ตอนที่ 1053: เจ้านายคนใหม่ของโถงศักดิ์สิทธิ์ (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1053: เจ้านายคนใหม่ของโถงศักดิ์สิทธิ์ (1)

“เฮ้อ ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเราจะใช้พลังงานไปมากมายขนาดนี้ในขณะที่ต่อสู้เพื่อแย่งคทา ก่อนที่มันจะตกไปอยู่ในมือของเด็กสาวที่ยังไม่ได้เป็นแม้แต่เซียนปฐพีด้วยซ้ำ นี่มันตลกมาก” ท่ามกลางฝูงชน ชายชราหน้าซีดที่เต็มไปด้วยเลือกได้พูดเชิงว่าตัวเองไร้ค่าขึ้นมา เขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกมากและมีความอิจฉาอยู่เล็กน้อย เขาอิจฉาโหยวเยว่

“มันไม่มีประโยชน์แล้วที่จะอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ต่อ ยังไงก็เถอะ ถ้าพวกเราต้องรอดูเด็กสาวผู้นั้นออกมาและส่งยิ้มให้กับพวกเราในขณะที่พวกเราเต็มไปด้วยความเสียดาย พวกเราออกไปตอนนี้เสียดีกว่า เผื่อว่าเราจะรู้สึกว่าน่าเวทนาเมื่อตอนนั้นมาถึง” ชายชราจ้องไปที่เพดานของโถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความมึนงงในขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง เขาหันกลับไปและออกไปจากโถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความสลดใจหลังจากที่เขาพูด

“หืม ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะพยัคฆ์ปีกเทวะอย่างนั้นหรือ ถ้าพยัคฆ์ปีกเทวะไม่เข้ามาขวาง คทาก็คงตกอยู่ในมือของพวกเราไปนานแล้ว มันจะไปตกอยู่ในมือของเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอได้อย่างไร?”

“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? พยัคฆ์ปีกเทวะนั้นพยายามมากที่จะหยุดพวกเราเพื่อให้หญิงคนนั้นได้คทาไป เฮ้อ แย่ที่นางเป็นคู่หมั้นของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินเป็นผู้สนับสนุนนางอย่างดี แม้แต่พยัคฆ์ปีกเทวะที่มีเกียรติยังช่วยนางเลย…”

“เฮ้อ ลูกสาวของข้าก็เหมือนกันกับหญิงคนนี้ นางก็เป็นหญิงที่งดงามมีเสน่ห์ที่หาตัวจับยากเหมือนกัน ถ้าลูกสาวของข้าได้มีความสัมพันธ์แบบนี้กับเจี้ยนเฉินนะ มันจะดีขนาดไหนกัน…”

….

เสียงหารืออื้ออึงอยู่รอบรอบ หลายคนถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย พวกเขาไม่ต้องการที่จะยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ เพราะว่าพวกเขาไม่เจอกับสมบัติอื่นเลยในระหว่างการเดินทางในโถงศักดิ์สิทธิ์นอกเหนือจากคทา พวกเขาทำงานอย่างหนักมานาน แต่ในตอนท้าน พวกเขาก็ไม่ได้อะไรเลย พวกเขาจะพอใจกับการไม่ได้รับอะไรเลยได้อย่างไร ?

บางคนยังมองไปที่พยัคฆ์ปีกเทวะด้วยเกลียดชังจนออกนอกหน้าและความไม่เป็นมิตร พวกเขาทั้งหมดมั่นใจมากพอตัวของพวกเขาและมั่นใจในความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดเชื่อว่าถ้าไม่ใช่เพราะเสือขาว คทาคงเป็นของพวกเขาไปนานแล้ว

แม้ว่าหลายคนที่อยู่ในฝูงชนจะเกลียดพยัคฆ์ปีกเทวะมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรมัน ทั้งหมดเข้าใจดีในความสามารถในการต่อสู้ที่สุดยอดของพยัคฆ์ปีกเทวะ มันก็แค่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเผชิญหน้ากับเซียนผู้คุมกฎจำนวนมากและทักษะการต่อสู้ระดับเซียนทั้งสามเท่านั้น การฆ่ามันคงเป็นการยากกว่า ไม่มีใครรู้ว่าพยัคฆ์ปีกเทวะซ่อนความสามารถหรือทักษะลับอื่นใดไว้อีก

ทุกคนที่อยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ถูกส่งมาอยู่ที่เดียวกันด้วยพลังของโถงศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจำนวนของคนในชั้นที่หนึ่งจึงเพิ่มขึ้นมากมายอย่างทันที คนหนาแน่นเต็มไปทั่วบริเวณที่เหลืออยู่ของโถงศักดิ์สิทธิ์

คนที่อยู่ในเขาวงกตก่อนหน้านี้และยังไม่ถึงชั้นบนสุดก็ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น พวกเขาเต็มไปด้วยความเสียดายและสิ้นหวัง พวกเขาทั้งหมดออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์ไปหลังจากนั้นสักพัก

ผู้คนออกไปจากโถงศักดิ์สิทธิ์เรื่อย ๆ ทำให้จำนวนคนลดลงอย่างรวดเร็ว ในตอนท้าย มีเพียงประมาณร้อยคนเท่านั้นที่เหลืออยู่ รวมถึงพยัคฆ์ปีกเทวะและซี่หวังด้วย ทั้งหมดจ้องไปที่กับดักที่เซียนราชาติดอยู่ด้วยความกังวล

นางฟ้าเฮายู่ที่เป็นภาพลวงตาได้ออกไปจากที่นั่งของนางในห้องที่ถูกผนึก นางทิ้งชิ้นหยกไว้ให้โหยวเยว่ ในตอนนี้ โหยวเยว่กำลังนอนอยู่บนชิ้นหยกและถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของแก่นแท้จากดวงจันทร์ ในขณะที่หลับตาอยู่ พลังแสงจันทร์หนาแน่นรอบรอบนางก็ซึมเข้าไปในร่างของนางเรื่อย ๆและพัฒนาร่างของนางไปอย่างรวดเร็ว

นางฟ้าเฮายู่จ้องไปที่โหยวเยว่ด้วยอารมณ์สับสนในขณะที่แก่นแท้ของดวงจันทร์ล้อมรอบนางอยู่ นางคิด “กระจกของเทพเจ้าจันทราเป็นวิธีพิเศษที่ท่านพ่อคิดให้กับข้า วิธีการฝึกฝนลึกซึ้งมาก พ่อของข้าครั้งหนึ่งเคยบอกข้าว่าข้าเป็นคนเดียวนั้นที่สามารถฝึกฝนวิธีนี้ได้ คนอื่นที่ฝึกมันจะพบหายนะตลอดกาล ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าการส่งต่อวิธีการฝึกฝนนี้ให้โหยวเยว่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่…”

“อีกทั้งท่านพ่อเคยบอกข้าไว้ว่าคนที่พยายามจะใช้วิธีการฝึกฝนนี้จะต้องเจอกับผลย้อนกลับเมื่อก้าวผ่านไปสู่ขอบเขตดั้งเดิมและบรรลุความเป็นพระเจ้าแล้ว ในขณะเดียวกัน มันคงจะยากมากที่โหยวเยว่จะได้เป็นเซียนจักรพรรดิในชีวิตของนาง แม้ว่าจะมีสมบัติสววรค์คอยช่วย ขีดจำกัดสูงสุดของนางคงเป็นได้แค่เซียนราชา แต่ถ้านางฝึกฝนกระจกของเทพจันทราในตอนนี้และปรับปรุงร่างกายของนางด้วยแก่นแท้ของดวงจันทร์ นางก็จะเป็นเซียนจักรพรรดิได้ในที่สุด ถ้าพลังงานดั้งเดิมยังมีอยู่ นางอาจจะไปถึงแม้แต่ขอบเขตดั้งเดิมได้”

“นางอาจจะไม่ได้บรรลุความเป็นพระเจ้าตั้งแต่วันนี้ไป แต่อย่างน้อยนางก็จะมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าจะไม่ต้องทำร้ายนางจริง ๆ …”

….

มันก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วตั้งแต่ที่โถงศักดิ์สิทธิ์โผล่ขึ้นมา และมันก็มีคนเยอะมากที่ด้านนอกโถงศักดิ์สิทธิ์ กลางอากาศเต็มไปด้วยคนหนาแน่นทุกที่ตั้งแต่เซียนสวรรค์จนไปถึงเซียนผู้คุมกฎ

ผู้อาวุโสสูงสุดหลายคนจากตระกูลผู้พิทักษ์ และแม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง เทียนเจี้ยนก็มาด้วยตัวเอง หัวหน้าตระกูลโบราณหลายตระกูลก็มาด้วยเช่นกัน ทำให้เซียนราชามารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก พวกเขาทั้งหมดขมวดคิ้วขณะจ้องมองไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์

คนที่เพิ่งออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์นำข่าวสถานการณ์ล่าสุดมาให้พวกเขา ทำให้ทุกคนได้รู้ว่านางฟ้าเฮายู่นั้นยังมีชีวิตอยู่และร่างของนางยังอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ ในเลาเดียวกัน พวกเขาก็ได้รู้ว่ามีหญิงที่อ่อนแอมากได้คทาไปและถูกส่งไปที่ใดก็ไม่รู้โดยบัลลังก์ของโถงศักดิ์สิทธิ์