บทที่ 2191 พี่ชายหลานล่ะ
ขาใหญ่รายหนึ่งมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างเต็มไปด้วยความกังวล
สำหรับเรื่องนี้ เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่กังวลเลย รับเงินค่าตั๋วมาแล้ว จะไม่มีเรือได้ยังไงละ
จุดไฟเผาเกาะได้ไม่นานนัก เรือเดินสมุทรหลายสิบลำก็มุ่งหน้ามาที่น่านน้ำนี้แล้ว
อาชูร่า พันธมิตรอู๋เว่ย พร้อมด้วยเรือจากตระกูลเนี่ย มองจากที่ไกลๆ แล้วดูแน่นขนัดเป็นทิวแถว
กองกำลังป้องกันของจากกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ที่คุมอยู่รอบๆ เกาะ แค่ไม่กี่ยก ก็ถูกโจมตีจนแตกพ่ายไปแล้ว
ถึงแม้กองกำลังป้องกันของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์จะมีคนจำนวนไม่น้อย พลังก็ไม่อ่อนด้อย แต่ก็ต้านทานการโจมตีจากสามกองกำลังใหญ่ไม่ไหวอยู่ดี อีกอย่าง หากมองในแง่ของจำนวนคนเพียงอย่างเดียว สามกองกำลังใหญ่ก็สามารถบดขยี้ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
ราบรื่นยิ่งกว่าที่เยี่ยหวันหวั่นจินตนาการเอาไว้เสียอีก
คนทั้งหมดที่ถูกคุมขังไว้บนเกาะ ต่างก็ขึ้นเรือได้สำเร็จ และหลบหนีออกจากเกาะแห่งนี้ได้แล้ว
หลังจากกลับถึงรัฐอิสระ ก็ไม่ได้ไปคิดบัญชีกับกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ทุกคนต่างสงบเสงี่ยมอย่างน่าประหลาด ไม่ตีโพยตีพายเลย
ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่พันธมิตรอู๋เว่ยก็ยังไม่มีทีท่าจะลงมือใดๆ กับกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์เลย แม้แต่ซักถามข้อสงสัยสักนิดก็ไม่มี
เมื่อขาใหญ่เหล่านั้นกลับมา รัฐอิสระก็เกิดความโกลาหลขึ้น ยิ่งทำให้เยี่ยหวันหวั่นกลายเป็นบุคคลที่ตกเป็นประเด็นที่สุดในรัฐอิสระ
ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยที่ทำชั่วสารพัด ไม่น่าเชื่อว่าจะตามหาสถานที่คุมขังขาใหญ่เหล่านั้นเจอ ถึงขั้นที่ช่วยเหลือขาใหญ่เหล่านั้นกลับมาได้ทั้งหมดด้วย จึงทำให้ผู้คนพูดถึงกันอย่างเผ็ดร้อน
ส่วนทางด้านกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ก็ไม่มีท่าทีอะไรเลย ราวกับไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิด
ขาใหญ่เหล่านั้นเพิ่งกลับถึงรัฐอิสระ ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือฟื้นฟูทักษะกำลังของตัวเอง ฝึกฝนอย่างหนักไปสักระยะ ไม่มีใครโง่ขนาดที่ว่าเพิ่งออกจากเกาะมาได้ก็ไปคิดบัญชีกับกลุ่มสหพันธ์วิยายุทธ์เลย
อีกอย่าง พวกเขาก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ที่จับพวกเขาไปขัง
….
หลังจากกลับมาถึงรัฐอิสระ เยี่ยหวันหวั่นพักผ่อนอยู่สองวัน ก็ไปเยือนบ้านตระกูลหลิง
ณ ห้องรับแขกบ้านตระกูลหลิง
ชายชราที่เปี่ยมด้วยสง่าบารมีมองไปที่ร่างของเยี่ยหวันหวั่น ภายในดวงตาคู่นั้นอัดแน่นไปด้วยความรักเอ็นดู
“อู๋โยว มาหาปู่ตรงนี้สิ”
ชายชรากวักมือเรียกเยี่ยหวันหวั่น
พอได้ยินดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย แล้วนั่งลงข้างๆ ชายชรา
ชายชราคนนี้ก็คือเจ้าบ้านตระกูลหลิง หลิงซื่อชาง และเป็นคุณปู่ของเยี่ยหวันหวั่นด้วย
“อู๋โยว ทางพ่อแม่ของหลานมีเบาะแสบ้างไหม”
หลิงซื่อชางจ้องมองเยี่ยหวันหวั่น ผ่านไปพักใหญ่จึงเปิดปากถาม
“ยังไม่มีเลยค่ะคุณปู่” เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า
ตระกูลหลิง อาชูร่า พร้อมด้วยพันธมิตรอู๋เว่ย ต่างก็ส่งคนออกตามหาหัวหน้าตระกูลและนายหญิงตระกูลเนี่ยมากมาย แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังคงไม่พบเบาะแสใดๆ เลย
ตอนแรกเยี่ยหวันหวั่นคิดว่า มีความเป็นไปได้ที่หัวหน้าตระกูลและนายหญิงตระกูลเนี่ยจะโดนจับไปไว้ที่เกาะด้วย แต่หลังจากขึ้นเกาะไปแล้ว กลับไม่พบเบาะแสของหัวหน้าตระกูลและนายหญิงตระกูลเนี่ยเลย
ดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นจึงคาดเดาว่า หัวหน้าตระกูลและนายหญิงตระกูลเนี่ย อาจจะตกอยู่ในมือของสายหลัก
แน่นอน นี่เป็นพียงการคาดเดาเท่านั้น ไม่มีหลักฐานยืนยัน
“เอาแบบนี้เถอะ ตระกูลหลิงก็จะเข้าร่วมการค้นหาด้วย” ผ่านไปนาน หลิงซื่อชางถึงได้เอ่ยขึ้นมา
พอได้ยินประโยคนนี้ ดวงตาเยี่ยหวันหวั่นก็ส่องประกายนิดๆ
หน่วยข่าวกรองของตระกูลหลิงยอดเยี่ยมมาก ถ้าตระกูลหลิงเข้าร่วมด้วยล่ะก็…
“อู๋โยว เรื่องของหลาน ปู่ก็สืบมาแล้ว รวมถึงตอนที่หลานอยู่ที่จีนกับนายแห่งอาชูร่าคนนั้นด้วย” หลิงซื่อชางเปลี่ยนประเด็นสนทนา “หลายปีมานี้ ปู่คิดถึงหลานกับพี่ชายของหลานมาก เพียงแต่ สถานการณ์ของปู่กับพ่อแม่ของหลาน หลานก็น่าจะรู้…”
เมื่อเอ่ยถึงเนี่ยอู๋หมิง สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นก็หม่นหมองลงไปหลายส่วน
“ใช่แล้ว อู๋โยว แล้วพี่ชายของหลานล่ะ”
—————————————————-
บทที่ 2192 ศึกระหว่างสายหลักและสายรอง
หลิงซื่อชางมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ยถาม
“คุณปู่…พี่ชายหนูเขา ช่วงนี้เขารับออเดอร์งานหนึ่งไว้ ยังไม่กลับมาเลยค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นฝืนยิ้ม
เรื่องของเนี่ยอู๋หมิง ไม่ได้แพร่งพรายออกไปสู่สาธารณชน สิ่งแรกที่ตระกูลเนี่ยทำคือปิดข่าวไว้ ต่อให้เป็นตระกูลหลิงก็ไม่รู้เรื่องเช่นกัน
“ได้ ถ้าพี่ชายของหลานกลับมาแล้ว ให้พี่ชายหลานมาบ้านตระกูลหลิงสักเที่ยวเถอะ” หลิงซื่อชางเอ่ยฝากฝัง
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
“ใช่แล้ว ที่เกาะนั้นมันเป็นยังไงกันแน่ คนบงการเป็นใคร” หลิงซื่อชางถามต่อ
เยี่ยหวันหวั่นเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกเล่าต้นสายปลายเหตุกับหลิงซื่อชาง
“เป็นกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ค่ะ…”
หลังจากได้ทราบความจริง หลิงซื่อชางก็พลันขมวดคิ้ว “ความหมายที่หลานจะบอกคือ ไอ้เด็กที่ตาของหลานช่วยไว้ในปีนั้น ก็คือผู้นำคนปัจจุบันของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์งั้นเหรอ…”
“ใช่ค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
“เรื่องนี้ปู่จะไปตรวจสอบให้แน่ชัดสักหน่อย” สีหน้าของหลิงซื่อชางเคร่งขรึมอยู่บ้าง “ระยะนี้เป็นไปได้ว่ารัฐอิสระอาจจะไม่สงบสุขอีกต่อไป” หลิงซื่อชางค่อยๆ เอ่ยขึ้นมา
“คุณปู่ คำพูดของคุณปู่หมายความว่ายังไงคะ” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าประหลาดใจ
“ช่วงหลายวันที่พวกหลานอยู่บนเกาะ สายหลักประกาศออกมาแล้วว่าจะเปิดศึกกับสายรองของรัฐอิสระ พร้อมกับชักชวนกลุ่มอำนาจใหญ่ต่างๆ ทั่วทั้งรัฐอิสระไปเข้าพวกแล้ว” หลิงซื่อชางค่อยๆ เอ่ยตอบ
สายหลักประกาศศึกกับรัฐอิสระ…
เรื่องนี้ เยี่ยหวันหวั่นไม่ทราบเลยจริงๆ
“คุณปู่คะ…สายหลักกับสายรอง ที่แท้แล้วแตกต่างกันยังไงคะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถามหลิงซื่อชาง
“สิ่งที่เรียกว่าสายหลักกับสายรอง ความจริงถ้าพูดกันให้ชัดๆ แล้ว ก็คือทายาทรุ่นหลังของบรรพชนที่อาศัยอยู่ในรัฐอิสระมาก่อนเหล่านั้น อย่างตระกูลซือ ตระกูลเจียงรวมถึงตระกูลเก่าแก่อื่นๆ ก็เป็นสายรอง ส่วนสายหลักก็เคยเป็นตระกูลเก่าแก่ของรัฐอิสระเหมือนกัน แต่หลังจากมีศึกใหญ่กับสายรอง แล้วสายหลักพ่ายแพ้ ดังนั้นจึงถูกสายรองขับไล่ออกจากรัฐอิสระไป” หลิงซื่อชางอธิบาย
“ถ้างั้นพวกเราสี่ตระกูลใหญ่ เป็นสายหลักหรือสายรองคะ” เยี่ยหวันหวั่นถามต่อไป
พอได้ยินคำถามนี้ของเยี่ยหวันหวั่น หลิงซื่อชางก็ยิ้มนิดๆ แล้วเอ่ยว่า “อู๋โยวเอ้ย พวกเราสี่ตระกูลใหญ่ แม้จะไม่ใช่สายรอง แต่ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสายหลัก ไม่ใช่แค่พวกเราสี่ตระกูลใหญ่หรอกนะ กลุ่มอำนาจทั้งหมดในรัฐอิสระนอกจากตระกูลเก่าแก่แล้ว ต่างก็ไม่ใช่คนของทั้งสายหลักและสายรอง”
เยี่ยหวันหวั่นมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง
จนกระทั่งในเวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นถึงได้เข้าใจพื้นฐานอย่างหนึ่งระหว่างสายรองกับสายหลักแล้ว
พูดกันให้ชัดๆ คือ เรื่องทั้งหมดนี้เป็นศึกของตระกูลเก่าแก่พวกนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเธอเลยสักนิด
ในเมื่อไม่เกี่ยวข้อง งั้นก็สู้ไปเลย ไม่ส่งผละกระทบกับพวกเธอสักหน่อย อย่างมากสายรองก็แค่ถูกไล่ออกไป
“คุณปู่ ในเมื่อไม่เกี่ยวกับพวกเราเลย แล้วพวกเราจะไปสนใจทำไมคะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยความไม่เข้าใจ
“ไอ้เกี่ยวน่ะเกี่ยวอยู่” หลิงซื่อชางอธิบาย “สายหลักมุ่งเน้นไปที่การปกครองอย่างเบ็ดเสร็จ แต่สายรองมุ่งเน้นไปที่ความเสมอภาค ถ้าปล่อยให้สายหลักได้คุมรัฐอิสระ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นได้ฟังคำอธิบายจากหลิงซื่อชางแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็ตระหนักได้ในทันที
พอคิดดูอย่างละเอียดแล้ว กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในรัฐอิสระ คาดว่าคงเป็นตระกูลเก่าแก่พวกนั้น
เพียงแต่ ก็อย่างที่หลิงซื่อชางพูด ตระกูลเก่าแก่เน้นความเสมอภาค ดังนั้น จึงไม่เคยไปก้าวก่ายเรื่องของกลุ่มอำนาจต่างๆ เลย ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เข้าแทรกแซงหรือลำเอียงด้วย
ว่ากันตามจริงแล้ว ตระกูลเก่าแก่ใหญ่ๆ ทั้งหลายรับผิดชอบกฎเกณฑ์และควบคุมรัฐอิสระ ส่วนกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์รับผิดชอบการดำเนินงานควบคุมไปตามกฎระเบียบ ส่วนกลุ่มอำนาจอื่นๆ ก็แบ่งแยกกันไปตามลำดับ
“คุณปู่คะ คุณปู่ว่าศึกระหว่างสายหลักกับสายรอง ใครมีโอกาสชนะมากกว่ากันคะ” เยี่ยหวันหวั่นถาม
——————————————————————–