สวีโหย่วหรงได้คำนวณผ่านถาดดาวโชคชะตาแล้วว่ามีบางอย่างผิดไป และหลังจากได้ฟังเฉินฉางเซิงเล่า นางก็ตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างรวดเร็ว นางย่อมเชื่อคำพูดของเฉินฉางเซิง แต่ตอนที่นางกำลังจะพูดออกมา นางก็พลันสังเกตเห็นความอ่อนล้าบนใบหน้าของเปี๋ยยั่งหงและเส้นผมขาวของเขา นางจึงไม่พูดออกมา
ความเจ็บปวดในการเสียลูกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจทนรับได้ที่สุดในโลก
เปี๋ยยั่งหงเดินไปหาอู๋ฉยงปี้และตบไหล่นางอย่างอ่อนโยน “พักผ่อนก่อนเถอะ”
อู๋ฉยงปี้ล้มเหลวในการฆ่าเฉินฉางเซิง ไร้ความสามารถที่จะเอาชนะเขากับสวีโหย่วหรงได้ ทำให้นางโมโหและไม่ยินยอม อารมณ์หงุดหงิดอย่างถึงที่สุด ตอนที่นางได้ยินคำพูดนี้ นางก็รู้สึกปวดร้าวและไม่เป็นธรรม นางร้องไห้และกรีดร้อง “เจ้าก้าวออกมาจนได้นะ!”
คำพูดของนางไม่ผิด ด้วยความแข็งแกร่งของเปี๋ยยั่งหง หากเขาโจมตีเต็มกำลังตั้งแต่แรกต่อให้ดาบเหล็กนั่นก็ไม่อาจที่จะหยุดพวกเขาสองคนจากการฆ่าเฉินฉางเซิงได้ อย่าว่าแต่สวีโหย่วหรงกับพวกเด็กสาวจากสถานศึกษาหนานซี
ตอนนี้ เขาก้าวออกมาในที่สุด
ในแปดมรสุมก่อนหน้านี้ เปี๋ยยั่งหงเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแง่ของกำลังต่อสู้ แม้แต่จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ก็ยังชื่นชมเขาอย่างมาก
ด้วยการโจมตีของยอดฝีมือที่แท้จริงแห่งต้าลู่ แล้วเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงจะต้านทานได้อย่างไร
“หากข้าให้เวลาเจ้าอีกสองวัน ไม่ บางทีเพียงไม่กี่รอบ พวกเจ้าสองคนอาจจะผสานรวมกระบี่ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เหลือช่องว่างอีกเลย ไม่ว่าข้าหรือใครก็ไม่อาจที่จะจัดการกับพวกเจ้าสองคนได้ ดังนั้นข้าจึงต้องขอโทษด้วย ข้าไม่อาจให้โอกาสพวกเจ้าได้”
เปี๋ยยั่งหงมองไปที่เฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงและกล่าว “ข้าจะตัดพวกเจ้าออกจากกันในกระบวนท่าเดียวแล้วก็จะล้มเจ้า”
ตอนที่คำพูดออกจากปาก เขาก็ลงมือโจมตีเฉินฉางเซิงแล้ว
ดอกไม้แดงผูกอยู่กับนิ้วก้อยที่มือขวา
ทั่วทั้งต้าลู่รู้ว่าดอกไม้แดงนี้เป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของเปี๋ยยั่งหงและยังเป็นหัวใจของการบำเพ็ญเพียรของเขา
ที่ตีนเขาสุสานเทียนซู หมัดของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ทำให้มรสุมตะลึงงัน แค่หมัดเดียวนางก็ฆ่ากวนซิงเค่อได้ แต่ว่าดอกไม้สีแดงเล็กๆ ของเปี๋ยยั่งหงก็รับอีกหมัดหนึ่งเอาไว้ได้อย่างเต็มกลืน
ตอนที่เปี๋ยยั่งหงโจมตี ดอกไม้สีแดงนี้ก็ลอยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและอยู่ตรงหน้านิ้วเขา รักษาระยะห่างเอาไว้ประมาณครึ่งฉื่อ
ดอกไม้สีแดงถึงตัวเฉินฉางเซิงเร็วกว่ามือของเปี๋ยยั่งหง
เฉินฉางเซิงมองเห็นหยดน้ำเป็นประกายอยู่บนกลีบดอก
ไม่มีเวลาให้คิด เขาแทงกระบี่ไร้ราคีออกไป เมื่อมันกรีดผ่านอากาศเงียบๆ มันก็ทิ้งลำแสงเจิดจ้าอยู่บนที่ราบสูง
ครั้งนี้เขาใช้เพลงกระบี่รอบรู้ เขาใช้แง่มุมที่แปลกประหลาดเพื่อหลบหลีกดอกไม้แดง เป้าหมายปลายทางก็คือคิ้วของเปี๋ยยั่งหง
ในเวลาเดียวกัน กระบี่จำศีลของสวีโหย่วหรงก็ฟันผ่านอากาศมา เงียบเชียบแผ่วเบา มันสั่นไหวในสายลม ดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด
นางใช้เพลงกระบี่เรือนน้อย ว่ากันว่าเมื่อหลายปีก่อนผู้อาวุโสสถานศึกษาหนานซีอาศัยอยู่ในเรือนสันโดดตอนบนของลำธารฮวาซีเป็นคนสร้างเพลงกระบี่นี้ขึ้นหลังจากดูดอกเหมยฤดูหนาวเบ่งบานเงียบๆ วันหนึ่งในฤดูหนาว เพลงกระบี่นี้เอาชัยด้วยความพลิกแพลง มันดูเปราะบางแต่อันที่จริงแล้วแข็งแกร่งมาก
เพลงกระบี่รอบรู้กับเพลงกระบี่เรือนน้อยไม่มีความเกี่ยวข้องกันและเจตจำนงกระบี่ก็ไม่มีลักษณะร่วมกัน แต่เหมือนกับครั้งก่อน ตอนที่กระบวนท่าของเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงปรากฏขึ้นพร้อมกันบนที่ราบสูง พวกมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกลับ ผสานรวมเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์ไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย
เปี๋ยยั่งหงได้สังเกตดูทั้งคู่ประมือกับอู๋ฉยงปี้และเข้าใจว่านี่เป็นการประสานกระบี่อิงจากเพลงกระบี่ประสานรวมของสถานศึกษาหนานซี อย่างไรก็ตาม เขายังไม่อาจเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ว่าการประสานรวมเพลงกระบี่นี้จะทำให้เพลงกระบี่และเจตจำนงกระบี่ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงผสานรวมกันและเพิ่มกำลังขั้นอย่างฉับพลันได้อย่างไร
เมื่อเผชิญหน้ากับประกายกระบี่เจิดจ้าและกระบี่ที่เปราะบาง ตอนที่อยู่ใต้อำนาจของมันนี้เองที่เขาสามารถรับรู้หลักการของมันได้รางๆ
ความรู้สึกสูงส่งที่ยากบรรยายนี้ไม่ใช่เพลงกระบี่หรือกระบวนท่า แต่เป็นวิถีกระบี่ที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิง เป็นวิธีตรงไปตรงมายิ่งกว่า
วิธีนี้เป็นวิธีที่ชาญฉลาดและทรงพลังหาใดเปรียบ เฉกเช่นห่าฝนเหนือท้องทะเล และยังเหมือนกับอินทรีย์ที่มองลงไปบนพื้นที่เต็มไปด้วยลาวา มันโหดเหี้ยมถึงขีดสุดและเปี่ยมไปด้วยอันตราย ตอนที่มันถูกใช้ออกมาก็ดูราวกับว่าจะตัดได้ทุกสิ่งในโลก ตัดการเชื่อมโยงทั้งมวล
แต่เฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงดูเหมือนจะใช้วิธีนี้ย้อนกลับ!
ห่าฝนสาดลงบนลาวา หมอกร้อนชุ่มชื้นค่อยๆ เปลี่ยนสภาพเป็นน้ำที่กระจ่างใส หุบเขาถูกเติมเต็มกลายเป็นทะเลสาบสีน้ำเงิน ต้นไม้สีเขียวนับไม่ถ้วนงอกงามอยู่ริมทะเลสาบ เปี่ยมไปด้วยชีวิต!
ในมือของพวกเขา วิธีซึ่งใช้ในการตัดความเชื่อมโยงทั้งมวลในโลกกลายเป็นวิธีซึ่งใช้เชื่อมต่อทุกสิ่งในโลก!
เปี๋ยยั่งหงไม่อาจคิดนึกหาวิชาเต๋าของยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ พระราชวังหลีหรือศาลาหวันโสวที่จะเหมือนกับวิธีนี้ ไม่อาจนึกได้ว่ามีบันทึกใดเขียนถึงสิ่งแบบนี้
ในโลกปัจจุบันนี้ นอกจากเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงเองแล้ว มีแต่หวังผ้อกับหวังจื่อเช่อหากว่าเขาปรากฏตัวขึ้นในสังคมอีกครั้งที่จะรู้วิธีนี้ได้
แต่เมื่อเปี๋ยยั่งหงต้องการจะทำลายเพลงกระบี่ของสวีโหย่วหรงกับเฉินฉางเซิง เขาไม่จำเป็นต้องเข้าใจแค่ทำลายมันก็พอ
ต่อให้เขาไม่อาจเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์ เขาก็สามารถใช้การบำเพ็ญเพียรที่สูงกว่าและปราณแท้ที่มากมายบดขยี้เพลงกระบี่นี้
ดอกไม้แดงที่ดูเปราะบางลอยสู่ท้องฟ้าที่มีเงากระบี่
ทันใดนั้นดอกไม้ก็ดูเหมือนหนักอึ้งขึ้นมา มันคืบหน้าช้าลงอย่างมาก
แม้แต่มิติก็ยังบิดผันด้วยน้ำหนักของดอกไม้แดง ทรายและหินม้วนขึ้นในขณะที่สายลมส่งเสียงโหยหวน
เงาร่างกระบี่ช้าลงไปชั่วขณะ พลังกระบี่ยังคงยิ่งใหญ่ราวกับภูเขามหึมา แต่ก็ไม่สมบูรณ์แบบอีกต่อไป เทือกเขาที่ไม่ขาดตอนกลายเป็นภูเขาเขียวสองลูกที่มีโกรกธารคั่นกลาง มีช่องว่างระหว่างพวกมัน เป็นเส้นทาง
ช่องว่างนี้คงอยู่แค่พริบตาเดียวเท่านั้น ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นคงไม่อาจที่จะใช้ประโยชน์ได้ต่อให้มองเห็นมันก็ตาม
แต่เปี๋ยยั่งหงเป็นสุดยอดฝีมือในการบำเพ็ญเพียร และนอกจากนี้ ช่องว่างระหว่างพลังกระบี่นี้เป็นผลจากการกระทำของเขาเอง
ดอกไม้สีแดงที่เชื่องช้าพลันพุ่งไปข้างหน้า ส่องแสงสีแดงเข้ม ปะทะกับใบหน้าของเฉินฉางเซิง
หากเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงยังใช้เพลงกระบี่ต่อไป ต่อให้พวกเขาทำให้พลังกระบี่มั่นคงอีกครั้ง ก็ไม่อาจป้องกันดอกไม้สีแดงนี้ได้
เฉินฉางเซิงทิ้งเพลงกระบี่รอบรู้อย่างไม่สะทกสะท้านและแทบจะในทันทีก็ดึงกระบี่กลับมาที่เบื้องหน้าสายตา
เขาไม่ได้ใช้เพลงกระบี่โง่งม แต่ใช้การสั่นพ้องของกระบี่ในยามที่มันตัดผ่านอากาศ
เสียงครืนๆ ของกระบี่ชัดเจนแจ่มแจ้งจนดูเหมือนว่าเป็นของมีคมในยามที่มันสะท้อนไปทั่วที่ราบสูง
มันเป็นเพลงกระบี่เดียวกับที่เขาใช้รับมือสวีโหย่วหรงบนสะพานหน่ายเหอในจิงตู เสียงสวรรค์โรย!
ในขณะเดียวกันกับที่เฉินฉางเซิงดึงกระบี่กลับไป สวีโหย่วหรงก็ลงมือประสานกัน สลายเพลงกระบี่เรือนน้อยและแทงกระบี่จำศีลขึ้นสู่ท้องฟ้า
นางไม่มีเวลาจะดึงกระบี่กลับเข้าฝัก ดังนั้นนางจึงทำเหมือนฟ้าดินเป็นฝักกระบี่ การกระทำนี้ของนางก็คือการเก็บกระบี่
การเก็บกระบี่ของนางดูเหมือนจะแบ่งออกเป็นภาพนับไม่ถ้วนจากนั้นก็กลับมารวมกัน
ปราณแท้ที่ติดอยู่กับกระบี่ของนางปะทะและบดกับอากาศ ทำให้เกิดเสียงกระบี่ดังครืนๆ
เมื่อเสียงกระบี่มารวมกัน ก็กลายเป็นเสียงกระบี่คำราม
นี่เป็นกระบี่แรกที่นางใช้โจมตีตอนอยู่บนสะพานหน่ายเหอ เสียงกระบี่คำรามแห่งทะเลใต้!