อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1188 ทำลายแล้ว
“ใช่ หาดวงที่สี่เจอแล้ว ยังขาดอีกสามดวง ท่านก็สามารถฟื้นคืนชีพคนในใจของท่านได้แล้ว ดีใจหรือไม่?”
เย่จิ่งหานมีความสุขจนขึ้นสมอง แม้แต่การหายใจก็เร็วขึ้นมาก เมื่อครู่ที่กู้ชูหน่วนไร้มารยาทต่อเขาได้ถูกเขาโยนทิ้งไปไกลจนไร้ร่องรอยนานแล้ว ดวงตาคู่หนึ่งที่แฝงได้ด้วยความดีใจเพ่งมองที่หน้าผากของกู้ชูหน่วนติดๆ ราวกับว่ากำลังใฝ่ฝันถึงอนาคต
“อีกสามดวงที่เหลือมีเบาะแสแล้วหรือ?” เย่จิ่งหานถามด้วยความกังวล
“ไม่มี สามารถหาได้ดวงหนึ่งก็ไม่ง่ายแล้ว ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ จะหาอีกสามดวงที่เหลือจากที่ไหน?”
“เพียงแค่เจ้าสามารถสัมผัสถึงวิญญาณได้ ไม่ช้าก็จะสามารถหาเจอ วิญญาณดวงที่สี่เจ้าไปหาได้จากที่ใด?”
“ตระกูลไป๋หลี่”
ตระกูลไป๋หลี่?
เขาอยู่ในตระกูลไป๋หลี่มาตั้งนานขนาดนั้น ทำไมถึงไม่เคยสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณสักดวงของอาหน่วนในตระกูลไป๋หลี่มาก่อน
“อยู่ในเขตต้องห้ามของตระกูลไป๋หลี่ เป็นธรรมดาที่ท่านจะหาไม่พบ หากไม่ใช่เพราะข้าไล่ตามเข้าไปถึงก่อน กลัวว่าวิญญาณคนในใจของท่านก็คงจะถูกหล่อหลอมกลายเป็นบันไดก้าวขึ้นไปสู่อีกระดับของคนอื่นไปนานแล้ว”
“อะไร…..”
แววตาดีอกดีใจของเย่จิ่งหานเย็นยะเยือกขึ้นทันที ราวกับอบอวลไปด้วยแรงสังหาร
“บนโลกนี้มีคนที่มีพลังชั่วร้ายอยู่ไม่น้อย ไม่เพียงแค่ข้าที่รู้เคล็ดวิชากลืนพลัง ตระกูลไป๋หลี่ก็ทำได้ และวิธีการก็โหดเหี้ยมยิ่งกว่า จนกระทั่งสามารถทำให้คนกลายเป็นขี้เถ้าได้”
“ตระกูลไป๋หลี่กล้าแตะต้องอาหน่วน พวกเขาก็ต้องเตรียมตัวโดนถล่มไปทั้งตระกูล”
กู้ชูหน่วนนอนอย่างสบายๆลงบนเก้าอี้นอน หัวเราะแล้วกล่าว “ท่านไม่มีโอกาสนั้นแล้ว ตระกูลไป๋หลี่โดนสังหารทั้งตระกูลไปแล้ว”
“เจ้าทำลายหรือ?”
เย่จิ่งหานมองไปทางกู้ชูหน่วน ราวกับว่ากำลังยืนยัน
“ทำไม ไม่เชื่อหรือ?”
“บางทีคนอื่นอาจจะไม่เชื่อ แต่หน้าผากของเจ้ามีวิญญาณของอาหน่วนของข้า ข้าเชื่อแน่นอน เรื่องที่อาหน่วนของข้าอยากจะทำ ไม่เคยมีที่ทำไม่สำเร็จ”
เอ่ยถึงอาหน่วน สีหน้าของเย่จิ่งหานเต็มไปด้วยความภูมิใจ
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาวด้วยความไม่สบอารมณ์
“อาหน่วนอะไร คนที่ทำลายตระกูลไป๋หลี่คือข้า ไม่ใช่นางสักหน่อย นางเป็นเพียงแค่วิญญาณไม่กี่ดวงที่ไม่มีความสำนึกเท่านั้น”
“นั้นเป็นเพราะนางแอบช่วยเจ้าอยู่เงียบๆ ไม่มีนาง จนถึงวันนี้เจ้าก็ยังคงเป็นคนไร้ประโยชน์ที่สุดในทวีปปิงหลิง”
“เย่จิ่งหาน ข้าค้นพบแล้วว่าท่านเป็นคนไร้คุณธรรม ท่านไม่ลองคิดดูบ้างว่าเป็นใครที่ลากท่านกลับมาจากประตูนรก”
“วิชาการรักษาของเจ้า ก็มาจากอาหน่วนของข้า”
กู้ชูหน่วนจะหัวเราก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง “วิชาการรักษาของข้ามาจากอาหน่วนของท่านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เย่จิ่งหานหัวเราะเยาะอย่างเฉยเมย “ตอนที่วิญญาณอาหน่วนของข้าไม่ได้สิงอยู่ในร่างกายของเจ้า เจ้ารู้วิชาการรักษาหรือ? เจ้ารู้จักวิทยายุทธหรือ? เจ้าจะสามารถกลายเป็นเจ้าแห่งสัตว์อสูรนับหมื่น เรียกสัตว์อสูรนับหมื่นได้หรือ?”
“หึ…งั้นทุกอย่างของข้าก็ล้วนเป็นเพราะนางให้งั้นหรือ?”
“แน่นอน”
“ในเมื่อนางเก่งกาจขนาดนั้น เช่นนั้นทำไมถึงได้ถูกคนทำร้ายจนตายล่ะ?”
สายตาความภาคภูมิใจของเย่จิ่งหานหายไปในทันที จ้องมองนางด้วยความเฉยชา เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “ในโลกใบนี้ใครจะสามารถทำร้ายนางได้ แล้วจะมีใครสามารถสังหารนางได้อีก นั่นเป็นเพราะนางบูชายัญตัวเอง”
“ทำไมนางต้องบูชายัญด้วย? เพื่อยืนยันว่านางไม่ได้ทำได้ทุกอย่างไงล่ะ หากว่านางทำได้ทุกอย่าง และทำไมจะต้องสละชีวิตตัวเองจึงจะสามารถช่วยเหลือเหล่าประชาชนของเผ่าหยกได้”
เย่จิ่งหานคำรามด้วยความโกรธ “มู่หน่วน”
“ได้ได้ได้ ข้าไม่ว่านาง ก็ได้แล้วสินะ หากท่านยังจะใช้สายตากินคนเช่นนี้มองข้าอีก ระวังจ้องจนข้าตาย วิญญาณอีกสามดวงท่านก็หาไม่พบแล้ว”
“หาพบเป็นเพียงแค่เรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น”
“พอเถอะ คำพูดนี้เหมือนเจ้าผีเสื้อแป๊ะๆ แต่พวกท่านหาพบแล้วหรือ? แม้แต่ดวงเดียวก็หาไม่พบสินะ”
“เจ้าทำลายตระกูลไป๋หลี่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เวินเส้าหยีจะไม่รู้ เจ้าได้วิญญาณของอาหน่วนมา คิดว่าเขาก็คงรู้แล้ว เขาไม่ได้แย่งชิงวิญญาณที่หน้าผากของเจ้า ก็เพราะจะให้เจ้ารวบรวมวิญญาณของอาหน่วนให้ครบใช่หรือไม่?”
“ใช่สิ แต่ข้าจะไม่ให้เขา ข้ารวบรวมดวงวิญญาณทั้งหมดได้แล้ว จะให้ได้แค่ท่านเท่านั้น ยังไงซะข้าก็รับปากท่านก่อนนี่นา แม้ว่าข้าจะสู้สุดชีวิต ก็จะช่วยท่านเอาวิญญาณมาให้ได้”
คำพูดนี้ได้ผลมาก
แต่เย่จิ่งหานก็ยังหัวเราะเยาะออกมา