซือเซี่ย ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็เข้าใจแล้ว มิน่าล่ะปีนั้นถึงได้พบกับซือเซี่ยบนภูเขาหิมะด้วยความบังเอิญ แล้วขอให้คุณตาช่วยซือเซี่ยกลับมาด้วย
“ซือเซี่ย...นายมันหมาป่าเนรคุณจริงๆ”
เยี่ยหวันหวั่นจ้องซือเซี่ย พลางหัวเราะหยัน “ปีนั้น บนภูเขาหิมะฉันกับคุณตา ช่วยเหลือนายจากปากของหมาป่าแท้ๆ แต่นายกลับไม่สำนึกบุญคุณ กลับทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้”
สายตาของซือเซี่ยเคลื่อนไปที่ร่างของเยี่ยหวันหวั่น หัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อนสิ เรื่องของฉันยังเล่าไม่จบเลย”
….
ต่อมาซือเซี่ยถึงได้รู้ว่าชายชราที่ช่วยเหลือเขา คือผู้นำของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้น เป็นหลานสาวของผู้นำ
ทุกวันเขาจะติดตามอยู่ข้างกายชายชรา และถึงแม้ชายชราจะเข้มงวดกับเขามาก แต่กลับไม่ได้เป็นแบบซือป๋ออี้พ่อของเขา ความเข้มงวดแบบนี้ กลับทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน เขานับถือผู้นำกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์เป็นปู่แท้ๆ ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้น ก็นับถือเป็นพี่สาวแท้ๆ ไปแล้ว
เขาเคยสาบานไว้ว่า จะไม่ให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายพวกเขาได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น!
—————————————————-
บทที่ 2188 ความลับสุดยอด
หลังจากซือเซี่ยเติบโตขึ้นมา เป็นเพราะคิดถึงคุณย่าทวด ดังนั้นจึงกลับไปที่ประเทศจีน กลับไปยังสถานที่ที่เขาเติบโตขึ้นมา ตระกูลซือ
ซือป๋ออี้คล้ายว่าจะหมดความทะเยอทะยานไปแล้ว กลายเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่หลังจากได้พบซือเซี่ย ซือป๋ออี้ก็ร้องไห้หลั่งน้ำตา สำนึกผิดต่อซือเซี่ยอย่างสุดซึ้ง
อย่างไรก็ตาม ในใจของซือเซี่ยกลับรู้ดีว่า ซือป๋ออี้มีสายอยู่ในรัฐอิสระมากมาย ตอนนี้ที่ซือป๋ออี้มาร้องห่มร้องไห้ใส่เขาคงเป็นเพราะรู้ว่าปัจจุบันนี้เขาคือมือขวาผู้ทรงอำนาจของผู้นำกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์
ซือเซี่ยและซือป๋ออี้ ต่างไม่มีใครก้าวล้ำข้ามเส้นบางๆ นั้น และที่ซือเซี่ยกลับไปที่ตระกูลซือ ก็เพียงเพราะอยากไปเยี่ยมคุณย่าทวดเท่านั้น สำหรับซือป๋ออี้ เขาไม่คิดจะใส่ใจแล้ว
และในครั้งนั้น ซือเซี่ยได้พบอาเก้าของเขา ซือเยี่ยหาน
อัจฉริยะที่อายุน้อยที่สุดของตระกูลซือแห่งรัฐอิสระ ด้วยฐานะของคนในกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ชือเซี่ยย่อมรู้ว่า อาเก้าคนนี้ยังมีฐานะที่สอง คือนายแห่งอาชูร่า
ปีนั้น ซือเซี่ยรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจมาก ในสถานที่เล็กๆ อย่างตระกูลซือสาขาจีน กลับเป็นแหล่งเสือหมอบมังกรซ่อน
นายแห่งอาชูร่า
ซืออู๋เทียน
แถมยังมีตัวเขาด้วย
ด้วยฐานะคนของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นมือขวาของผู้นำด้วย ย่อมต้องปกปิดฐานะเอาไว้อย่างแนบเนียน เกรงว่าแม้แต่อาเก้าของเขา ก็ไม่ทราบถึงฐานะที่แท้จริงของเขาเช่นกัน
ถึงแม้ซือเยี่ยหานจะตรวจสอบเขา ส่งคนมาสะกดรอยตามเขา แต่เมื่ออยู่ในจีนย่อมไม่มีพิรุธเลย
ในช่วงเวลานั้น หลังจากอยู่เป็นเพื่อนย่าทวดที่ตระกูลซือมานาน ซือเซี่ยก็กลับมาที่รัฐอิสระอีกครั้ง
….
“หลังจากนายกลับมาที่รัฐอิสระ…ก็เริ่มไล่ล่าฉัน…ทรยศคุณตาของฉัน และขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์…” เยี่ยหวันหวั่นมองซือเซี่ยอย่างเยียบเย็น
พอได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น มุมปากของซือเซี่ยก็ยกเชิดขึ้นนิดๆ “จะว่าไปแล้วก็บังเอิญนะ…หลังจากฉันกลับมาถึงรัฐอิสระ ซือเยี่ยหานก็กลับมาที่รัฐอิสระเหมือนกัน ที่บังเอิญยิ่งกว่าคือ เขาช่วยเธอเอาไว้ในสถานการณ์คับขัน…เธอรู้ไหมว่าอะไรตลกที่สุด…ฉันนั่งอยู่บนรถ แต่ซือเยี่ยหานกลับจำฉันไม่ได้”
สองมือของเยี่ยหวันหวั่นกำแน่น “ดังนั้น คุณเก้าถึงไม่เคยรู้เรื่องฐานะของนายเลย หลังจากฉันกับคุณเก้ากลับไปที่จีน นายก็ลับไปด้วยตัวตนซือเซี่ยอย่างสง่าผ่าเผย คอยสอดส่องทุกความเคลื่อนไหวของพวกเรา…ก็เพราะแบบนี้ นายถึงรู้รสนิยมความชอบของฉัน แถมบางครั้งก็เรียกฉันว่าพี่สาว…”
“เฮอะ ความสามารถในการอนุมานเหตุผลไม่เลวเลยนี่” ซือเซี่ยเอ่ย
“นายกับซือป๋ออี้พ่อของนาย สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ เป็นนักแสดงกันทั้งคู่ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ระหว่างพวกนายสองพ่อลูก ก็ยังเล่นละครใส่กันอยู่ตลอด” เยี่ยหวันหวั่นพูดแดกดัน
“แน่นอน” ซือเซี่ยยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง “ซือป๋ออี้อยากเล่นละครกับฉัน ฉันก็ต้องให้ความร่วมมือกับเขาอยู่แล้ว ได้เห็นเขาเสแสร้งแกล้งทำเป็นทุกข์ร้อนอยู่ที่ตระกูลซือทุกวัน เวลาที่เห็นสีหน้าหวาดกลัวว่าซือเยี่ยหานจะเอาชีวิตเขา ฉันรู้สึกขยะแขยงจะตาย เขาแค่อยากให้ฉันภักดีกับเขา จากนั้นก็ยืมใช้อำนาจของฉันไปโจมตีซือเยี่ยหาน เรื่องนี้จะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะ ซือป๋ออี้ก็เป็นศัตรูคนหนึ่งของฉันเหมือนกันนี่ ถูกไหมล่ะ”
“ซือเซี่ย คุณตาของฉัน…ตอนนี้ อยู่ที่ไหนกันแน่!” เยี่ยหวันหวั่นตวาดเสียงกร้าวใส่ซือเซี่ย
“คุณตาอยู่ไหนน่ะเหรอ” ซือเซี่ยทำท่าครุ่นคิด “ฉันคิดดูก่อนนะ…”
“ถ้าวันนี้นายไม่บอกความจริงมา ก็อย่าหวังจะได้ออกไปจากเกาะนี้!”
“เนี่ยอู๋โยว เธอขู่ฉันเหรอ…ฉันกลัวจะแย่แล้ว” ใบหน้าของซือเซี่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “แต่ว่า ฉันคิดดูอย่างละเอียดแล้ว บอกเธอไปก็ไม่เป็นไรหรอก อันที่จริง…คุณตาของเธออยู่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาถามฉันล่ะ เธอควรถามตัวเองสิถึงจะถูก”
พอซือเซี่ยพูดออกมา เยี่ยหวันหวั่นก็ขมวดคิ้วจนกดลึกยิ่งกว่าเดิม “ซือเซี่ย นายคิดจะพูดอะไรกันแน่”
“ฮ่าๆๆ…ฉันอยากพูดอะไรน่ะเหรอ…เนี่ยอู๋โยว คุณตาของเธอ เธอฆ่าทิ้งด้วยมือตัวเองไปแล้วไม่ใช่เหรอ หืม?!” ระหว่างที่เอ่ย ดวงตาของซือเซี่ยก็สาดประกายหนาวยะเยือก
—————————————–