บทที่ 2193 เรื่องอาจารย์ของลูก
“สายหลัก” หลิงซื่อชางตอบอย่างแทบจะไม่ลังเลเลย
“สายหลักแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอคะ…แล้วปีนั้นถูกสายรองขับไล่ออกไปจากรัฐอิสระได้ยังไงคะ” เยี่ยหวันหวั่นไม่ค่อยเข้าใจ
“ศึกใหญ่ระหว่างสายหลักกับสายรองในปีนั้น อันที่จริงสายรองมีชัยได้ก็เพราะโชค อีกอย่าง ตอนนี้สายหลักมีกองหนุนสุดแข็งแกร่งอย่างสวะหมา…” หลิงซื่อชางเอ่ย
พอพูดถึงสวะหมา เยี่ยหวันหวั่นก็มีสีหน้าแปลกไปเล็กน้อย
จริงสิ ดูเหมือนอี้สุ่ยหานจะมีความแค้นฝังลึกกับตระกูลเก่าแก่พวกนั้น
“คุณปู่คะ สวะหมากับสายหลักรวมถึงสายรอง สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ” เยี่ยหวันหวั่นถามต่อไป
“เรื่องนี้ปู่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ถังถังเป็นลูกศิษย์ของสวะหมาไม่ใช่เหรอ เรื่องนี้ หลานลองไปถามถังถังดูสิ” หลิงซื่อชางออกความเห็น
….
หลังจากอยู่กินข้าวกลางวันเป็นเพื่อนหลิงซื่อชางแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็กลับไปที่พันธมิตรอู๋เว่ย
สองวันมานี้ ถังถังอยู่ที่พันธมิตรอู๋เว่ยตลอด จึงได้มีโอกาสสอบถามถังถังดูสักหน่อย
เวลานี้ ภายในห้องทำงานของพันธมิตรอู๋เว่ย ชีซิงและเป่ยโต่วทั้งสองล้อมอยู่ข้างกายเวินจื่อหราน โดยเฉพาะเป่ยโต่ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“พี่จื่อหราน ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว พันธมิตรอู๋เว่ยที่ไม่มีพี่ ก็เหมือนเสือที่ขาดปีก เหยี่ยวที่ไร้ตา…” เป่ยโต่วจ้องมองเวินจื่อหราน แล้วพูดพล่ามไม่หยุด
พอชีซิงได้ยินดังนั้น ก็ปรายตามองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง
เหยี่ยวไร้ตางั้นเหรอ…
เขาก็ช่างพูดซะจริง
ทว่าเวินจื่อหรานกลับยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง และไม่ได้ถือสาคำเปรียบเปรยของเป่ยโต่วเลย
“คุยอะไรกันน่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นผลักประตูเข้าไป
“พี่เฟิง พี่กลับมาแล้ว…”
พอเห็นเยี่ยหวันหวั่น ทั้งสามก็เดินเข้าไปหา
“เสี่ยวเฟิง ช่วงที่ฉันไม่อยู่ เธอดูแลพันธมิตรอู๋เว่ยได้ดีมากเลย” เวินจื่อหรานยิ้มให้เยี่ยหวันหวั่น
พันธมิตรอู๋เว่ยในอดีต ได้รับการดูแลประคับประคองจากคนสองคน
หนึ่งคือไป๋เฟิงผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย อีกคนก็คือเวินจื่อหราน ถ้าขาดคนใดคนหนึ่งไป และฝากความหวังไว้กับผู้อาวุโสและหัวหน้าสาขาเหล่านั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
ทั่วทั้งพันธมิตรอู๋เว่ย มีแค่ผู้อาวุโสใหญ่กับชีซิงเท่านั้นที่พอจะปกติอยู่บ้าง ในจุดนี้ไม่มีอะไรมาแย้งได้เลย
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันได้เปิดปากพูด จู่ๆ เวินจื่อหรานก็เอ่ยขึ้นว่า “เมื่อเช้ามีคนจากสายหลักมา”
“อะไรนะ?!”
พอสิ้นเสียงของเวินจื่อหราน ใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นก็เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
คนของสายหลัก มาที่พันธมิตรอู๋เว่ยเหรอ
“ใช่แล้วพี่เฟิง เมื่อเช้ามีตาแก่คนหนึ่งมา เป็นคนของสายหลัก ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเห็นว่าเขาอายุมากแล้ว ฉันคงถีบให้ล้มติดพื้นไปแล้ว” เป่ยโต่วเอ่ยด้วยเสียงฮึดฮัด
เยี่ยหวันหวั่นไม่รู้จะพูดยังไงกับเป่ยโต่วแล้ว…
“พี่จื่อหราน คนของสายหลักมาที่พันธมิตรอู๋เว่ยทำไม” เยี่ยหวันหวั่นมองเวินจื่อหรานแล้วเอ่ยถาม
“เธอไม่อยู่ ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรมากกับเขา ให้คนไล่ออกไปเลย ช่วงนี้น่าจะมาอีกนั่นแหละ” เวินจื่อหรานตอบ
“ได้ ฉันรู้แล้ว” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยพร้อมพยักหน้า
เธอก็อยากรู้ว่าสรุปแล้วคนของสายหลักมาทำไม
หลังจากพูดคุยกับพวกเวินจื่อหรานอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นก็ไปหาถังถัง
ณ ชั้นสิบสามของพันธมิตรอู๋เว่ย
ตอนนี้ ถังถังนอนแปะอยู่บนพุงของต้าไป๋ ทางซ้ายมือ บีรุสก้มหัวอ้าปากหาวอยู่ไม่หยุด
“แม่ครับ”
พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นผลักประตูเข้ามา ถังถังที่เดิมทีง่วงงุนหาวนอนอยู่ ก็พลันมีสติแจ่มใสขึ้นมาทันที
“ถังถัง ถ้าลูกไม่อ่านหนังสือให้มากๆ แม่จะส่งลูกไปเข้าโรงเรียนแล้วนะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยกับถังถัง
“ถังถังอ่านหนังสือแล้ว” ถังถังอธิบาย
“ถังถัง วันหน้าลูกคงไม่อยากกลายเป็นคนไร้การศึกษาแบบอาเป่ยโต่วของลูกใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นพูด
ถังถังเงียบไปแล้ว…
“ใช่แล้ว ถังถัง…แม่ขอถามลูกสักเรื่องสิ” เยี่ยหวันหวั่นอุ้มถังถังไว้ในอ้อมแขน แล้วนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ด้านข้าง
“แม่มีเรื่องอะไรเหรอครับ” ถังถังถามด้วยความสงสัย
“เรื่องนั้น เรื่องของอี้สุ่ยหานอาจารย์ของลูกน่ะ ลูกรู้ไหมจ๊ะ”
——————————————————————-
บทที่ 2194 สนใจเรื่องของฉันมากเหรอ
“เรื่องของอาจารย์…”
ถังถังมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยความสงสัยอยู่บ้าง “แม่ครับ เรื่องไหนของอาจารย์เหรอครับ”
“ลูกรู้ไหมว่าทำไมอาจารย์ของลูกถึงเกลียดแค้นคนตระกูลเก่าแก่ขนาดนั้น” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม
ถึงแม้เยี่ยหวันหวั่นจะรู้ว่า อี้สุ่ยหานเป็นปฏิปักษ์ต่อตระกูลเก่าแก่พวกนั้นของรัฐอิสระอย่างใหญ่หลวง แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ทราบถึงปมของความเป็นปฏิปักษ์เลย
อีกอย่าง ในมุมมองของเยี่ยหวันหวั่น ความแค้นระหว่างอี้สุ่ยหานและตระกูลเก่าแก่ น่าจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ในรัฐอิสระมีตระกูลเก่าแก่ทั้งหมดห้าตระกูล แบ่งออกเป็น ตระกูลซือ ตระกูลเจียง ตระกูลอิ๋น ตระกูลฮั่ว และตระกูลอิ๋ง
อี้สุ่ยหานไม่ได้มีความแค้นกับตระกูลเก่าแก่ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง แต่เขามีความแค้นกับตระกูลเก่าแก่ทั้งหมด
“แม่ครับ ผมรู้อยู่นิดหน่อย” หลังจากถังถังเงียบไปพักหนึ่ง ถึงได้เอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น
พอได้ยินคำพูดนี้ของถังถัง ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นก็พลันส่องประกายเล็กน้อย เดิมทีแค่คิดจะลองถามดู แต่ก็ไม่คิดเลยว่าถังถังจะมีเรื่องซุบซิบพอแบ่งปันให้ได้
“ถังถัง งั้นลูกบอกแม่หน่อยสิจ๊ะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“แต่ว่า…แม่ครับ อาจารย์ไม่ชอบให้คนอื่นรู้เรื่องส่วนตัวของเขา” ถังถังตอบ
เยี่ยหวันหวั่นอึ้งไปเลย ดูเหมือนอี้สุ่ยหานจะมีเรื่องราวอยู่บ้างจริงๆ สินะ แต่ว่า สรุปแล้วเป็นเรื่องอะไรกันแน่ แถมยังไม่อยากให้คนอื่นรู้อีก
ยิ่งถังถังเป็นแบบนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ยิ่งอยากรู้
“ถังถัง อาจารย์ของลูกพูดถูกแล้ว จะบอกคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้น ถ้าอาจารย์ของลูกรู้เข้า เขาต้องอารมณ์เสียแน่…” พอเอ่ยมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็แย้มยิ้มให้ถังถังแวบหนึ่ง “แต่ว่า…นั่นคือคนอื่นนะ อย่างแม่ใช่คนอื่นเหรอไง”
ถังถังไม่รู้จะตอบยังไงแล้ว…
“งั้นก็ได้ครับ”
ในที่สุด ถังถังก็พยักหน้า และบอกเล่าเรื่องราวที่ตัวเองรู้ทั้งหมดกับเยี่ยหวันหวั่น
….
เรื่องนี้ ต้องเริ่มเล่าตั้งแต่ศึกระหว่างสายหลักและสายรอง
แม่ของอี้สุ่ยหาน เดิมทีอยู่กลุ่มสายหลัก แต่กลับเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง แยกตัวออกมาจากสายหลักตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่รอบนอกของรัฐอิสระ
สงครามระหว่างสายหลักและสายรองปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี หลังจากสายหลักพ่ายแพ้ จึงถูกสายรองขับไล่ออกจากรัฐอิสระ
“อยากฟังเรื่องของฉัน ไม่สู้มาถามฉันตรงๆ เลยล่ะ”
ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นฟังจนตกอยู่ในภวังค์ น้ำเสียงเย็นชาของผู้ชายกลับแว่วมาจากทางด้านหลัง
“เวรเอ้ย…ฉันตกใจหมด!”
พอเห็นอี้สุ่ยหานพังประตูเข้ามา เยี่ยหวันหวั่นก็สะดุ้งโหยงเลยจริงๆ ร้อนตัวอย่างไม่มีสาเหตุอยู่บ้าง
“อาจารย์…” ถังถังมองอี้สุ่ยหานแล้วเอ่ยเรียก
“สหาย คุณมาได้ยังไง…”
เยี่ยหวันหวั่นมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง
“มาเยี่ยมลูกศิษย์ฉันไง” อี้สุ่ยหานตอบ
เยี่ยหวันหวั่นเงียบไปแล้ว เลือกเวลาได้ถูกนักนะ
“ทำไม สนใจเรื่องของฉันมากเหรอ” อี้สุ่ยหานเอ่ยถามเยี่ยหวันหวั่น
“ใช่ที่ไหนกัน ฉันแค่สงสัยไง สหายอี้สรุปแล้วคุณกับสายหลักเกี่ยวข้องกันยังไงเหรอ แล้วมีความแค้นอะไรกับตระกูลเก่าแก่ขนาดนั้น…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยยิ้มๆ
เมื่อได้ยินคำถามของเยี่ยหวันหวั่น อี้สุ่ยหานก็ยกมุมปากขึ้นนิดๆ ก่อตัวเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาดสายหนึ่ง
นั่นคือจุดเริ่มต้นของเขา…
สาเหตุของเรื่องทุกอย่าง…
….
ปีนั้น เขายังไม่ได้ก้าวเข้าสู่รัฐอิสระ ใช้ชีวิตอยู่ทางตอนใต้รอบนอกของรัฐอิสระ
อาศัยอยู่กับแม่ของตัวเอง พึ่งพาอาศัยกัน ใช้ชีวิตอย่างสงบเรียบง่าย
จนกระทั่งวันหนึ่ง
การปรากฏตัวขึ้นของเด็กสาวคนนั้น ขีดเขียนลายเส้นหมึกหนาลงในชีวิตของเขา
ได้ฟังอัตชีวประวัติของอี้สุ่ยหาน เยี่ยหวันหวั่นก็ดื่มด่ำได้อรรถรสอยู่แล้ว และตอนนี้เจ้าตัวมาเล่าด้วยตัวเองอีก จึงมีอรรถรสยิ่งขึ้นไปอีก
“เด็กสาวคนนั้น…กลายเป็นแฟนสาวของคุณงั้นเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นมองอี้สุ่ยหานแล้วเอ่ยถาม
——————————————————