ในพายุหิมะบนสะพานหน่ายเหอ เพลงกระบี่เสียงกระบี่คำรามแห่งทะเลใต้ของสวีโหย่วหรงกับเพลงกระบี่เสียงสวรรค์โรยของเฉินฉางเซิงเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ทว่าวันนี้ทั้งคู่เป็นพวกเดียวกัน
และเพลงกระบี่ทั้งสองก็มีต้นกำเนิดจากสถานศึกษาหนานซี จึงมีความใกล้ชิดกันแต่กำเนิด
เสียงกระบี่คำรามและเสียงร้องของกระบี่ดังประสานกัน ทอดตัวเปลี่ยนแปลงกลายเป็นแหลมสูงจนถึงขีดสุดแล้วจากนั้นก็ไม่อาจได้ยินอีก
ไม่อาจได้ยินไม่ได้หมายความว่าไม่มีเสียง กระบี่คู่แค่สั่นด้วยความถี่สูงจนคนทั่วไปไม่อาจได้ยิน
คนไม่อาจได้ยินแต่ดอกไม้สัมผัสได้
การโจมตีของคลื่นเสียงที่ไร้เสียงทำให้ดอกไม้แดงชะงักไปในทันที จากนั้นก็เริ่มสั่นไหวราวกับอยู่กลางสายลม
กลีบดอกไม้เริ่มพร่ามัวยามที่มันสั่นด้วยความเร็วสูงในขณะที่หยดน้ำเป็นประกายสั่นกระจายเป็นหยดน้ำเล็กๆ ลอยไปทุกทิศทาง
หยดน้ำดูเหมือนอ่อนนุ่มยืดหยุ่น ทว่าอันที่จริงบรรจุไว้ด้วยพลังปราณแท้ของเปี๋ยยั่งหง เจตจำนงกระบี่น่าหวาดกลัวของเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงหมดแรงลงอย่างรวดเร็ว พลังของหยดน้ำไม่ด้อยไปกว่าลูกศรอันรวดเร็วแม้แต่น้อย
ที่ราบสูงสะท้อนเสียงแหลมสูงและแสงไฟสว่างวาบ พื้นดินแข็งและก้อนหินเกิดรูเล็กๆ ถี่ยิบขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฝูงชนพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นภาพนี้ ใบหน้าซีดลงด้วยความตกใจ ต่างก็จินตนาการไปถึงสภาพน่าอนาถของตนหากพวกเขาเป็นฝ่ายที่เข้าต่อสู้ในครั้งนี้
……
……
ดอกไม้แดงลอยอยู่ในอากาศ ยังคงเปราะบางแต่เมื่อเสียหยดน้ำไปทำให้มันดูเหี่ยวแห้งโรยรากว่าเดิม อย่างไรก็ตาม มันยังห่างจากการสลายหายไป
ไม่ว่าจะเป็นเสียงกระบี่คำรามหรือกระบี่ร้อง พวกมันก็ต้องหยุดลงในที่สุด
ในตอนนั้นเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงจะใช้อะไรต้านทานการโจมตีอันทรงพลังของเปี๋ยยั่งหงได้
เฉินฉางเซิงรู้ว่าเขาไม่อาจปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไป เขาใช้ดวงจิตกระทุ้งก้อนหินพุ่งออกจากแขนเสื้อเข้าหาดอกไม้นั่น
มันไม่ใช่แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ในรูปแบบของลูกปัดหิน หากแต่เป็นวัตถุที่ใกล้เคียงกับแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์อย่ามาก หินสวรรค์สีขาว
หินสวรรค์สีขาวนี้เรียบลื่นอย่างมาก เปี่ยมไปด้วยค่ายกลที่วาดขึ้นด้วยทองคำดำ เป็นวัตถุที่งดงามสะดุดตา เป็นสมบัติของนิกายหลวง ศิลาดาวตก!
ด้วยระดับการบำเพ็ญเพียรของเฉินฉางเซิงในปัจจุบัน เขาห่างจากความสามารถที่จะแสดงพลังที่แท้จริงของแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้ศิลาดาวตกแทน
จากความเข้าใจของเขา ศิลาดาวตกเป็นตัวเลือกที่ดีในการรับมือกับดอกไม้แดง
พลังจากยุคบรรพกาลปกคลุมที่ราบสูงในยามที่ศิลาดาวตกปรากฏขึ้น
ลมเย็นเริ่มไหลเข้าสู่ศิลาดาวตกในขณะที่เศษหินบนพื้นที่เพิ่งหยุดกลิ้งก็เริ่มกลิ้งอีกครั้งหนึ่ง
แม้แต่กฎของฟ้าดินโดยรอบก็เริ่มบิดผัน เหมือนกับที่ดอกไม้แดงเคยทำเมื่อไม่นานมานี้
หลุมดำไร้ก้นเกิดขึ้นบนอากาศและเริ่มขยายตัวออก
ศิลาดาวตกลอยขึ้น แผ่แสงอ่อนจางออกมา ดูราวกับดวงดาว
ดังที่คาดไว้ ดอกไม้แดงหยุดเคลื่อนไปด้านหน้า มันหยุดอยู่ที่รอบนอก ดูเหมือนถูกศิลาดาวตกต้านเอาไว้
หากเฉินฉางเซิงต้องการจากไป เขาแค่ต้องรอสักครู่แล้วใช้ทางที่เปิดขึ้นโดยศิลาดาวตกหายตัวไปไกลหลายร้อยลี้
แต่เขาไม่ตั้งใจที่จะหนีไป ในเวลาเดียวกันเปี๋ยยั่งหงก็ไม่เปิดโอกาสให้กับเขา
หมัดข้างหนึ่งลอยผ่านอากาศมา
ด้ายบนนิ้วก้อยตึงดูราวกับสร้างขึ้นจากเหล็ก
ดอกไม้แดงลอยไปด้านหน้า
ด้ายลอยผ่านวังวนสีดำที่ก่อขึ้นจากศิลาดาวตก
เสียงดังผึง ด้ายก็ขาดออก
ด้ายนี้มัดอยู่ที่นิ้วก้อยของเปี๋ยยั่งหงมานานหลายต่อหลายปี มันไม่ขาดแม้แต่ในการยึดอำนาจที่สุสานเทียนซู ดังนั้นมันย่อมไม่ใช่วัตถุธรรมดาทั่วไป
ในตอนนี้มันขาดในที่สุด ไม่อาจต้านทานการบิดผันของมิติได้
แต่วังวนสีดำที่สร้างขึ้นจากศิลาดาวตกก็ถูกด้ายประหลาดตัดขาดเช่นกัน จากนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
หมัดของเปี๋ยยั่งหงตอนนี้อยู่ตรงหน้าดอกไม้แดง ลอยผ่านซากที่เหลือของวังวนสีดำพุ่งเข้าหาเฉินฉางเซิง!
นี่เป็นหมัดแบบใดกัน มันมีพลังอันน่าหวาดกลัวจนสามารถทำลายม่านพลังที่สร้างขึ้นโดยของวิเศษนิกายหลวงได้!
เสียงหงส์ร้องดังขึ้นและเงาสีเขียวของต้นไม้ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ชุดสีขาวของนางกระพือไหว สวีโหย่วหรงกำธนูและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นวังถง
แต่หมัดของเปี๋ยยั่งหงนั้นเร็วเกินไป ก่อนวังถงจะก่อตัวเสร็จ มันก็ถูกซัดกระจายเป็นชิ้นๆ!
เลือดไหลออกมาจากมุมปากสวีโหย่วหรงเป็นทาง บ่งบอกว่านางได้รับบาดเจ็บ
สีหน้าเปี๋ยยั่งหงไม่เปลี่ยนไป หมัดยังคงพุ่งตรงต่อไป!
เมื่อเห็นหมัดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เฉินฉางเซิงก็นึกถึงคืนนั้นในสุสานเทียนซู
คืนนั้นเปี๋ยยั่งหงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากหมัดของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่
ตอนนี้เองที่เขาตระหนักได้ว่าเปี๋ยยั่งหงที่บาดเจ็บสาหัสกลับได้เรียนรู้บางอย่าง เขาไม่ได้ใส่ใจสิงภายนอกอีกต่อไป แต่กลับเรียนรู้ที่จะซ่อนฟ้าดินเอาไว้ในร่าง!
หมัดของเปี๋ยยั่งหงคล้ายคลึงกับหมัดนั้นของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่อยู่บ้าง!
เทียบกับในคืนนั้น เขามีระดับสูงขึ้น ทั้งในแง่ของการบำเพ็ญเพียรและพลังต่อสู้!
เขาเป็นยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีก จะรับมือเขาได้อย่างไรกัน
เปี๋ยยั่งหงพูดถูกแล้ว แม้ว่าทั้งเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงจะมีพรสวรรค์น่าทึ่ง มันก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาประสานกระบี่กัน มันย่อมไม่อาจใช้ออกอย่างสมบูรณ์แบบ
ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นการประสานกระบี่ ของวิเศษนิกายหลวงหรือสวีโหย่วหรงก็ไม่อาจที่จะช่วยเฉินฉางเซิงได้
เขาได้แต่อาศัยความแข็งแกร่งของตัวเองรับหมัดของเปี๋ยยั่งหง
เขาจะทำได้อย่างไร
เฉินฉางเซิงใช้หมัดตัวเอง
เมื่อครู่ที่ผ่านมา เขาดึงกระบี่กลับ เกิดเสียงร้องของเพลงกระบี่เสียงสวรรค์โรย
ในตอนนี้ เขาถือกระบี่แนวขวางเปลี่ยนเป็นเพลงกระบี่โง่งม
จากนั้นก็กำหมัดซ้าย ต่อยใส่หมัดของเปี๋ยยั่งหง
หมัดส่งเสียงหวีดหวิวผ่านอากาศ ลูกปัดหินห้าเม็ดบนข้อมือสั่นอย่างต่อเนื่องราวกับมีน้ำหนักมหาศาล
เสียงดังจนยากที่จะบรรยายได้ดังออกมาจากที่รอบสูงได้ยินไปไกลหลายลี้
ชาวประมงบนเรือเหนือแม่น้ำถงเจียงที่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นก็หน้าซีดและคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาวนาว่าสายฟ้าจะอยู่ห่างไกลเข้าไว้
การเคลื่อนไหวบนที่ราบสูงย่อมรุนแรงยิ่งกว่า
การปะทะของพลังหนักหน่วงสองสายทำให้พื้นดินยุบลงเกือบหนึ่งฉื่อ ปราณรูปครึ่งวงกลมปรากฏขึ้นและแตกออกแทบในทันที แผ่คลื่นพลังปราณออกมานับไม่ถ้วน
สายลมโหยหวนและผู้บำเพ็ญเพียรใกล้เคียงก็ตกอยู่ในคลื่นพลังปราณ ไม่ว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวรวดเร็วเพียงใด ก็ล้วนถูกส่งกระแทกพับพื้นดิน
ในคลื่นพลังปราณสามารถเห็นร่างหนึ่งถอยไปอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปหลายร้อยจั้ง มันก็กระแทกเข้ากับใจกลางที่ราบสูง
ร่องลึกปรากฏขึ้นบนที่ราบสูง ดูเหมือนกับว่ามันถูกไถขึ้น
เฉินฉางเซิงยืนอยู่ที่ปลายของรอยไถ ใบหน้าซีดขาว สีหน้ามึนงงเล็กน้อย เขาน่าจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
เมื่อฝุ่นเริ่มจางลง เปี๋ยยั่งหงดึงหมัดกลับไป ตอนที่เขากำลังจะพุ่งไป เขาก็หยุดลง โบกมือขวาปัดลูกศรที่ดูเหมือนจะโผล่มาจากไหนไม่รู้
สวีโหย่วหรงสวมชุดสีขาวถือธนูถงไว้ในมือ ผมสีดำพลิ้วไหวตามสายลม ลูกธนูถงสิบกว่าดอกลอยอยู่กลางอากาศ เตรียมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ
นี่เป็นครั้งแรกที่คนมากมายเห็นสวีโหย่วหรงเช่นนี้
มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่านี่คือกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของสวีโหย่วหรง
หากเปี๋ยยั่งหงไล่ล่าเฉินฉางเซิงต่อไป เขาย่อมเผยแผ่นหลังให้กับธนูถงที่โถมมาราวกับสายฟ้าถล่ม
แม้ว่าเขาจะเป็นยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ยังต้องคำนวณว่ามันคุ้มหรือไม่