ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 825 คู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมกัน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ฟู่ถิงเพียงหัวเราะอย่างเฉื่อยชาต่อการตอบโต้ของลูกศิษย์สายเหนือพิสุทธิ์ “ด้วยพลังฝึกปรือและอายุของท่าน ท่านเข้าใจเรื่องราวในตอนนั้นเท่าใดกัน”

“จักรพรรดิน้ำพุหลงมีความสามารถในด้านมรรคากระบี่เหมือนกัน แต่ในตอนนั้นกลับแพ้ภายใต้กระบี่ของกษัตริย์ลี้ลับจริงๆ เป็นการแพ้ตลอดชีวิตเสียด้วย”

ลูกศิษย์สายเหนือพิสุทธิ์แค่นเสียง “เช่นนั้นแล้วเป็นไร สายเหนือพิสุทธิ์ของพวกเราขึ้นชื่อในเรื่องวิชากระบี่สำนักเต๋าอยู่แล้ว ทุกคำที่ท่านกล่าวเป็นแค่การยืนยันข้อเท็จจริงก็เท่านั้น”

ฟู่ถิงกล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อน “มรรคากระบี่เป็นมหามรรคาไม่แปลกปลอม แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของวรยุทธ์”

“โลกซ้อนโลกของข้ามีสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ มรกตท่องฟ้าของท่านต่อให้รวมจักรพรรดิน้ำพุหลงเข้าไปด้วย จะมีกษัตริย์และจักรพรรดิกี่คนกัน”

เกาฉิงกระพริบตา สีหน้าจริงจังขึ้น “ที่แท้ท่านกำลังสงสัยพลังฝึกปรือของท่านปู่ทวดนี่เอง”

ฟู่ถิงว่า “ยอดฝีมืออย่างผู้อาวุโสจักรพรรดิน้ำพุหลงมีพลังฝึกปรือขนาดไหน ข้าไม่อาจสรุปส่งเดช แต่ว่าที่สู้กษัตริย์ลี้ลับไม่ได้กลับเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ข้าคาดเดามั่วซั่ว”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวในใจ ‘ท่านไม่ได้คาดเดามั่วซั่วจริงๆ แต่กำลังโจมตีจุดอ่อนอยู่’

มิคาดเกาฉิงกลับพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ ท่านปู่ทวดในตอนนั้นพาคนที่ฝึกกระบี่สายหยกพิสุทธิ์กลุ่มหนึ่งเข้ามายังมรกตท่องฟ้า คิดประลองวิชากระบี่กับผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ หลังจากชนะติดต่อกันก็ต้องการท้าสู้กับบรรพบุรุษของข้า สุดท้ายท่านย่าทวดที่เข้าฌานในตอนแรกออกศึก เอาชนะพวกเขาได้ทั้งหมด ท่านปู่ทวดจึงรั้งอยู่ที่มรกตท่องฟ้า”

“ไม่ใช่แค่ตอนนั้นเท่านั้น หลังจากพวกท่านทั้งสองแต่งงานกันแล้ว ก็มักจะประลองฝีมือกันอยู่บ่อยๆ แต่ว่าหลายปีมานี้ท่านปู่ทวดไม่เคยชนะ”

นางพูดจนพวกเยี่ยนจ้าวเกออ้าปากตาค้าง

แม้แต่ฟู่ถิงกับจอมยุทธ์จากยอดเขาอัศจรรย์ต่างก็งงงัน

ลูกศิษย์สายเหนือพิสุทธิ์ที่อยู่ด้านข้างเกาฉิงเกือบจะเอามือกุมหน้า

ฟู่ถิงค่อยได้สติกลับมา แม้ว่าจะเป็นศัตรู ก็อดถามไม่ได้ว่า “กษัตริย์ลี้ลับเล่าให้ท่านฟังหรือ”

ถ้าหากไม่ใช่ เช่นนั้นคนที่บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้กับเกาฉิงก็สมควรมีเจตนาร้าย คิดยุแยงปลุกปั่น ลดเกียรติของจักรพรรดิน้ำพุหลงในสายตาของลูกหลาน

แต่ถ้าเป็นคำพูดของกษัตริย์ลี้ลับเอง เช่นนั้นก็มีปัญหาแล้ว หมายความว่าในใจของนาง หรือแม้แต่มรกตท่องฟ้าทั้งหมด ต่างไม่ได้ชื่นชมการแต่งเข้ามาของจักรพรรดิน้ำพุหลงนัก

สำหรับยอดฝีมือผู้มากความสามารถที่ได้ฉายาจักรพรรดิคนหนึ่ง นี่เป็นความอัปยศระดับไหนกัน

ไม่ว่าจะแต่งเข้า หรือว่าถูกควบคุมตัว นั่นก็เป็นถึงจักรพรรดิคนหนึ่ง!

ในตอนที่จิตใจของทุกคนเกิดความคิดต่างๆ นาๆ กลับได้ยินเกาฉิงเอ่ยว่า “เป็นตอนที่ข้ายังเด็ก ท่านปู่ทวดกอดข้าไว้ในอก จากนั้นก็เล่าให้ข้าฟัง”

“หือ?!” ทุกคนต่างตกตะลึง

เกาฉิงนึกย้อน “ในตอนนั้นท่านปู่ทวดยิ้มชอบใจ แต่ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านจึงเล่าเรื่องที่ตนเองแพ้ได้อย่างเบิกบานขนาดนั้น”

ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างเงียบงัน ค่อยๆ คิดวิเคราะห์คำพูดของเกาฉิง

แม้ว่าคนอื่นจะไม่เคยเห็นเหตุการณ์นั้นด้วยตาตัวเอง แต่ไม่ทราบว่าเหตุใดในใจจึงบังเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้น

มีคนอดถามไม่ได้ว่า “จักรพรรดิน้ำพุหลงจงใจอ่อนให้หรือ”

เกาฉิงส่ายหน้าด้วยความแน่ใจเป็นอย่างยิ่ง “ท่านปู่ทวดเคยบอกว่า ในตอนนั้นท่านคึกคะนอง ไม่ยอมคน แต่กลับพูดคำว่า ‘ยอม’ กับวิชากระบี่ของท่านย่าทวด”

ทุกคนได้ยินต่างพยักหน้าอย่างช้าๆ

ผู้ที่เป็นจอมยุทธ์ต่างเป็นคนที่ไม่ยอมใคร พลังฝึกปรือยิ่งสูงเท่าไร ก็ยิ่งเป็นเช่นนั้น

นี่เกี่ยวกับความแน่วแน่ทางจิตใจของคนที่เป็นจอมยุทธ์

สามีภรรยาปรองดองกันเป็นเรื่องดี แต่ว่าจอมยุทธ์ที่ยอมแพ้อีกฝ่ายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

จำเป็นต้องใช้พลังฝีมือเท่านั้น จึงจะทำให้คนยอมรับได้

ฟู่ถิงทอดถอนใจ ขณะกำลังจะเอ่ยปาก ก็ได้ยินเกาฉิงพูดพร้อมมองนางว่า “ท่านปู่ทวดเอาชนะท่านย่าทวดไม่ได้จริงๆ แต่เขาแข็งแกร่งกว่าบิดาของท่านแน่”

ฟู่ถิงกวาดมองทะเลเมฆสีม่วงรอบๆ ยังคงไม่เห็นเงาของเยี่ยนจ้าวเกอ

ในสถานการณ์เช่นนี้ นางยิ่งรู้สึกว่าเยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสเตาโอสถทองคำม่วงเมฆาลี้ลับได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่กลับไม่ทราบว่าถอยไปเพราะอะไร

หากต้องประมือกับพวกเกาฉิงที่นี่ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าพวกนางจะกลายเป็นนกกระยางสู้กับหอยมุก ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอเป็นชาวประมงที่ได้ประโยชน์

ผู้อาวุโสของตนต่อกับสู้กับคนอื่น อย่างน้อยสมควรไม่เสียเปรียบจึงจะถูก

ถ้าหากได้เปรียบ จะต้องมาถึงชั้นบนสุดของมิติต่างแดนแห่งนี้อย่างรวดเร็วแน่

นางต้องคุมสถานการณ์ที่นี่ให้ได้ ถึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด

ถ้าหากว่ามีกลุ่มที่สี่มา เช่นนั้นสถานการณ์จะกลายเป็นสับสน ส่งผลเสียต่อเยี่ยนจ้าวเกอที่ทำตัวเป็นนกขมิ้นคอยอยู่ด้านหลังเช่นกัน อย่างน้อยเมื่อถึงตอนนั้นทุกคนค่อยสู้กันก็ได้

ความคิดในชั่วพริบตาหยุดลง ฟู่ถิงยินดีฉีกหน้ากับเกาฉิงต่อ

“เป็นจักรพรรดิเหมือนกัน แต่ไม่เคยประลองกันมาก่อน ใครจะทราบว่าจะชนะหรือแพ้” ฟู่ถิงว่า “กษัตริย์กระบี่เป็นคนรุ่นหลังจักรพรรดิน้ำพุหลง แต่วันนี้กลับเหนือกว่าเขาไปแล้ว”

เกาฉิงหัวเราะเหอะๆ “บิดาท่านไม่ใช่กษัตริย์กระบี่”

ขณะที่ทั้งสองกำลังชักกระบี่ง้างหน้าไม้ เตาโอสถทองคำม่วงเมฆาลี้ลับตรงหน้าก็พลันสั่นไหวอีกครั้ง

เมฆหมอกสีม่วงที่อยู่รอบๆ เริ่มกระเพื่อม คลื่นปราณไร้รูปร่างกลุ่มแล้วกลุ่มเล่ากระจายออกไปด้านนอก

มิติต่างแดนที่ทุกคนอยู่เหมือนกับได้รับความกระทบกระเทือน ส่ายไหวไปมา

พวกเยี่ยนจ้าวเกอ ฟู่ถิง เกาฉิง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปพร้อมกัน ‘มียอดมีมือระดับสุดยอดปีนมาถึงชั้นนี้แล้ว’

ผู้อาวุโสของฟู่ถิงและยอดฝีมือสายเหนือพิสุทธิ์จากมรกตท่องฟ้าของพวกเกาฉิง พัวพันซึ่งกันและกัน ทางหนึ่งต่อสู้ ทางหนึ่งบรรลุถึงชั้นบนสุดของมิติต่างแดนแห่งนี้

หอคอยวิเศษด้านนอกเมฆหมอกสีม่วง ที่มีประโยชน์เป็นทางเชื่อมจากที่ไกล ในตอนนี้สาดแสงสว่างออกมา

จากนั้นเงาร่างหกสายก็พุ่งออกมาจากด้านใน

ทั้งสองฝ่ายมีหกคน แบ่งเป็นด้านละสาม กำลังต่อสู้เข่นฆ่ากันไม่หยุด ล้วนเป็นยอดฝีมือขั้นสะพานเซียนทั้งสิ้น!

สองคนในนี้สู้กันฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำจนมิติต่างแดนแห่งนี้แทบจะพังทลาย กลับเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดที่อยู่ขั้นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย

นี่ยังเป็นเพราะพวกเขากริ่งเกรงกระทบถูกเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับที่อาจจะอยู่ที่นี่ ดังนั้นในตอนที่ประมือกันจึงจงใจรวบพลังไว้

ไม่เช่นนั้นแค่พวกเขาสองคนลงมือสุดกำลัง ก็ทำให้มิตินี้แหลกได้แล้ว

ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้ทะเลเมฆสีม่วง ทว่าเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับก็มหัศจรรย์จริงๆ แม้แต่ยอดฝีมือขั้นสะพานเซียนเหล่านี้ก็ยังยากจะข้ามผ่านทะเลเมฆอยู่ชั่วขณะ

ฟู่ถิงสงสัยว่าเยี่ยนจ้าวเกอกำลังรอโอกาสเคลื่อนไหวอยู่ จึงอดทนเงียบๆ เตรียมจะปะทะกับผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ต่อ

แต่เกาฉิงที่ไม่ทราบการเคลื่อนไหวของเยี่ยนจ้าวเกอกลับขุ่นข้องจนแลบลิ้น “ไอ้หยา เอาแต่พิรี้พิไร เสียเวลาจริงๆ”

ขณะที่บ่น เกาฉิงก็ชักกระบี่ออกจาฝัก

“พี่ฟู่ ข้ามาแล้ว” เกาฉิงพูดจบ ก็โถมใส่ทันทีไม่มีเกรงใจ แทงกระบี่ใส่ฟู่ถิงตรงๆ

ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ที่อยู่ข้างนางต่างพุ่งเข้าหาพวกจอมยุทธ์ยอดเขาอัศจรรย์พร้อมกัน

เป้าหมายของพวกเขาคือเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ พวกฟู่ถิงขวางอยู่รอบเตาวิเศษ พวกเขาจำเป็นต้องฝ่าแนวป้องกันนี้ไปให้ได้

ฟู่ถิงแม้จะห่วงว่าเยี่ยนจ้าวเกออาจอยู่ใกล้ๆ ทว่าอีกฝ่ายในเมื่อลงมือแล้ว นางก็ไม่ไม่อาจพะว้าพวงได้อีก เข้าปะทะพร้อมกับคนในสำนัก

เมื่อคนจากเขาอัศจรรย์ลงมือก็ใช้พลังทั้งหมด คิดจะจัดการคู่ต่อสู้ด้านหน้าให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เยี่ยนจ้าวเกอจะนำมา

กระนั้นคู่ต่อสู้ของพวกเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา

โดยเฉพาะเกาฉิง แม้เวลาพูดจาจะให้ความรู้สึกไร้เดียงสา แต่ว่าพลังฝึกปรือของนางกลับเหี้ยมหาญถึงขีดสุด

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าสงบนิ่ง มองดูการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายอยู่ในทะเลเมฆสีม่วง ยังคงรอคอยอย่างอดทน

………………..