บทที่ 2195 หนี้แค้นส่วนตัว
“อืม”
อี้สุ่ยหานพยักหน้า
ในใจของเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความสงสัย สรุปแล้วเด็กสาวคนนั้นเป็นยังไงกันแน่…
อีกอย่าง ปัจจุบันนี้ ข้างกายของซือเยี่ยหานดูเหมือนจะไม่มีเด็กสาวคนนั้นอยู่
เด็กสาวคนนั้นภายหลังได้เข้ามาอยู่ในบ้านอี้สุ่ยหาน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับอี้สุ่ยหานรวมถึงแม่ของเขาด้วย
เป็นเวลาครึ่งปีเต็ม
จนกระทั่งวันหนึ่ง อี้สุ่ยหานกลับมาจากข้างนอก มองเห็นผู้เป็นแม่ตายอยู่บนโต๊ะกินข้าว ตรวจพบยาพิษในร่าง และเด็กสาวก็นั่งเซื่องซึมอยู่บนเก้าอี้
ด้วยการซักไซ้ของอี้สุ่ยหาน เด็กสาวจึงได้บอกความจริงออกมา
อันที่จริง เธอวางยาพิษไว้ในกับข้าว เดิมทียาพิษนี้เตรียมไว้สำหรับอี้สุ่ยหาน
เพียงแต่ ในช่วงเวลาสุดท้าย เด็กสาวเกิดลังเลขึ้นมา เดิมทีคิดจะเอากับข้าวใส่ยาพิษไปทิ้ง แต่ไม่คิดเลยว่า…แม่ของอี้สุ่ยหานจะบังเอิญกินกับข้าวใส่ยาพิษเข้าไป จึงถูกพิษจนตาย
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นอดที่จะหนาวสะท้านไม่ได้ พอคิดดูให้ดีๆ แล้ว ทุกครั้งที่อี้สุ่ยหานจะกินข้าว ดูเหมือนว่าจะตรวจสอบอาหารอย่างละเอียดเสมอ ราวกับว่ากลัวมีพิษ…
ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้ได้ทิ้งเงามืดที่ไม่มีทางลบเลือนไปได้ไว้ในใจของอี้สุ่ยหาน
“เด็กสาวคนนั้นล่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นจ้องอี้สุ่ยหาน อยากรู้ตอบจบ
“ฉันฆ่าเธอไปแล้ว” อี้สุ่ยหานมองเยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมย
สำหรับเรื่องนี้ ทำให้เยี่ยหวันหวั่นตกอยู่ในความเงียบงัน เรื่องแบบนี้…ไม่ฟังยังดีซะกว่าจริงๆ
แต่พอใคร่ครวญดูแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็รู้สึกขึ้นมาอีกครั้งว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับการที่อี้สุ่ยหานเป็นปฏิปักษ์กับสายรองล่ะ หรือว่า เด็กสาวคนนั้นเป็นคนของสายรอง
สุดท้าย ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็ทราบว่า เด็กสาวคนนั้น เป็นคนของสายรองจริงๆ
ปีนั้น สายรองรับรู้ถึงการมีอยู่ของอี้สุ่ยหาน และรู้ว่าแม่ของอี้สุ่ยหานมาจากกลุ่มสายหลัก สายรองกังวลว่าอี้สุ่ยหานจะเข้าร่วมกับสายหลัก ดังนั้นจึงคัดเลือกนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากกลุ่มหัวกะทิของสายรองมาคนหนึ่ง ซึ่งนักฆ่าก็คือเด็กสาวคนนั้น
พอฟังอี้สุ่ยหานเล่าจบ เยี่ยหวันหวั่นก็ค่อนข้างไร้คำพูดอยู่บ้าง เรื่องนี้ดูจะน้ำเน่าเกินไปแล้วจริงๆ…
“ดังนั้น เธอคิดว่า ตระกูลเก่าแก่พวกนั้น…สมควรตายไหมล่ะ” อี้สุ่ยหานมองเยี่ยหวันหวั่น แล้วเปิดปากถาม
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นได้ยินดังนั้น ก็ส่ายหัวตอบด้วยสีหน้ามึนงง “ก็ไม่แน่…”
“ก็ไม่แน่งั้นเหรอ” อี้สุ่ยหานมุ่นคิ้วนิดๆ
“พูดยากนะ…” เยี่ยหวันหวั่นกุมคาง
“พูดยาก…” ไม่รอให้อี้สุ่ยหานมีโอกาสเปิดปากพูด เยี่ยหวันหวั่นก็ถอนหายใจ เรื่องนี้จะว่ายังไงดีล่ะ…
แม้ว่าจากที่อี้สุ่ยหานเล่ามา สายรองจะผิดจริงๆ และตระกูลเก่าแก่สวมควรถูกเล่นงานจริงๆ
แต่ว่า…จู่ๆ เยี่ยหวันหวั่นก็ตระหนักถึงความจริงอย่างหนึ่งขึ้นมา…
ซือเยี่ยหานผู้ชายของเธอก็เป็นคนของตระกูลเก่าแก่นะ!
งั้นเธอต้องพูดแบบไหนถึงจะดีล่ะ ถ้าว่าตามอี้สุ่ยหาน สายรองต่างก็สมควรตาย นายไปล้างบางตระกูลเก่าแก่พวกนั้นเลย ฉันจะหนุนหลังนายเองแบบนี้เหรอ
นี่ล้อกันเล่นรึไง!
ส่วนลึกในใจของเยี่ยหวันหวั่นค่อนข้างดูถูกวิธีการแบบนี้ของตระกูลเก่าแก่ แต่ปากกลับพูดอะไรไม่ได้มากนัก
ส่วนอี้สุ่ยหาน เขาต้องการโค่นล้มตระกูลเก่าแก่พวกนั้น ก็หาเหตุผลมาหักล้างไม่ได้สักนิดเลยจริงๆ
อย่าว่าแต่อี้สุ่ยหานเลย ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเยี่ยหวันหวั่นเอง เธอก็น่าจะทำแบบเดียวกับอี้สุ่ยหาน
“ที่ฉันมาวันนี้ นอกจากมาเยี่ยมถังถังแล้ว ยังมาเตือนเธอด้วย อย่าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างสายรองกับสายหลัก” อี้สุ่ยหานเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น
“แต่คุณจะยุ่งแน่นอน ถูกไหม” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว
“ศึกระหว่างสายหลักและสายรอง ไม่เกี่ยวข้องกับฉัน ฉันมีแค่หนี้แค้นส่วนตัวกับตระกูลเก่าแก่พวกนั้น” อี้สุ่ยหานเอ่ยอย่างเย็นชา
————————————————————–
บทที่ 2196 สายหลักมาเยือน
“ระหว่างสายหลักกับสายรอง จะมีสงครามแน่ๆ ใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นมองอี้สุ่ยหานพลางเอ่ยถามออกมา
“เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเหมือนกัน” อี้สุ่ยหานเอ่ยอย่างเฉยเมย “เพียงแต่ มองจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว สงครามครั้งนี้ยากที่จะเลี่ยงได้”
พอได้ยินคำพูดนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญาอยู่บ้าง เห็นทีรัฐอิสระคงต้องบอกลาความสงบสุขซะแล้ว
รอจนอี้สุ่ยหานไปแล้ว เป่ยโต่วถึงได้ผลักประตูเข้ามา “พี่เฟิง ตาแก่คนนั้นมาอีกแล้ว…”
“ตาแก่คนไหน” เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง
“ก็ตาแก่คนนั้นจากสายหลัก ที่เคยมาเมื่อเช้าไง” เป่ยโต่วอธิบาย
“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
จู่ๆ สายหลักก็มาเยือน เยี่ยหวันหวั่นนึกสงสัยมาก ว่าคนพวกนี้ของสายหลัก มีจุดประสงค์อะไรกันแน่
“แม่ครับ ผมไปด้วย” ถังถังมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ยขึ้น
“ถังถังคนดี แม่จะไปคุยธุระ ลูกอยู่เล่นกับต้าไป๋เสี่ยวเฮยเถอะนะ เดี๋ยวแม่ก็กลับมาแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง
“ได้ครับ”
ถังถังก็เชื่อฟังดี พยักหน้ารับคำของเยี่ยหวันหวั่น
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นก็จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมรอบหนึ่ง แล้วตามเป่ยโต่วไปที่ห้องประชุม
ภายในห้องประชุม มีผู้เฒ่าชุดดำ แลดูภูมิฐานอย่างยิ่ง ในมือกุมไม้เท้าเอาไว้ นั่งอยู่ด้านข้าง
“ท่านนี้ก็คือผู้นำไป๋เฟิงแห่งพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเรา”
เป่ยโต่วเอ่ยแนะนำ
เมื่อชายชราได้ยินก็พยักหน้าให้ หลังจากพินิจดูเยี่ยหวันหวั่นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยันไม้เท้าลุกขึ้นมา กล่าวกับเยี่ยหวันหวั่นพร้อมรอยยิ้มว่า “ผู้นำไป๋ ได้ยินชื่อมานานแล้ว”
“ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องเกรงใจ ครั้งนี้ผู้อาวุโสให้เกียรติมาเยือนพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเรา ไม่ทราบว่ามีธุระด่วนอะไร” หลังจากเยี่ยหวันหวั่นนั่งลงแล้ว ก็มองไปที่ผู้เฒ่าจากสายหลัก ไม่พูดจาไร้สาระ พาเข้าประเด็นทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น ผู้เฒ่าจากสายหลักก็ยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง “ดี ผู้นำไป๋ตรงไปตรงมาดี ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่อ้อมค้อมแล้ว ครั้งนี้ที่มา เพราะอยากให้ผู้นำไป๋เข้าร่วมกับสายหลักของพวกเรา”
พอสิ้นเสียงของผู้เฒ่า เยี่ยหวันหวั่นก็ขมวดคิ้วทันที
เยี่ยหวันหวั่นไม่คาดคิดเลยว่า เป้าหมายในการมาครั้งนี้ของสายหลัก คือจะชักจูงตัวเองไปเป็นพวก
เพียงแต่ พอคิดดูให้ละเอียด เยี่ยหวันหวั่นก็เข้าใจได้
ระหว่างสายหลักและสายรอง จะต้องเกิดศึกใหญ่ขึ้นแน่นอน ในรัฐอิสระมีกลุ่มอำนาจน้อยใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสายรองก็ดี หรือว่าสายหลักก็ช่าง เชื่อว่าต่างมุ่งหวังจะชักจูงกลุ่มที่วางตัวเป็นกลางในรัฐอิสระเหล่านี้มาเข้าร่วมกับฝ่ายของตัวเอง เมื่อเป็นแบบนี้ ตอนที่เปิดศึกก็จะยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น
เห็นเยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ ผู้เฒ่าสายหลักจึงยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “อันที่จริง ผู้นำไป๋น่าจะรู้นะ ในรัฐอิสระ พวกเราสายหลักสิถึงจะเป็นเชื้อสายดั้งเดิม อีกอย่าง อำนาจของสายหลักก็แข็งแกร่งขึ้นมาก ในสิบสองเขตของรัฐอิสระ ตอนนี้รัฐของพวกเรา แทบจะกลายเป็นอับดับสุดท้ายในสิบสองเขตแล้วนะ ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน รัฐอิสระของพวกเราเคยน่าอดสูขนาดนี้เสียที่ไหน ผู้นำไป๋ลองคิดดูเถอะ”
“สิบสองเขตของรัฐอิสระ…”
เยี่ยหวันหวั่นเริ่มใช้ความคิดแล้ว
หลังเข้ารับการสะกดจิตจากผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อเยี่ยนอยู่สามสี่ครั้ง ในความทรงจำจากทั้งหมดที่เยี่ยหวันหวั่นจำได้ มีความทรงส่วนนั้นอยู่จริงๆ แถมยังเป็นข้อมูลที่คุณตาเคยบอกเธอไว้ด้วย
ความจริงแล้ว รัฐอิสระคือหมู่เกาะขนาดใหญ่สิบสองเกาะ รัฐอิสระที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ เป็นแค่หนึ่งในบรรดาสิบสองหมู่เกาะเท่านั้น และเมื่อสิบสองหมู่เกาะประกอบเข้าด้วยกันแล้ว ถึงจะเป็นรัฐอิสระที่แท้จริง
เพียงแต่ ทุกเขตของรัฐอิสระ แทบจะไม่เคยข้องแวะอะไรกันเลย ดังนั้น คนที่รู้จึงมีไม่มากนัก
“ผู้นำไป๋ ขอแค่พันธมิตรอู๋เว่ยยินดีสนับสนุนสายหลักของพวกเรา วันหน้า รอจนพวกเราสายหลักได้ครองอำนาจแล้ว พวกเราสายหลักรับประกันเลยว่า พันธมิตรอู๋เว่ยจะต้องดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้แน่นอน ว่ายังไงล่ะ” ผู้เฒ่าสายหลักเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม