ส่วนที่ 6 ภาคลมประจิมรุนแรง ตอนที่ 79 ร่วมกัน

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

หลายสำนักได้วิ่งลงจากเขาเพื่อตามหาศิษย์ที่ถูกโยนลงจากหน้าผา ทว่าคนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ พวกเขายังเต็มไปด้วยความตกใจจากสิ่งที่ได้เห็น เมื่อได้ยินบทสนทนาสั้นๆ ของสวีโหย่วหรงกับเฉินฉางเซิง พวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่

สีหน้าเซียงอ๋องเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดมากขึ้นตอนที่เขาคิด เฉินฉางเซิงเป็นอัจฉริยะในการใช้กระบี่อย่างแท้จริง เพียงสองวันก็สามารถเรียนเพลงกระบี่ประสานรวมของสถานศึกษาหนานซีได้ ดวงตาขุนพลเทพพยัคฆ์ขาวดูน่ากลัวมากขึ้นจิตสังหารฉายขึ้นในดวงตา ระดับความเข้าใจกระบี่ที่เฉินฉางเซิงแสดงออกมานั้นเพิ่มความต้องการของขุนพลเทพพยัคฆ์ขาวที่จะฆ่าเขาอย่างเห็นได้ชัด

ศิษย์สถานศึกษาหนานซีตกตะลึงยิ่งกว่าคิดอย่างละอายใจ ข้าฝึกเพลงกระบี่ประสานรวมมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ความเข้าใจของข้ายังด้อยกว่าพระองค์ที่เพิ่งทำความเข้าใจแค่สองวันเท่านั้น ไหวเหรินกับไหวซู่ก็ประหลาดใจอยู่บ้างในขณะที่ไหวปี้กรีดร้องอย่างไม่เชื่อ “มันไม่มีทางเป็นเพลงกระบี่ประสานรวม!”

เพลงกระบี่ประสานรวมเป็นวิชาลับของสถานศึกษาหนานซีเป็นรากฐานของค่ายกลกระบี่ มันเรียกร้องจากผู้ใช้สูงมาก นางยิ่มไม่เชื่อว่าเฉินฉางเซิงจะสามารถเรียนรู้วิชาลับของสถานศึกษาหนานซีในเวลาแค่สองวัน ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เป็นเพลงกระบี่ประสานรวม มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงพลังได้มากถึงกับต้านทานยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ได้

ทันใดนั้นลมบนที่ราบสูงก็ปั่นป่วน คลุมมันเอาไว้ด้วยทรายและกรวด เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังขึ้นอีกครั้ง

ไม่มีใครสังเกตว่าอู๋ฉยงปี้มาถึงเหนือสันหินและลงมือโจมตีเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงอีกครั้ง นางกลับลอบโจมตีโดยไม่สนฐานะของนาง!

ประกายกระบี่สองสายพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน ลำแสงโค้งสองสายที่บริสุทธิ์สะอาดลอยอยู่เหนือเทือกเขาพร้อมกับส่งเสียงหึ่งๆ ไม่รู้จบ

การประสานกระบี่ของเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงในตอนนี้เป็นธรรมชาติและไร้ขีดจำกัดยิ่งขึ้น เจตจำนงกระบี่มีความเชี่ยวชาญและยากหยั่งถึงมากขึ้น

อู๋ฉยงปี้ส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและไม่เต็มใจอีกครั้ง ไร้กำลังที่จะทำลายประกายกระบี่ทั้งสอง นางถูกบีบให้ตกลงสู่พื้น

เสียงดังโครม หลุมลึกประมาณครึ่งฉื่อปรากฏขึ้นบนที่ราบสูง

หลุมถูกล้อมไว้ด้วยรอยกระบี่ที่ตรงและเฉียบคมจำนวนมาก

เมฆเหนือที่ราบสูงถูกเจตจำนงกระบี่ที่พุ่งขึ้นตัดขาด ก้อนเมฆลอยอยู่ในอากาศ ดูเหมือนกับเป็นรอยกระบี่เช่นเดียวกัน

รอยกระบี่พวกนี้ล้วนเป็นซากที่เหลือของเจตจำนงกระบี่ การที่พวกมันสามารถมีรูปร่างในโลกได้แปลว่าเจตจำนงกระบี่นี้น่าเกรงขามอย่างยิ่ง

ยังคงเสมอกัน

อู๋ฉยงปี้คิดถึงการตายอย่างน่าอนาถของลูกชาย ใบหน้าของนางซีดขาว ความโกรธและเกลียดชังพุ่งถึงขีดสุด นางตะโกนใส่ท้องฟ้า “เจ้าไม่มีตาหรือไง!”

เฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงยืนเคียงข้างกัน สายตามองไปที่อีกฝ่ายและยิ้ม

ทั้งสองนึกถึงความรู้สึกยามที่กระบี่ประสานกัน พวกเขาไร้ความกังวล ใจของพวกเขาเปิดออก เป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดในชีวิตของทั้งสอง

พวกเขาใช้เพลงกระบี่ประสานรวมอย่างแท้จริง แต่ไม่ได้เรียบง่ายแค่นั้น ไหวปี้มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ แม้ว่าเพลงกระบี่ประสานรวมของสถานศึกษาหนานซีจะเพิ่มความแข็งแกร่งของวิชากระบี่ได้ มันก็ไม่อาจที่จะทำเรื่องสะท้านฟ้าสะเทือนดินแบบที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้

เฉินฉางเซิงรู้สึกว่ามีบางอย่างประหลาดเกี่ยวกับเพลงกระบี่ประสานรวมที่ศิษย์สถานศึกษาหนานซีสองคนใช้ตรงประตูภูเขาเมื่อวันก่อน เขาทำความเข้าใจอยู่บนปลายสุดของขอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์จนพอเข้าใจที่มาด้ และวันนี้เขาก็ได้หลักฐานพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตน เขาถอนหายใจ “ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะสามารถใช้ย้อนกลับได้”

สวีโหย่วหรงตอบ “ข้าแค่เบื่อและอยากลองดู ไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถผสานรวมกับข้าได้”

เฉินฉางเซิงตอบ “บางทีอันอาจเป็นเพราะข้าจำมันกลับหลัง”

สวีโหย่วหรงกล่าว “ข้าลืมไปแล้วจริงๆ”

เฉินฉางเซิงกล่าว “มันเสี่ยงจริงๆ”

สวีโหย่วหรงดัดแปลงเพลงกระบี่ประสานรวมไปอย่างใหญ่หลวง มันเสี่ยงมากและอาจเรียกได้ว่าเป็นการพนัน

ในการดัดแปลงเพลงกระบี่ประสานรวมนี้ผู้ใช้จำเป็นต้องมีความมั่นใจในตัวคู่หูอย่างที่สุด ใจของพวกเขาต้องเชื่อมโยงกัน ทำให้การรวมพลังเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า อีกด้านหนึ่งการสงสัยแม้เพียงน้อยนิดอาจไม่เพียงทำให้เพลงกระบี่ล้มเหลวแต่ก็ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในอันตรายอย่างร้ายแรง

ความเชื่อใจอย่างที่สมบูรณ์และการเชื่อมใจถึงกันไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่ในหมู่ศิษย์สถานศึกษาหนานซีที่ฝึกเพลงกระบี่ประสานรวมมาหลายปีและสามารถก่อตั้งค่ายกลกระบี่ได้ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ว่าตามเหตุผลแล้วคนที่มีฐานะอย่างเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์สวีโหย่วหรงไม่น่าทำเรื่องเสี่ยงแบบนี้ แต่เฉินฉางเซิงก็รู้ว่าหญิงสาวที่เขารักไม่ใช่เทพธิดาที่ศักดิ์สิทธิ์ไร้ข้อด่างพร้อยแบบที่คนทั่วไปคิดกัน นางเป็นหญิงสาวที่ชอบการพนันดังนั้นการทำเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องพื้นฐานของการใช้เพลงกระบี่ประสานรวม ยกตัวอย่างเช่นศิษย์สองคนที่ประตูภูเขาใช้เพลงกระบี่ประสานรวมเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการโจมตีของพวกนาง ทว่าพวกนางไม่อาจทำในสิ่งที่สวีโหย่วหรงกับเฉินฉางเซิงทำได้ เพราะการใช้เพลงกระบี่ประสานรวมนั้นเรียกร้องจากผู้ใช้งานสูงมากจริงๆ

การปรับเปลี่ยนที่สวีโหย่วหรงทำกับเพลงกระบี่ประสานรวมมีต้นกำเนิดมาจากประสบการณ์ในการฝึกดาบสองท่อนร่วมกับเฉินฉางเซิงในสวนโจว

ในตอนนั้นนางเริ่มจำวิชาดาบสองท่านจากต้นในขณะที่เฉินฉางเซิงเริ่มจากปลาย ท่องไปจนกระทั่งพวกเขามาพบกันตรงกลาง

นางใช้ทุกสิ่งที่นางเรียนรู้เข้าใจไปกับการปรับเปลี่ยนเพลงกระบี่ประสานรวม

หนึ่งปีต่อมานางก็นัดพบเฉินฉางเซิงในสุสานเทียนซู ที่พวกเขาคิด ปรึกษาและทำความเข้าใจตรงหน้ากระท่อม

นางก็ใช้ทุกอย่างที่ได้เรียนรู้มากับการปรับเปลี่ยนเพลงกระบี่ประสานรวมเช่นกัน

นี่เป็นการกลั่นความรู้ของอัจฉริยะในการบำเพ็ญเพียรที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น มันยังเป็นการรำลึกถึงอดีต ความคิดถึงที่มีต่ออีกฝ่าย

ใจเฉินฉางเซิงเชื่อมโยงกับใจนาง พวกเขามีความเชื่อใจในกันและกันอย่างที่สุด

เขาเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์พวกนั้น เรียนรู้วิชาดาบสองท่อนและแบ่งปันความเข้าใจในแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์

ความรู้ความเข้าใจเหล่านั้นเป็นเรื่องที่พวกเขาทั้งคู่มีร่วมกัน เขาเดาได้อย่างแม่นยำว่านางคิดอะไรอยู่และลงมือประสานไปกับนาง

การเรียนเพลงกระบี่นี้ ก่อนอื่นต้องเรียนเพลงกระบี่ประสานรวม จากนั้นก็ทำความเข้าใจแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ร่วมกัน สุดท้ายก็ต้องเรียนรู้เพลงดาบสองท่อน

พื้นฐานของเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือความไว้วางใจอย่างที่สุด

หากมองไปทั่วโลก มองย้อนไปพันปี คนที่สามารถทำตามเงื่อนไขทั้งหมดนี้ได้มีแค่เฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรง

ดังนั้นมีแต่เขากับนางที่มีความสามารถใช้เพลงกระบี่นี้

เหมือนอย่างเช่นแม้ว่ามีคนมากมายบนที่ราบสูงนี้ พวกเขาก็มีแค่กันและกันในสายตา

คนพวกนั้นล้วนจ้องมองพวกเขา

สายลมอ่อนโยนพัดมา เฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงยืนเคียงข้างกัน สีหน้าสุขุม ดวงตากระจ่างใส เสื้อผ้าพลิ้วไหวตามสายลม พวกเขาดูไร้ซึ่งมลทิน

พวกเขาเป็นคู่รักที่งดงามอย่างแท้จริง

พวกเขาคู่ควรกับคำว่าคู่สวรรค์สร้าง

……

……

เสียงหนึ่งดังขึ้นบนที่ราบสูง

“คัมภีร์เต๋าบันทึกวิชาที่สองกระบี่ประสานรวมกัน บรรยายมันด้วยคำพูดที่ลึกลับที่สุด แต่เวลานับพันปีมานี้ไม่มีใครเคยได้เห็น ได้เห็นมันวันนี้นับว่าเลิศล้ำหาใดเปรียบจริงๆ”

เปี๋ยยั่งหงกล่าวต่อ “เรียกได้ว่าพวกเจ้านั้นเป็นคู่สวรรค์สร้างอย่างแท้จริง”

คนมากมายที่เห็นด้วยกับคำพูดนี้อย่างยิ่ง ‘คู่สวรรค์สร้าง’ ดูเหมือนจะมีไว้เพื่อบรรยายเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงโดยเฉพาะ

คนหนึ่งเป็นสังฆราช อีกคนเป็นเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนใต้ ทั้งสองเคยมีสัญญาหมั้นหมาย ผ่านเหตุการณ์นับไม่ถ้วนพวกเขาก็จบลงด้วยการรักกันและกัน ทั้งคู่ต่างเป็นอัจฉริยะในการบำเพ็ญเพียร บรรลุขั้นรวบรวมดวงดาวตั้งแต่ยังเยาว์ ตอนนี้เมื่อกระบี่ของพวกเขาประสานรวมกันก็สามารถที่จะต้านทานยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ได้

ในทุกแง่มุม เฉินฉางเซิงกับถังซานสือลิ่วเป็นคู่ที่เหมาะกับคำว่า ‘คู่สวรรค์สร้าง’ ที่สุด

โก่วหานสือ ไป๋ไช่และศิษย์สำนักกระบี่หลีซานคนอื่นยังตกใจกับเพลงกระบี่ที่เฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงใช้ เมื่อได้ยินประโยคนี้ พวกเขาก็อดรู้สึกเป็นอื่นไม่ได้

ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขาจะคิดอย่างไรหากมาเห็นภาพนี้ ได้ยินคำพูดนี้

“ปกติแล้วข้าคงชื่นชมอย่างมากหลังจากได้เห็นเพลงกระบี่ที่ยอดเยี่ยมล้ำลึกเช่นนี้ ถึงกับต้องดื่มสามถ้วยเพื่อให้สมใจ แต่ทว่าไม่ใช่วันนี้”

เปี๋ยยั่งหงหยุดแล้วกล่าวต่อ “แม้ว่าลูกชายของข้าจะไร้ค่าและไม่เที่ยงธรรม ข้าก็ยังเป็นบิดาเขา ดังนั้นข้าก็จำเป็นต้องทำบางอย่างเพื่อเขา”