บทที่ 2197 บัตรเชิญจากตระกูลซือ
“อย่าเพิ่งรีบร้อน” เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า “ฉันมีเรื่องหนึ่งจะถามทางพวกคุณ”
“เชิญผู้นำไป๋ว่ามาเลย” ผู้เฒ่าสายหลักตอบรับ
“พ่อแม่ฉัน…หรือก็คือหัวหน้าตระกูลและนายหญิงตระกูลเนี่ย คงจะถูกสายหลักของพวกคุณจับตัวไปสินะ” เยี่ยหวันหวั่นจ้องผู้เฒ่าจากสายหลักแล้วเอ่ยออกมา
“ใช่แล้ว” ผู้เฒ่าสายหลักพยักหน้าตอบรับอย่างตรงไปตรงมามาก
เยี่ยหวันหวั่นผงะไปเล็กน้อย
เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่คิดเลยว่า ตาเฒ่าจากสายหลักคนนี้จะตรงไปตรงมาได้ขนาดนี้…ตรงเกินไปแล้ว…เอาซะตัวเองไปต่อไม่ถูกเลย
“ฉันรู้ว่าผู้นำไป๋เข้าใจพวกเราสายหลักผิดไปอยู่บ้าง และประเด็นของความเข้าใจผิดก็มีต้นตอมาจากเนี่ยหลิงหลง” ผู้เฒ่าสายหลักจ้องมองเยี่ยหวันหวั่น พลางยิ้มน้อยๆ “อันที่จริงแล้ว สายหลักของเรามีคนมากมายเกินไปจริงๆ ก็เหมือนกับคนอย่างเนี่ยหลิงหลง สายหลักของพวกเรา รายละเอียดปลีกย่อย ไม่ขอเอ่ยถึงแล้วกัน สายหลักเราไม่อาจเรียกร้องให้สมาชิกทุกคนเคารพต่อกฎเกณฑ์ได้ทุกคนหรอกนะ มีคนบางส่วนที่ไม่เคารพกฎก่อความวุ่นวายขึ้น พวกเราเองก็จนปัญญาเหมือนกัน”
พอได้ฟังคำพูดเหล่านี้ มุมปากเยี่ยหวันหวั่นกระตุกยิกๆ แล้ว นี่มันคำพูดเหลวไหลไร้เหตุผลอะไรกัน?! สมาชิกสายหลักไม่เคารพกฏก่อความวุ่นวายขึ้น แต่ไม่เกี่ยวกับสายหลักของพวกเขางั้นเหรอ
มียางอายหน่อยได้ไหม?!
“อันที่จริง ความทะเยอทะยานของเนี่ยหลิงหลง ปิดไม่มิดจริงๆ พวกเราสายหลักก็ไม่ชอบคนที่มีจิตใจทะเยอทะยานประเภทนี้เหมือนกัน ดังนั้น จึงไล่เธอออกจากสายหลักไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนพ่อแม่ของผู้นำไป๋ ก็เป็นฝีมือของเนี่ยหลิงหลง” ผู้เฒ่าสายหลักเอ่ยยิ้มๆ
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ…
เวลานี้ ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ เยี่ยหวันหวั่นก็เริ่มนับถือสายหลักขึ้นมาบ้างแล้ว พูดจาแบบนี้ได้โดยที่หน้าไม่แดงลมหายใจไม่ติดขัด โยนความผิดให้พ้นตัวได้ ช่างหน้าหนาเกินบรรยายไปแล้ว
ถึงยังไงเนี่ยหลิงหลงก็ตายไปแล้ว พวกเขาจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น
“ผู้นำไป๋ ถ้าคุณย่อมเข้าร่วมกับสายหลัก รวมถึงให้พ่อแม่ของผู้นำไป๋ร่วมสนับสนุนสายหลักด้วย พวกเราก็จะปล่อยตัวพวกเขาทันที” ผู้เฒ่าสายหลักพูดต่อไป
“เฮอะ…พวกเราอย่าคุยเรื่องไร้สาระกันเลย…ฉันจะถามคุณเลยนะ คนลึกลับที่ติดต่อกับเนี่ยหลิงหลงก่อนหน้านี้เป็นใคร เขากับเนี่ยหลิงหลง ทำให้พี่ชายของฉันต้องตาย ฉันจะให้พวกเขาต้องชดใช้ด้วยชีวิต!” ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นสาดประกายหนาวเหน็บแวบหนึ่ง
พอสิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น แววตาของผู้เฒ่าสายหลักก็วูบไหวเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ผู้นำไป๋ มีคนลึกลับอะไรที่ไหนกัน”
“เหลวไหล!”
ผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเสียงเย็น “จะไม่มีได้ยังไง คืนนั้นฉันสะกดรอยตามเนี่ยหลิงหลงไป เธอนัดเจอกับคนลึกลับคนหนึ่ง หารือกันว่าจะกำจัดเนี่ยอู๋หมิงทิ้งก่อน!”
พอผู้อาวุโสสามพูดจบ ผู้เฒ่าสายหลักก็เคาะนิ้วลงบนโต๊ะไม่หยุด “ผู้นำไป๋ ข้อเสนอของฉัน เธอเก็บไปพิจารณาดูเถอะ”
ผู้เฒ่าสายหลักพูดจบ ก็ลุกขึ้นมา ไม่ให้โอกาสเยี่ยหวันหวั่นได้พูดอะไรต่อ และหันหลังจากไป
เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นก็แลดูมืดครึ้ม
เยี่ยหวันหวั่นมั่นใจแล้วว่า คนลึกลับคนนั้นต้องมีตัวตนแน่นอน…
ถึงขั้นที่ว่า ฐานะของคนลึกลับจะมีความสำคัญกับสายหลักมากด้วย!
แต่เพราะเรื่องของเนี่ยอู๋หมิง เยี่ยหวันหวั่นจึงไม่อาจเข้าไปข้องเกี่ยวกับสายหลักได้ เป็นได้แค่ศัตรูเท่านั้น!
“พี่เฟิง!”
พอสายหลักจากไปได้ไม่นาน เป่ยโต่วก็พรวดพราดเข้ามาอีกครั้ง “เวรแล้ว…พี่เฟิง ตระกูลซือส่งบัตรเชิญมาให้พวกเรา!”
“ตระกูลซืองั้นเหรอ”
พอเยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็ผงะไปแวบหนึ่ง
จากนั้น เป่ยโต่วก็ยื่นบัตรเชิญให้เยี่ยหวันหวั่น
หลังจากอ่านบัตรเชิญจบแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็มีสีหน้ามึนงง สายหลักกับสายรอง สมกับที่เคยเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ เหมือนกันไม่มีผิด
ทางสายหลักเพิ่งส่งคนมาโน้มน้าวให้เข้าพวก ทางคนตระกูลซือก็ส่งบัตรเชิญมาแล้ว
———————————————————
บทที่ 2198 ผนวกรวมกัน
ไม่จำเป็นต้องคิดให้ลึกเลย ทางด้านตระกูลเก่าแก่ที่เป็นสายรอง ก็เริ่มระดมกำลังกลุ่มอำนาจน้อยใหญ่ของรัฐอิสระแล้วเช่นกัน ต้องการให้ในตอนที่สายหลักกับสายรองเปิดศึกกัน กลุ่มอำนาจอย่างพวกเขาจะเข้าร่วมด้วย
….
คืนนั้น เยี่ยหวันหวั่นพาเวินจื่อหราน ผู้อาวุโสหลายท่านของพันธมิตรอู๋เว่ย พวกเป่ยโต่วชีซิง มุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลซือ
ต้องพูดเลยว่า ในรัฐอิสระตระกูลซือเป็นกลุ่มมหาอำนาจชั้นนำ เป็นองค์กรขนาดใหญ่ ที่ทำให้คนตื่นตะลึง
ภายในห้องประชุมของตระกูลซือ เยี่ยหวันหวั่นพลันมองเห็นซือเยี่ยหานนั่งอยู่ข้างๆ ประมุขตระกูลซือ
ต้องพูดเลยว่า หน้าตาของสองคนนี้ค่อนข้างเหมือนกันจริงๆ
เนื่องจากเป็นการประชุมสำคัญ ค่อนข้างจริงจัง ผู้ที่เข้าร่วมต่างก็เป็นขาใหญ่ของกลุ่มต่างๆ ในรัฐอิสระ ดังนั้น ภายในงานเยี่ยหวันหวั่นและซือเยี่ยหาน ทั้งสองจึงไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากนัก
ส่วนคำพูดของประมุขตระกูลซือก็เรียบง่ายไม่ซับซ้อน
เรียกร้องให้พวกเขาเข้าร่วมกับสายรอง ต่อต้านการรุกรานของสายหลักไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม ในบรรดากลุ่มอำนาจมากมาย ส่วนใหญ่มีท่าทีคลุมเครือ ไม่ได้ตอบรับและไม่ได้ตกลง ไม่ว่าใครก็ไม่อยากออกหน้า ถ้าตกปากรับคำไป ก็จะกลายเป็นปฏิปักษ์กับสายหลัก
ต่อให้เป็นเยี่ยหวันหวั่น ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะเข้าร่วมกับฝ่ายตระกูลเก่าแก่สายรอง
ตอนนี้ หัวหน้าตระกูลและนายหญิงตระกูลเนี่ยถูกสายหลักจับตัวไป หากว่าพันธมิตรอู๋เว่ยและตระกูลเนี่ยเข้าร่วมกับสายรองไปแบบนี้ อาจจะเป็นการยั่วโทสะของสายหลัก จึงไม่อาจจินตนาการถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาได้
ทางซือเยี่ยหานก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน จึงให้เธออยู่นิ่งๆ ไว้ก่อน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโอกาส
หลังจากออกจากตระกูลซือแล้ว ซือเยี่ยหานก็พาเยี่ยหวันหวั่นกลับไปส่งที่พันธมิตรอู๋เว่ย สามคนหนึ่งครอบครัวกินข้าวเย็นในพันธมิตรอู๋เว่ยด้วยกัน หลังจากถังถังเข้านอนแล้ว ซือเยี่ยหานถึงได้กลับไป
ระยะสองสามวันมานี้ อาชูร่ามีเรื่องราวที่ต้องจัดการมากเหลือเกิน และทั้งหมดต้องให้ซือเยี่ยหานลงมืดจัดการด้วยตัวเอง
ในอีกสองวันให้หลัง พันธมิตรอู๋เว่ยและคุกคนบาปทั้งสองฝ่ายออกแถลงการณ์ว่า พันธมิตรอู๋เว่ยจะเข้าร่วมกับคุกคนบาป กลายเป็นกองกำลังหลักลำดับที่สี่ของคุกคนบาป
ตอนนี้พันธมิตรอู๋เว่ยผนวกเข้ากับคุกคนบาปแล้ว โดยเฉพาะในสถานการณ์พิเศษแบบนี้ จึงได้รับการจัดสรรแบ่งปันทรัพยากร
และได้มีเรื่องที่น่าแตกตื่นยิ่งกว่านี้เกิดขึ้นในรัฐอิสระด้วย อาชูร่าบุกเดี่ยวทำลายล้างกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์สามสาขา ทำลายโกดังทรัพยากรสำคัญทั้งหกแห่งของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ภายในชั่วข้ามคืน
และหลังจากนั้น เมื่อกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์โจมตีกลับ สวรรค์ชังและกลุ่มนักเชือดก็เข้าร่วมด้วยทันที ทั้งสองฝ่ายต่อสู้ตอบโต้กันไปมาไม่หยุด
“คุณเก้า…ทำไมคุณถึงเปิดศึกกับกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ล่ะ”
ภายในพันธมิตรอู๋เว่ย เยี่ยหวันหวั่นวิดีโอคอลหาซือเยี่ยหาน
“ถังถังล่ะ” ซือเยี่ยหานถาม
“เพิ่งกินข้าวอิ่ม กำลังเล่นกับต้าไป๋เสี่ยวเฮยอยู่ที่ชั้นสิบสาม” เยี่ยหวันหวั่นตอบไปตามจริง
“เดี๋ยวสิ…ฉันถามคุณอยู่นะว่าทำไมถึงเปิดศึกกับกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์”
ในช่วงหลังๆ มานี้ ตัวรัฐอิสระเองก็ไม่ค่อยสงบสุขแล้ว เรื่องของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ พักไว้เอาก่อนจะดีที่สุด
“เธอคิดว่าไงล่ะ” ซือเยี่ยหานเอ่ยนิ่งๆ
เยี่ยหวันหวั่นเงียบไป…
อันที่จริงเยี่ยหวันหวั่นเดาได้แล้ว อาชูร่าเป็นอริกับกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ไม่ใช่เพราะเรื่องเกาะกลางทะเล น่าจะเป็นเพราะเรื่องที่ซือเซี่ยทำไว้กับตัวเองในปีนั้น
เพียงแต่ การใช้กองกำลังของคุกคนบาปไปหยั่งเชิงสถานการณ์ ดูไม่สมเหตุสมผลเกินไปแล้ว แม้แต่ในพันธมิตรอู๋เว่ย ก็ยังไม่มีใครที่ทำตามอำเภอใจขนาดนั้นเลย
“เรื่องนี้ เธออย่าถามเลย ก็แค่ศึกเล็กๆ เท่านั้น” ซือเยี่ยหานบอก
สำหรับข้อนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ
กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์และคุกคนบาป ไม่ได้ทุ่มกำลังทั้งหมด นับว่าเป็นแค่ศึกหยั่งเชิงเล็กๆ จริงๆ
—————————————————-