บทที่ 2231 สนามรบฝั่งเหนือ
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็เหลือบมองหวังไล่แวบหนึ่ง ถ้าปีนั้นมีความกล้าอยู่บ้าง คาดว่าตอนนี้ก็คงไม่อยู่แล้วเหมือนกัน
“คุณหนูอู๋โยว เธอต้องระวังตัวหน่อยนะ ผู้นำคนใหม่บอกว่าเธอคือฆาตกรที่ฆ่าท่านผู้นำคนก่อน แต่ฉันสังหรณ์ใจว่า ฆาตกรตัวจริง อาจจะเป็นผู้นำคนใหม่ แน่นอนว่าแค่อาจจะเท่านั้น จุดนี้เป็นการคาดเดาของฉันคนเดียว” หวังไล่เอ่ยพลางจ้องมองเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นฟังแล้วก็พยักหน้ารับ
หลังจากหวังไล่ไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็อดไม่ได้ที่จะจมอยู่ในห้วงความคิด
ปีนั้น ตัวเองคิดแค่ว่าทำร้ายคุณตาเข้าแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าคุณตาจะตาย และเชื่อได้ว่านั่นเป็นแค่แผลเล็กๆ สำหรับคุณตา ไม่ถึงขั้นทำให้คุณตาบาดเจ็บสาหัสได้ด้วยซ้ำ
ตัวเองในอดีต หลังจากทำร้ายคุณตาแล้ว สมองก็ขาวโพลนไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงกับคุณตาดี ดังนั้นถึงได้หนีออกมาจากสหพันธ์วิทยายุทธ์
ไม่คิดเลยว่า ต่อมาจะได้ทราบข่าวว่าคุณตาถูกตัวเองสังหารจากปากของซือเซี่ย
เมื่อครู่นี้ หวังไล่สงสัยว่าซือเซี่ยต่างหากคือฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าคุณตา เพียงแต่ เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ได้คิดแบบนี้
ก่อนอื่น สำหรับซือเซี่ย เยี่ยหวันหวั่นยังนับได้ว่ารู้จักดี ซือเซี่ยผูกพันกับคุณตาอย่างลึกซึ้งมาก เรียกได้ว่าถูกคุณตาเลี้ยงดูมาจนโต ถ้าพูดอย่างอ่อนข้อแบบสุดๆ แล้ว ต่อให้ซือเซี่ยมีใจอยากฆ่าคุณตาจริงๆ แต่ด้วยความสามารถของซือเซี่ยแล้ว ดูไม่เข้าเค้าจริงๆ ต่อให้ตอนนั้นคุณตาถูกเธอทำให้บาดเจ็บแล้ว ซือเซี่ยก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณตาอยู่ดี
แต่หากว่า เป็นคนชุดดำคนนั้นตามที่หวังไล่เล่ามา…
ก่อนหน้านี้ที่พันธมิตรอู๋เว่ย เยี่ยหวันหวั่นเคยประมือกับชายชุดดำจากสายหลักคนนั้นแล้ว พลังของชายชุดดำ ลึกล้ำเกินหยั่งได้ หากว่าคนชุดดำในคำบอกเล่าของหวังไล่ เป็นคนเดียวกับชายชุดดำจากสายหลักคนนั้น แบบนั้น…ด้วยพลังของคนชุดดำแล้ว ถ้าคิดจะฆ่าคุณตาทิ้ง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แน่นอน เยี่ยหวันหวั่นก็ได้แต่คาดเดาไปเท่านั้น และไม่อาจยืนยันได้
แต่สิ่งที่มั่นใจได้คือ การตายของคุณตาเกี่ยวข้องกับคนชุดดำ แต่คนชุดดำคนนี้จะใช่คนชุดดำที่มาชิงแหวนไปหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่อาจยืนยันได้
“เสี่ยวเฟิง”
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันได้คิดให้ละเอียด ชิวสุ่ยก็เดินเข้ามาแล้ว
ตอนแรก หลังจากก่อตั้งเดธโรสขึ้นแล้ว ไม่นานนัก เยี่ยหวันหวั่นก็ให้ชิวสุ่ยมาประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่เดธโรส
เยี่ยหวันหวั่นมองชิวสุ่ย เก็บงำอารมณ์ไว้ แล้วเอ่ยถามไปว่า “มีข่าวจากทางสายหลักกับสายรองบ้างไหม”
ชิวสุ่ยได้ฟังก็พยักหน้า แล้วตอบว่า “ทั้งสองฝ่ายได้เปิดฉากต่อสู้กันแล้ว สนามรบอยู่ทางฝั่งเหนือ กลุ่มอำนาจน้อยใหญ่มากมายในรัฐอิสระต่างก็มุ่งหน้าไปเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว”
“สวะหมาล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นถามหา
“ตอนนี้ยังไม่โผล่มา” ชิวสุ่ยส่ายหน้า “ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างอลหม่าน เสี่ยวเฟิง พวกเราจะออกโรงเมื่อไหร่”
“ชิวสุ่ย ออกประกาศในนามของเดธโรสว่าจะสนับสนุนสายรอง” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“ได้” ชิวสุ่ยพยักหน้ารับ แล้วหันหลังก้าวออกไป
ในวันนั้น เดธโรสประกาศต่อภายนอกว่า จะต่อต้านสายหลัก และสนับสนุนสายรองอย่างไม่มีเงื่อนไข
ในเวลานี้เอง กองกำลังเดธโรสทั้งหมดก็ได้มุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ ไปถึงสนามรบระหว่างสายหลักและสายรองในช่วงบ่าย เยี่ยหวันหวั่นเองก็ไปรวมตัวกับพวกซือเยี่ยหานแล้ว
….
ศึกระหว่างสายหลักและสายรอง จัดขึ้นทางฝั่งเหนือของรัฐอิสระ ดุเดือดกว่าที่เยี่ยหวันหวั่นจินตนาการไว้
หลังจากมาถึงสนามรบฝั่งเหนือ เยี่ยหวันหวั่นก็เลือกที่จะไปรวมตัวกับพวกซือเยี่ยหานก่อน
ทางฝั่งเหนือ กองกำลังของคุกคนบาปยังไม่ได้รวมตัวกับกองกำลังอื่นๆ แม้แต่ห้องจัดวางกลยุทธ์ก็ยังไม่มี
เวลานี้ ณ ห้องประชุมแห่งหนึ่ง
ซือเยี่ยหานนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน ฟังเจียงหลีเฮิ่นพูดวิเคราะห์สถานการณ์อย่างน้ำไหลไฟดับ ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรเลย
—————————————————————————————
บทที่ 2232 อุ่นไม่เท่าอ้อมแขนคุณ
เยี่ยหวันหวั่นนั่งอยู่ข้างๆ ซือเยี่ยหาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความง่วงงุน
“ฉันว่าพวกนายน่ะ…ให้เกียรติฉันบ้างได้ไหม” ขณะที่พูดสายตาของเจียงหลีเฮิ่นก็เคลื่อนไปที่ร่างของเยี่ยหวันหวั่น “โดยเฉพาะคนที่ชื่อเนี่ยอู๋โยวน่ะ ตอนนี้ฉันกำลังวิเคราะห์สถานการณ์อยู่ เธอมองฉันสักแวบ ให้ความสนใจสักหน่อยก็ได้ ถ้าเธออยากนอนก็กลับไปนอนที่บ้านนู้น!”
พอเยี่ยหวันหวั่นได้ยิน เปลือกตาก็ขยับ หาวทีหนึ่ง แล้วมองเจียงหลีเฮิ่นด้วยสีหน้ามึนงง “คุณวิเคราะห์ถูกต้องมาก”
มุมปากของเจียงหลีเฮิ่นกระตุกนิดๆ “ฉันยังไม่ได้วิเคราะห์อะไรเลย เมื่อกี้แค่สรุปสถานการณ์!”
“โอ้…” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “สรุปวิเคราะห์ได้ดีมาก”
“เธอ!” เจียงหลีเฮิ่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วมองไปที่ซือเยี่ยหาน “เจ้าเก้า นายจัดการผู้หญิงของนายทีสิ ตอนนี้จะยังไงก็เป็นหนึ่งในแกนนำหลักของคุกคนบาปแล้ว อย่าทำตัวเหลวไหลขนาดนั้นได้ไหม”
ซือเยี่ยหานมองเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ข้างกายแวบหนึ่ง “อยากให้เอาผ้าห่มมาให้เธอสักผืนไหม”
“ไม่ต้องหรอก ผ้าห่มอุ่นไม่เท่าอ้อมแขนของคุณหรอก” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเบาๆ
ซือเยี่ยหานตอบรับสั้นๆ “อืม…”
เวลานี้เจียงหลีเฮิ่นมองเยี่ยหวันหวั่นและซือเยี่ยหานด้วยสีหน้ามึนงง สองคนนี้มาที่นี่ทำไม
นี่มาออกรบนะ ยังจะมาคุยกระหนุงกระหนิงกันอีก จะไม่มีกาลเทศะไปหน่อยไหม
เจียงหลีเฮิ่นจ้องมองซือเยี่ยหานอย่างไม่อยากจะเชื่อ ผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่เจ้าเก้าคนนั้นที่เขารู้จักแล้ว…
“นายพูดต่อเถอะ” จากนั้น ซือเยี่ยหานก็เอ่ยกับเจียงหลีเฮิ่น
ด้วยความอับจนหนทาง เจียงหลีเฮิ่นจึงถอนหายใจ และทำได้เพียงพูดต่อไป “ตอนนี้ สายหลักกับสายรองยังไม่โหมศึกอย่างเต็มที่ ดูเหมือนพวกสวะหมาของทางสายหลัก ยังไม่ออกโรง สายรองก็ยังไม่ได้งัดไพ่ตายออกมาเหมือนกัน อีกอย่าง จนถึงตอนนี้กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ก็ยังไม่ประกาศเลยว่าจะสนับสนุนฝ่ายไหน พลังของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ไม่อาจดูแคลนได้ น่ากลัวว่าต่อไปจะเล่นลูกไม้อะไรออกมา”
ซือเยี่ยหานพยักหน้า สายตายังไม่ละไปจากร่างของเจียงหลีเฮิ่น
“ไม่มีแล้วเหรอ” ผ่านไปครู่หนึ่ง เห็นเจียงหลีเฮิ่นก็ไม่พูดอะไรต่อ ซือเยี่ยหานจึงเอ่ยถาม
“เรื่องพวกนี้ที่นายพูด พวกเรารู้กันหมดแล้ว” ซือเยี่ยหานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นมา “สายหลักอยู่ทางฝั่งเหนือติดชายขอบรัฐอิสระ ถ้าทัพของสายหลักเหยียบข้ามเขตชายแดนเข้ามา ก็เท่ากับว่าได้เข้ามาในรัฐอิสระแล้ว และสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือรักษาแนวชายแดนเอาไว้”
ซือเยี่ยหานเพิ่งพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็ปรบมือทันที “ที่รักพูดได้ดีเหลือเกิน แค่ประโยคเดียวก็ชัดเจนแจ่มแจ้งกว่าตัวขี้เหร่พูดพล่ามคนนั้นแล้ว”
“อืม” ซือเยี่ยหานพยักหน้านิดๆ
“เธอว่าใครเป็นตัวขี้เหร่” เจียงหลีเฮิ่นจ้องเยี่ยหวันหวั่นด้วยความโกรธ “เธอเป็นมะเร็งตาระยะสุดท้ายสินะ!”
เยี่ยหวันหวั่นคิดในใจ ความสนใจของเจ้าหมอนี่มีแค่หน้าตาของตัวเองตลอดเลยรึไง สิ่งที่ตัวเองอยากจะสื่อก็คือ ทักษะในการวิเคราะห์ของเขามีปัญหาชัดๆ
“เจ้าเก้า ความหมายของนายคือ ตอนนี้ คุกคนบาปของพวกเราจะมุ่งหน้าไปที่ชายแดนก่อนสินะ” เซี่ยเชียนชวนเอ่ยอย่างใช้ความคิด
ซือเยี่ยหานฟังแล้วตอบไปสั้นๆ “อืม”
“โอเค ฉันเข้าใจเจตนาของเจ้าเก้าแล้ว ปล่อยให้สายหลักฝ่าชายแดนเข้ามาไม่ได้จริงๆ ต้องเตรียมการกันสักหน่อย” พอเซี่ยเชียนชวนพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วหันหลังออกไป
“ฮึ!” เจียงหลีเฮิ่นร้องฮึเสียงเย็นทีหนึ่ง ถลึงตาใส่เยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง แล้วตามเซี่ยเชียนชวนออกไป
“ที่รัก ฉันก็จะไปเตรียมตัวด้วยเหมือนกัน” พอเยี่ยหวันหวั่นพูดจบ ก็ทำท่าว่าจะจากไป
“เธอไม่ต้องไป” จู่ๆ ซือเยี่ยหานก็พูดขึ้นมา
“ห๊า” เยี่ยหวันหวั่นผงะไป ทำไมเธอไม่ต้องไปล่ะ
“ที่รัก คุณห่วงฉันเกินไปรึเปล่า ฉันคือผู้นำของพันธมิตรอู๋เว่ยเชียวนะ” เยี่ยหวันหวั่นเบะปาก
—————————————————————————————