ตอนที่ 2299 ผู้อาวุโส…

อัจฉริยะสมองเพชร

หากเราปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำ ชีวิตก็จะลอยผ่านไปราวกับหมู่เมฆกลางอากาศ ทุกอย่างจะไร้ความหมายไปทันที

เพื่อทำให้ชีวิตมีความหมาย เราต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ต่อให้ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากก็ตาม

ความทุกข์ใจมีแต่จะเป็นภาระของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอายุที่ล่วงเลย ความเจ็บป่วย ความตาย การพลัดพราก ความอิจฉาริษยา…

เราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความเจ็บปวด ทั้งต้องเรียนรู้ด้วยว่าจะปล่อยมันไปอย่างไร

ชีวิตก็เป็นแบบนี้

ไม่ว่าทุกอย่างจะขมขื่นแค่ไหน ก็ต้องกัดฟันและผลักดันตัวเองให้มองไปข้างหน้า

“ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะ…” จางเซวียนตอบพร้อมกับโค้งคำนับอย่างงาม

เขารู้สึกเหมือนเพิ่งได้สัมผัสสิ่งสำคัญบางอย่าง แม้จะยังดูเป็นนามธรรม แต่ก็รู้สึกว่ามันน่าจะเปลี่ยนแปลงวรยุทธของเขาไปในทางที่ดีได้

มันเป็นแค่การแลกเปลี่ยนความรู้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่จางเซวียนได้ประโยชน์มหาศาลจากคำชี้แนะของชายหนุ่ม

“ผมประทับใจนะที่คุณเข้าใจมันได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนคุณคือคนที่ใช่จริงๆ” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆก่อนจะลุกขึ้นยืน “ผมต้องขอตัวก่อน ส่วนคุณก็ต้องก้าวต่อไปตามเส้นทางที่อยู่ตรงหน้า ผมคงมอบให้คุณได้แค่ความปรารถนาดีเท่านั้น”

“คุณจะกลับแล้วหรือ?” จางเซวียนประหลาดใจ

เขาคิดว่าการมาเยือนของชายหนุ่มน่าจะมีเหตุผลที่สำคัญและล้ำลึกกว่านี้ แต่เพียงแค่อีกฝ่ายได้เห็นศิลปะเพลงดาบของเขาและให้คำชี้แนะ 2-3 คำ ก็เตรียมตัวกลับเสียแล้ว หรือว่าอีกฝ่ายจงใจเดินทางมาถึงที่นี่เพียงเพื่อให้คำชี้แนะกับเขา?

ชายหนุ่มชำเลืองมองผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังและเอ่ยปาก “เจียนเหยา มอบดาบสวรรค์สีเลือดให้เขาด้วย!”

ผู้อาวุโสพยักหน้า

เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็มอบดาบเล่มหนึ่งให้จางเซวียน

ทันทีที่ดาบปรากฏตัว รอยแยกแห่งมิติก็เกิดขึ้นโดยรอบ แม้แต่ดาบราชันย์เทพเจ้าในมือของจางเซวียนก็พยายามดิ้นรนให้เป็นอิสระเพื่อจะแสดงการคารวะต่อดาบในมือของผู้อาวุโส

ภาพนั้นทำให้จางเซวียนเลิกคิ้วด้วยความอัศจรรย์ใจ

ดาบราชันย์เทพเจ้า, ก็ตามชื่อของมัน คือของล้ำค่าที่มีวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้า เป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยมี แต่มันก็ยอมก้มหัวให้ดาบสวรรค์สีเลือดโดยไม่ลังเล

แปลว่าดาบสวรรค์สีเลือดจะต้องแข็งแกร่งขนาดไหน?

“ผมรับของกำนัลชิ้นใหญ่แบบนี้จากคุณไม่ได้หรอก!” จางเซวียนรีบประสานมือและปฏิเสธดาบเล่มนั้น

“ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจ นี่คือดาบที่ผมตั้งใจหลอมให้คุณตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน รับไว้เถอะ มันเป็นของคุณ” ชายหนุ่มพูด

หลายสิบปีก่อน? จางเซวียนถึงกับงง

ปีนี้เราก็เพิ่งอายุ 20 ต้นๆ แถมยังใช้เวลาส่วนใหญ่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ถ้านับตามกระแสกาลเวลาของสรวงสวรรค์ เราก็เพิ่งอยู่มาได้เดือนกว่าๆเท่านั้นเอง…

แต่คุณบอกว่าคุณหลอมดาบนี้ให้ผมตั้งแต่เมื่อหลาย 10 ปีก่อน?

เห็นอีกฝ่ายตั้งใจมอบของกำนัลให้เขา จางเซวียนประสานมือและพูดว่า “ขอบคุณมาก!”

จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปเพื่อคว้าดาบสวรรค์สีเลือด

ทันทีที่มือของจางเซวียนสัมผัสดาบ ก็รู้สึกได้เลยว่ามันเป็นของเขา แรงกดดันน่าสะพรึงที่มันแผ่ออกมาเมื่อครู่หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ต่างอะไรเลยกับดาบทั่วไป

สิ่งแรกที่จางเซวียนสังเกตเห็นในดาบสวรรค์สีเลือดก็คือมันไม่มีน้ำหนักหรือจิตวิญญาณของดาบอยู่ในนั้น แถมยังน่าประหลาดตรงที่เขาถือมันไว้ได้อย่างสบายใจราวกับตัวดาบเป็นแขนข้างหนึ่งของเขาที่งอกออกมา

จางเซวียนรู้สึกว่าตัวเขาคงปลดปล่อยพลังทำลายล้างได้อย่างง่ายดายหากใช้ดาบเล่มนี้

ถ้าเขาใช้ดาบเล่มนี้สำแดงเวทนาสวรรค์ ต่อให้ใบหน้าขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิงหลงก็คงสู้เขาไม่ได้!

จางเซวียนแสนจะตื่นเต้น เขารีบโค้งคำนับอีกครั้งเพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณ และตอนนั้นเองที่พลันคิดอะไรได้บางอย่าง เขาเอ่ยถามด้วยแววตาที่เป็นประกายของความคาดหวัง “ขออภัยด้วยหากผมหยาบคาย แต่ผมมีความสนใจในศิลปะเพลงดาบมาก ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงล่ะก็ จะถือเป็นเกียรติสูงสุดทีเดียวหากผมได้เห็นศิลปะเพลงดาบของคุณ!”

จางเซวียนมั่นใจว่าความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของเขาจะล้ำลึกกว่านี้อีกมากหากได้เห็นเทคนิคของอีกฝ่าย

แทนที่จะให้คำตอบ ชายหนุ่มหันกลับมาและกระดิกนิ้ว

ฟึ่บ!

น้ำชาที่อยู่ในถ้วยชาบนโต๊ะม้าหินรวมตัวกันกลางอากาศ เกิดเป็นดาบเล่มหนึ่ง

“ใช้ศิลปะเพลงดาบของคุณโจมตีผม”

“ได้”

ด้วยการสะบัดข้อมือของจางเซวียน ดาบสวรรค์สีเลือดพุ่งแหวกอากาศออกไป ทำให้ทั่วทั้งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยกระแสดาบฉี

หัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปม!

ชายหนุ่มก้าวออกมาก้าวหนึ่งและไม่ได้สำแดงกระบวนท่าอะไรมากมาย เขาชูดาบที่ทำจากของเหลวในมือและจ้วงแทงออกไป

ในชั่วพริบตา จางเซวียนรู้สึกเหมือนถูกอสูรตัวหนึ่งตรึงกำลังไว้ ทำให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้ เขารู้ตัวทันทีว่าหากทำอะไรบุ่มบ่ามไป จะต้องถูกอีกฝ่ายเล่นงานจนยับเยินแน่

แม้ศิลปะเพลงดาบของชายหนุ่มจะแสนเรียบง่าย แต่จางเซวียนก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงแข็งกร้าวจากกระบวนท่านั้น มันคือเจตจำนงมุ่งมั่นที่พร้อมจะฉีกกระชากทุกอย่างที่ขวางทางให้พินาศ ราวกับว่าที่อีกฝ่ายถอยไม่ได้ก็เพราะมีญาติสนิทมิตรสหายรออยู่ข้างหลัง

“เอ่อ…”

จางเซวียนรู้ตัวว่าคงจนมุมแน่หากไม่เปลี่ยนแปลงกระบวนท่า จึงขยับดาบเพื่อสำแดงศิลปะเพลงดาบชนิดที่ 4

มันคือกระบวนท่าที่บรรจุแนวคิดของความปรารถนาและความหม่นหมองไว้

แต่ชายหนุ่มก็ไม่ถอย เขายังคงเดินหน้าโจมตีต่อไปด้วยพละกำลังอันน่าทึ่ง ราวกับดาบคมกริบเล่มหนึ่งที่พร้อมปะทะกับทุกอย่างที่ขวางทาง

กระแสดาบฉีที่รวมตัวกันถูกเฉือนเป็น 2 ส่วน ร่างของจางเซวียนกระแทกเข้ากับเสาหินที่อยู่ด้านหลัง

ซู่!

ดาบที่ทำจากน้ำชาสลายตัวกลายเป็นของเหลวที่พื้น

“ผมลดระดับวรยุทธลงมาให้เท่ากับคุณแล้ว, ราชันย์เทพเจ้าขั้นต้น” ชายหนุ่มเปรย

“ใช่ ผมรู้…” จางเซวียนพยักหน้าขณะกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน

จอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบไม่ได้ใช้วรยุทธเหนือชั้นของตัวเองเล่นงานจางเซวียน ทั้งยังปรับลดระดับวรยุทธลงมาเป็นราชันย์เทพเจ้าขั้นต้นเหมือนเขาด้วย แต่อีกฝ่ายก็เอาชนะจางเซวียนได้ด้วยทักษะที่มี ทั้งๆที่จางเซวียนก็ถือดาบสวรรค์สีเลือดไว้ในมือและกำลังแสดงศิลปะเพลงดาบเวทนาสวรรค์!

ที่วรยุทธระดับเดียวกัน ต่อให้มีอาวุธที่ทรงพลัง จางเซวียนก็เอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี!

นับตั้งแต่เขาเริ่มต้นฝึกฝนวรยุทธ ในบรรดานักรบที่มีวรยุทธระดับเดียวกัน เขาก็พ่ายแพ้ให้กับตัวโคลนเท่านั้น

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังขนาดนี้

“ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจความแตกต่างของทั้ง 2 แนวคิดนะ คุณจะตีความอย่างไรและปรับใช้ศิลปะเพลงดาบอย่างไรก็แล้วแต่คุณ” ชายหนุ่มพูดก่อนจะหันหลังกลับและจากไป

“ช้าก่อน!” จางเซวียนร้องเรียก

ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า

“ผู้อาวุโส ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ด้วยพละกำลังของคุณ คุณน่าจะรับมือได้แม้แต่กับจอมราชันย์พิชิตสวรรค์และจอมราชันย์หลินชี พอจะเป็นไปได้ไหมที่คุณจะยับยั้งการดวลระหว่างทั้งคู่?” จางเซวียนถาม

เขาไม่รู้ว่าจอมราชันย์คนอื่นทรงพลังแค่ไหน แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือผู้เชี่ยวชาญที่ไร้เทียมทานคนหนึ่ง จางเซวียนดูไม่ออกว่าชายหนุ่มจะมีตรงไหนที่อ่อนด้อยกว่าปรมาจารย์ขงกับหลัวลั่วชิง

หากเขาโน้มน้าวอีกฝ่ายให้ขัดขวางการดวลได้ ทุกอย่างก็คงลงตัว

ถึงโอกาสมีเพียงน้อยนิด แต่ก็ต้องลองสักตั้ง!

“ทุกคนมีชะตากรรมของตัวเองที่ต้องเดินไปตามนั้น ต่อให้จอมราชันย์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น การดวลของทั้งคู่ไม่อาจถูกยับยั้งได้ และจะต้องไม่มีใครยับยั้งมันด้วย นี่คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง” ชายหนุ่มตอบอย่างสุขุม

“ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งตายด้วยหรือ?” จางเซวียนถามอย่างสิ้นหวัง “แค่รู้ผลแพ้ชนะยังไม่พอหรือไง?”

“เราทำอะไรไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จากนั้นก็หันกลับไปและพูดว่า “ท่านพ่อท่านแม่ของคุณทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบได้ในระดับที่น่าพอใจนะ หลังจากที่พวกเขาสำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าแล้ว ส่งพวกเขาไปที่กระท่อมดาบด้วย ผมจะรับประกันความปลอดภัยของพวกเขาเอง”

เมื่อพูดจบ ร่างของชายหนุ่มกับผู้อาวุโสก็เริ่มเลือนรางก่อนจะหายวับไป

“ผู้อาวุโส…ผู้อาวุโส!” จางเซวียนร้องเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคงจากไปแล้วจริงๆ จางเซวียนได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

คำพูดที่ชายหนุ่มพูดไว้ก่อนจะจากไปทำให้เขาเกิดลางสังหรณ์เลวร้ายขึ้นมา

อีกฝ่ายพูดไว้ว่าระหว่างหลัวลั่วชิงกับปรมาจารย์ขง ต้องมีใครคนหนึ่งเสียชีวิตในการดวล ซึ่งหากผู้ทรงพลังอย่างเขายังยับยั้งทั้งคู่ไม่ได้ แล้วจางเซวียนจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อย่างไร?

ชะตากรรมแบบไหนที่รอคอยพวกเขาอยู่?

ทำไมอะไรๆต้องลงเอยแบบนี้?

หลัวลั่วชิงเป็นคนรักของเขา เขาดั้นด้นจากทวีปแห่งปรมาจารย์มาจนถึงสรวงสวรรค์ก็เพื่อตามหาเธอ

ส่วนปรมาจารย์ขงคือบุคคลที่เขายกย่องเชิดชูตั้งแต่เมื่อครั้งที่อยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ และคงไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะบอกว่าอีกฝ่ายได้ให้คำชี้แนะจนเขามาถึงจุดนี้ได้

ทั้งคู่ล้วนมีความสำคัญต่อเขา เขาไม่อาจทนเห็นทั้งสองคนเป็นอะไรไป

“ทุกคนมีชะตากรรมของตัวเองที่จะต้องเดินตาม…ถ้าอย่างนั้น ชะตากรรมคืออะไร?” จางเซวียนพึมพำด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

“เซวียนเอ๋อ…”ขณะที่จางเซวียนกำลังปั่นป่วน ก็พลันได้ยินท่านแม่ร้องเรียกด้วยความกังวล เขารีบสลัดตัวเองออกจากภวังค์ จากนั้นก็เงยหน้าและยิ้มให้ “ผมไม่เป็นไร…แล้ววรยุทธของท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ด้วยเทคนิควรยุทธและยาเม็ดที่ลูกให้มา ท่านพ่อกับแม่สำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงสุดแล้ว” เซียนดาบเหมิงตอบยิ้มๆขณะเปิดเผยพละกำลังของเธอ

“ทำไมรวดเร็วแบบนี้?” จางเซวียนกระพริบตาปริบๆด้วยความประหลาดใจ

เขาพอเข้าใจที่ท่านพ่อท่านแม่ยกระดับวรยุทธได้อย่างรวดเร็ว แต่การยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณควรจะยากกว่านี้ไม่ใช่หรือ? ที่ตัวเขายกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณได้รวดเร็วก็เพราะได้กระแสจิตปรารถนาจากการขายยาเม็ดเพิ่มความงามและยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ

แล้วท่านพ่อท่านแม่ของเขาทำได้แบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ซุนฉางซื้อสมุนไพรและยาเม็ดบางอย่างมาให้ ทำให้แม่กับพ่อยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว” เซียนดาบเหมิงอธิบาย

การขายยาเม็ดเพิ่มความงามกับยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธทำให้เงินจำนวนมากไหลเข้ากระเป๋าของพวกเขาทุกวัน อีกทั้งความมั่งคั่งและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากตระกูลฉี พวกเขาจึงหาซื้อยาเม็ดที่ช่วยยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณได้รวดเร็วมาได้อย่างง่ายดาย

ก็เพราะเหตุนี้ เซียนดาบชิงเหมิงจึงได้เป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงสุดภายในเวลาไม่นาน