บทที่ 2199 สถานการณ์ตึงเครียด
หลังจากวางสายแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
พอบรรดาขาใหญ่เหล่านั้นถูกช่วยเหลือออกมาจากเกาะแล้ว เรื่องที่ทำเป็นอย่างแรกคือประกาศว่าจะสนับสนุนสายรองอย่างไม่มีเงื่อนไข
และในเวลาต่อมา สายหลักก็คล้ายจะมีความเคลื่อนไหว ส่งนักฆ่าจำนวนมากออกไปลอบสังหารบรรดาขาใหญ่ที่เข้าร่วมสายรองในเวลาเดียวกัน
ภายในระยะเวลาสั้น มีขาใหญ่ถูกลอบสังหารไปกว่าสิบราย ถ้าไม่ใช่เพราะอาชูร่ามองการณ์ไกล ส่งคนไปคุ้มกันบรรดาขาใหญ่เอาไว้ก่อน และเตือนไว้ล่วงหน้า ผลลัพธ์ก็คงไม่น่าดูชม
ไม่ใช่แค่สายหลักเท่านั้น สายรองเองก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน วิธีการเป็นรูปแบบเดียวกับสายหลัก ส่งนักฆ่าจำนวนมากของตระกูลเก่าแก่ออกไป ประกาศว่าจะลอบสังหารหัวหน้ากองกำลังที่ให้การสนับสนุนสายหลัก
จากนั้น ก็เกิดเรื่องที่ผู้คนไม่คาดคิดขึ้น จู่ๆ สวะหมาอี้สุ่ยหานก็ลงมือ นักฆ่าที่รับการฝึกฝนจากตระกูลเก่าแก่พวกนั้น สิ้นชีพลงด้วยน้ำมือของอี้สุ่ยหานแทบทั้งหมด…
ตอนนี้ ทั่วทั้งรัฐอิสระ นอกจากคนที่เอาตัวออกห่างจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีกลุ่มอำนาจที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ไม่น้อยเลย รวมถึงพันธมิตรอู๋เว่ยที่เป็นหนึ่งในสามกองกำลังหลักของคุกคนบาป ส่วนทางอาชูร่าได้ประกาศไว้แต่แรกแล้วว่าสนับสนุนสายรอง และกลายเป็นหนึ่งในกองหนุนที่ทรงอำนาจที่สุดของสายรอง
ความสัมพันธ์ในรัฐอิสระยุ่งเหยิงไปชั่วขณะ จนยากที่จะบรรยายได้
ระหว่างกลุ่มอำนาจต่างๆ ที่เลือกข้างต่างกัน ก็เปิดฉากสู้รบเล็กๆ ขึ้นแทบทุกวัน
ส่วนสี่ตระกูลใหญ่ตอนนี้อยู่ในสถานะผู้สังเกตการณ์
สายหลักและสายรองส่งคนไปเยี่ยมเยือนชักจูงสี่ตระกูลใหญ่อยู่แทบทุกวัน และต่างก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด
อย่างไรก็ตาม ในใจของเยี่ยหวันหวั่นกลับรู้ดี ด้วยระดับอย่างสี่ตระกูลใหญ่ คิดจะพิงหมอนสูงผ่อนคลาย รักษาความเป็นกลางไว้ และลอยตัวเหนือเรื่องราวนั้น เป็นไปไม่ได้แน่นอน
แค่ยังไม่ถึงเวลา เมื่อถึงเวลาอันสมควรแล้ว สี่ตระกูลใหญ่ก็จะต้องเลือกข้างอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ศึกครั้งนี้ ทั่วทั้งรัฐอิสระ ไม่มีกองกำลังไหนเลยที่สามารถลอยตัวอยู่เหนือเรื่องราวได้…แม้ว่าจะไม่อยากเข้าร่วมศึกระหว่างสายหลักและสายรอง พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่ดี
….
กลางดึก ณ พันธมิตรอู๋เว่ย
เยี่ยหวันหวั่นไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่แล้วว่า เส้นทางในอนาคตสมควรจะเดินต่อไปแบบไหนดี
ตอนนี้ พ่อแม่ของตัวเองยังอยู่ในกำมือของสายหลัก ตอนนี้ถ้าบุ่มบ่ามไปถือหางสายรอง ยั่วโทสะสายหลัก เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำของคนปัญญาอ่อน
ตัวเยี่ยหวันหวั่นในตอนนี้ แค่อยากจะล้างแค้นเอาคืนให้เนี่ยอู๋หมิงผู้เป็นพี่ชาย ช่วยเหลือพ่อแม่ออกมาจากเงื้อมมือของสายหลัก ส่วนศึกอันคลุมเครือระหว่างสายหลักกับสายรอง เธอไม่สนใจเลยจริงๆ
ปกครองรัฐอิสระอะไรกัน…ไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลย
“เป่ยโต่ว!”
จู่ๆ เยี่ยหวันหวั่นก็ตะโกนออกไปนอกประตู
“พี่เฟิง พี่เรียกผมเหรอ”
พอเป่ยโต่วได้ยินก็ผลักประตูเข้ามา
“ไปเรียกคนมา พวกเราจะไปเยี่ยมสายหลักกันสักหน่อย” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“หา?”
เป่ยโต่วมึนงงไปทันที “พี่เฟิง...ไม่เอาน่า ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้…เราจะไปหาสายหลักกันเหรอ?!”
“ไร้สาระ ไปหาสายหลักแล้วมันทำไม” เยี่ยหวันหวั่นพูด
“เอ่อ…ถ้าเราไปหาสายหลัก ไม่เท่ากับว่าสนับสนุนสายหลักเหรอ” เป่ยโต่วเกาหัว
“อย่าพูดเหลวไหล รีบไปเตรียมตัวซะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยสั่งอย่างหมดความอดทนอยู่บ้าง
ไม่นาน ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสอีกหลายท่านในพันธมิตรอู๋เว่ย เป่ยโต่วชีซิง รวมถึงสมาชิกระดับสูงสุดอย่างเวินจื่อหราน ต่างก็ดาหน้าออกโรง มุ่งตรงไปนอกเขตของพันธมิตรอู๋เว่ย
….
ณ สาขาย่อยของสายหลัก
“ฮ่าๆ ผู้นำไป๋มาเยือนกลางดึก ทำให้คนอื่นประหลาดใจจริงๆ” ผู้เฒ่าจากสายหลักรีบออกมาต้อนรับ พลางเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่นพร้อมรอยยิ้ม
ผู้เฒ่าคนนี้ ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเยี่ยหวันหวั่น คนที่ไปเยี่ยมเยือนถึงพันธมิตรอู๋เว่ยเมื่อหลายวันก่อนก็คือเขา
“ฉันจะไม่พูดไร้สาระกับคุณ จุดประสงค์ที่มาในวันนี้ง่ายมาก พันธมิตรอู๋เว่ยและตระกูลเนี่ยของเราจะสนับสนุนสายหลัก แต่พวกคุณต้องปล่อยตัวพ่อแม่ฉันออกมาก่อน” เยี่ยหวันหวั่นพูดเข้าประเด็นทันที
—————————————————————————
บทที่ 2200 หน้าไม่อายจริงๆ
“โอ้…ผู้นำไป๋คิดดีแล้วสินะ”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น ผู้เฒ่าสายหลักก็มีสีหน้ายินดีนิดๆ
“ใช่แล้ว” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
“งั้นก็ดี ถ้าเป็นแบบนี้ พ่อแม่ของผู้นำไป๋ก็จะเป็นแขกวีไอพีของพวกเรา พวกเราสายหลักจะปล่อยตัวพวกเขาทันที” ผู้เฒ่าสายหลักพยักหน้า
ยังไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นได้อ้าปากพูดอะไร ผู้เฒ่าสายหลักก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “เพียงแต่…เมื่อเป็นแบบนี้ ในเมื่อพันพันธมิตรอู๋เว่ยและตระกูลเนี่ยจะสนับสนุนสายหลัก งั้นก็มาลงนามเป็นพันธมิตรกันเถอะ”
ขณะที่พูดอยู่ ผู้เฒ่าสายหลักก็ได้ส่งสายตาให้ลูกน้อง
จากนั้น ลูกน้องจึงหยิบหนังสือลงนามร่วมศึกฉบับหนึ่งมาให้
พออ่านเนื้อหาดูแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็ตาค้างไปทันที
สายหลัก…ช่างฉลาดแกมโกงเหลือเกินจริงๆ
หนังสือลงนามร่วมศึกฉบับนี้ ได้รับการรับรองโดยสภาตุลาการสิบสองเขตของรัฐอิสระ
สภาตุลาการสิบสองเขต เป็นตัวแทนของอำนาจส่วนกลางระดับสูงสุดของสิบสองเขตในรัฐอิสระ กฏระเบียบส่วนใหญ่ของรัฐอิสระ ล้วนกำหนดขึ้นโดยสภาตุลาการ และไม่มีใครกล้าที่จะละเมิดเจตจำนงของสภาตุลาการ
ต่อให้เป็นสายหลักและสายรอง ก็ไม่มีความกล้าถึงขนาดนั้น…
ตอนนี้ หนังสือลงนามฉบับนี้…ไม่น่าเชื่อว่าจะได้รับการรองจากสภาตุลาการ ถ้าไม่รักษาสัญญาล่ะก็…
“อะไรกัน ผู้อาวุโสไม่เชื่อใจฉันงั้นเหรอ จะดีร้ายยังไงฉันก็เป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย หัวหน้าตระกูลของตระกูลเนี่ย ความไว้ใจระหว่างคนด้วยกันไปอยู่ไหนแล้วล่ะ หรือว่าความไว้วางใจระหว่างพวกเรา ยังสู้กระดาษแผ่นเดียวไม่ได้ใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นจ้องผู้เฒ่า แล้วทอดถอนใจ
“ฮ่าๆ…”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น ผู้เฒ่าสายหลักก็หัวเราะน้อยๆ จ้องมองเยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยว่า “ผู้นำไป๋…ถ้าหากเป็นกลุ่มอำนาจอื่นพูดแบบนี้ ฉันก็คงเชื่อไปแล้ว…
แต่เพราะผู้นำไป๋คือผู้นำของพันธมิตรอู๋เว่ย ดังนั้น พวกเรามีหนึ่งก็พูดหนึ่ง มีสองก็พูดสอง ยังไงก็ลงนามในหนังสือร่วมศึกฉบับนี้เถอะ”
เยี่ยหวันหวั่นได้แต่สบถอยู่ในใจ
“พันธมิตรอู๋เว่ยเป็นยังไง พวกคุณไปลองสืบข่าวดูสิ พันธมิตรอู๋เว่ยของฉัน โดยเฉพาะผู้นำอย่างฉันคนนี้ พูดคำไหนคำนั้นมาโดยตลอด” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“ฮ่าๆ ผู้นำไป๋…ชื่อเสียงของพันธมิตรอู๋เว่ย ทุกคนต่างก็รู้กันทั่ว คุณไม่จำเป็นต้องพูดมากแล้ว พวกเราสายหลักย่อมเชื่อถือในความจริงใจของผู้นำไป๋ แต่ว่า…ลงนามซะเถอะ” ผู้เฒ่าสายหลักเอ่ยยิ้มๆ
เยี่ยหวันหวั่นกรีดร้องอยู่ในใจ แม่งเอ้ย นายมันหน้าไม่อายจริงๆ
ท้ายที่สุด ด้วยความอับจนหนทาง เยี่ยหวันหวั่นจึงทำได้เพียงจรดปากกาลงนาม แล้วประทับรอยนิ้วมือลงไป
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นผลักหนังสือลงนามออกไป
หลังจากที่ผู้เฒ่าสายหลักตรวจตราอยู่ครู่หนึ่ง ก็พยักหน้าให้เยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใช้ได้แล้ว ยินดีต้อนรับพันธมิตรอู๋เว่ยและตระกูลเนี่ยเข้าร่วมครอบครัวใหญ่อย่างสายหลักของพวกเรา”
“แล้วพ่อแม่ของฉันล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“ผู้นำไป๋วางใจได้ พ่อแม่ของคุณ อยู่ที่สาขาอื่น พรุ่งนี้เช้าพวกเขาจะกลับไปถึงตระกูลเนี่ยแน่นอน” ผู้เฒ่าสายหลักรับประกัน
พอเยี่ยหวันหวั่นได้ฟังก็พยักหน้ารับ “ได้ จะเชื่อพวกคุณสักครั้ง”
พอเยี่ยหวันหวั่นพูดจบ ก็พาคนของพันธมิตรอู๋เว่ยลุกออกไปเลย
….
“เวรแล้ว พี่เฟิง พวกเราเข้าร่วมสายหลักกันจริงๆ จะเป็นการวู่วามเกินไปรึเปล่า”
ระหว่างเดินทางกลับ เป่ยโต่วก็เอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น
“หุบปาก”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงฮึดฮัดด้วยความอารมณ์เสีย และหงุดหงิดมาก
ตอนแรกวางแผนว่าจะหลอกตุ๋นสายหลักไปก่อน ให้พวกเขายอมปล่อยตัวพ่อแม่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของพวกเขาแล้ว!
แต่ใครจะคิดกันล่ะว่าสายหลักนั้นหลอกได้ง่ายๆ ซะที่ไหน พวกเขาดันเอาหนังสือลงนามร่วมศึกที่รับรองโดยสภาตุลาการออกมา!
พอเซ็นชื่อลงไปในหนังสือลงนาม ถ้าไม่ทำตามเนื้อหาการร่วมศึก สายหลักก็ไม่จัดการเธอหรอก พอถึงเวลา…แค่ให้คนของสภาตุลาการออกหน้าตรงๆ ก็พอ!
—————————————–