บทที่ 1018 วันพิพากษา

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,018 วันพิพากษา

แอปเว่ยป๋อมีไว้ใช้ตรวจสอบพลังศรัทธาของตนเอง

ผู้ติดตามในแอปเว่ยป๋อก็คือสาวกของเขา

ยิ่งมีผู้ติดตามมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีพลังศรัทธาเยอะเท่านั้น

ยิ่งมีพลังศรัทธาเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีพลังศักดิ์สิทธิ์เยอะตามเช่นกัน

หลินเป่ยเฉินสามารถสื่อสารกับสาวกของตนเองผ่านทางแอปเว่ยป๋อ

ไม่ว่าจะเป็นไปด้วยวิธีใดก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาโพสต์ลงไปในแอปเว่ยป๋อ สาวกของเขาทุกคนล้วนสามารถรับรู้และมองเห็นได้

ซ้ำยังคอมเมนต์และกดแชร์โพสต์ได้อีกต่างหาก

ดังนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่ประเสริฐสุดแล้ว

ในช่องคอมเมนต์ของเขา หลินเป่ยเฉินพบว่าผู้ที่ขยันทิ้งข้อความเอาไว้มากที่สุดก็คือเฉียนเหมย แต่ลำดับที่สองและลำดับที่สามนั้นต่างก็เป็นคนสนิทของเขาด้วยกันทั้งคู่ เพราะคนทั้งคู่นั้นก็คือเฉียนเจินกับเซียวปิง ตามมาด้วยฉุยหมิงโหลว เยว่หงเซียง…

ทุกคนล้วนเป็นคนสนิทของเขาทั้งสิ้น

หลินเป่ยเฉินกดเข้าไปในช่องค้นหารายชื่อผู้ติดตามและพิมพ์ชื่อของ ‘หลิวฉีไห่’ ‘พานเว่ยหมิน’ รวมถึงคณะอาจารย์คนอื่น ๆ

แน่นอนว่าพวกเขาย่อมเป็นผู้ติดตามของหลินเป่ยเฉิน

ต่อจากนั้น เด็กหนุ่มจึงได้ค้นหารายชื่อสหายที่เคยร่วมสถานศึกษากระบี่ที่สามแห่งเมืองหยุนเมิ่ง เช่น ‘โจวฉุยหวูซวง’ ‘หวังซินอวี่’ และ ‘มี่หรู่หยาน’

หลินเป่ยเฉินก็พบชื่อของพวกนางเช่นกัน

ต่อมา เขาลองค้นหาชื่อของ ‘อานมู่ซี’ ‘ฉุยเฮาเฟิง’ ‘หลินฮุน’ และสมาชิกคนสำคัญในค่ายผู้อพยพ ซึ่งหลินเป่ยเฉินก็พบเจอชื่อของคนเหล่านั้นอย่างไม่ผิดหวัง

เช่นเดียวกับรายชื่อของคนรู้จักทุกคนในเมืองหยุนเมิ่งและนครเจาฮุย ไม่ว่าจะเป็นเหลียวหยงจง หยางต้าซาน คนแซ่หลี่ เหล่าหวัง เหล่าหลิว ทุก ๆ คนล้วนมีรายชื่ออยู่ในกลุ่มผู้ติดตามของหลินเป่ยเฉินครบถ้วน

เด็กหนุ่มลองค้นหารายชื่อของท่านป้านักพรตใหญ่หลงเยว่

ปรากฏว่า… ไม่มี

หลังจากนั้น เขาก็ลองค้นหาชื่อของนักพรตหญิงชิน

และผลลัพธ์ก็คือไม่มีเช่นกัน

หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย ก็ลองพิมพ์ชื่อของหลี่เซวียฉิน ผู้เป็นองค์จักรพรรดิของจักรวรรดิเป่ยไห่…

คำตอบคือไม่มี

“สรุปว่า… เก้าในสิบของผู้ติดตามห้าล้านกว่าคนของเรา ล้วนแต่เป็นชาวเมืองหยุนเมิ่งกับชาวนครเจาฮุยทั้งนั้น…”

“พวกเขามาเป็นสาวกของเรา ก็เพราะเชื่อใจเรา… ไม่สิ ต้องบอกว่าพวกเขาบูชาเรามากกว่า”

“หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้ามีใครสักคนเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเราจนถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะกลายเป็นสาวกของเราไปโดยปริยาย”

“เท่ากับว่าตอนนี้เรามีแฟนคลับอย่างเป็นทางการแล้วสินะ?”

หลินเป่ยเฉินพยายามนึกทบทวนบทบาทของแอปพลิเคชันเว่ยป๋อ และดูเหมือนว่ามันจะมีบทบาทสำคัญมากกว่าที่เขาเคยคิดมากทีเดียว

“สรุปว่าจากนี้ไป ตราบใดที่เราพยายามหาวิธีขยายฐานสาวกให้ได้ พลังศักดิ์สิทธิ์ในตัวเราก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วยใช่ไหมหว่า?”

หลินเป่ยเฉินยกมือลูบคางของตนเอง

เขาจะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไรดี?

การฝึกวิชาผ่านการโพสต์โซเชียลอย่างนั้นหรือ?

หรือจะเรียกว่าการเพิ่มพลังด้วยการขยายฐานแฟนคลับ?

ช่างมันเถอะ อย่างไรเขาก็คงไปไม่รอดในวิถีนักบวชอยู่แล้ว ดูอย่างเทพีกระบี่นั่นปะไร ระดับความแข็งแกร่งขึ้นอยู่กับพลังศรัทธาจากสาวก และเมื่อสาวกหมดศรัทธา พลังของนางก็ตกต่ำลงจนน่าใจหาย

ไม่เหมือนกับผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปที่ควบคุมพลังได้ด้วยตนเอง

เขา หลินเป่ยเฉินคนนี้ เกลียดการฝากความหวังไว้ที่ผู้อื่นเสมอ

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจยุติการโพสต์โซเชียลในแอปเว่ยป๋อชั่วคราว การขยายฐานสาวกมีความสำคัญก็จริง แต่บัดนี้ ยังมีเรื่องที่สำคัญมากกว่านั้นรอคอยให้เขาไปจัดการ

“แล้วถ้าเราลองค้นชื่อเทพีกระบี่กับเทพีกระบี่หิมะไร้นามในแอปนี้จะเจอไหมนะ?”

หลินเป่ยเฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

เขากดไปที่หน้าหลักของแอปเว่ยป๋อและพิมพ์ในช่องค้นหาว่า ‘เทพีกระบี่’

ปรากฏผลลัพธ์แสดงบัญชีผู้ใช้งานขึ้นมาสามคน

“เทพีกระบี่ อายุ 4,396 ปี เพศหญิง ผู้ติดตาม 10.23 ล้านคน มีเครื่องหมายถูกต้องกำกับต่อท้ายบ่งบอกว่าเป็นบัญชีผู้ใช้งานอย่างเป็นทางการ คำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับตนเองก็คือ : เจ้าใช้ประโยชน์จากข้า ข้าใช้ประโยชน์จากเจ้า เราใช้ประโยชน์จากกันและกัน…”

“เทพีกระบี่ อายุ 589 ปี เพศหญิง ผู้ติดตาม 78.95 ล้านคน มีเครื่องหมายถูกต้องกำกับต่อท้ายบ่งบอกว่าเป็นบัญชีผู้ใช้งานอย่างเป็นทางการ คำอธิบายเกี่ยวกับตนเองมีอยู่ว่า : โบยบินกลางหมู่เมฆา ลมหวนพัดคืนกลับมา ร่ำสุราทั้งวันทั้งคืน…”

“เทพีกระบี่ อายุ 16 ปี เพศหญิง ผู้ติดตาม 8 คน สถานะเป็นผู้ใช้งานธรรมดา คำอธิบายเกี่ยวกับตนเองคือ : ข้ารู้สึกสบายใจยามได้อยู่ใกล้พี่เป่ยเฉิน ข้าอยากจะอยู่ข้างกายเขาไปตลอดกาล…”

เมื่อกดเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์ของทั้งสามคนนั้น

เทพีกระบี่สองคนแรกตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเอาไว้แบบเฉพาะบุคคล ไม่มีผู้ใดจะสามารถมองเห็นข้อมูลเหล่านั้นได้นอกจากตัวพวกนางเอง

ส่วนเทพีกระบี่คนที่สาม จำเป็นต้องกรอกรหัสผ่านในการเข้าชม

หลินเป่ยเฉินกดกลับออกมาทันที

หลังจากอ่านคำอธิบายส่วนตัวของเทพีกระบี่ทั้งสามคนนั้นแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งรู้สึกมึนงงสงสัยมากขึ้น

มีเทพีกระบี่ด้วยกันทั้งหมดสามคน

ในขณะที่เทพีกระบี่คนที่สามมีสถานะเป็นเพียงผู้ใช้งานธรรมดา เทพีกระบี่อีกสองคนกลับได้รับการยืนยันจากแอปเว่ยป๋อให้เป็นบัญชีผู้ใช้อย่างเป็นทางการ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเทพีกระบี่คนที่หนึ่งกับคนที่สามนั้น ย่อมหมายถึงดวงจิตของเทพีกระบี่ที่อาศัยอยู่ในร่างของเยว่เว่ยหยาง และนอนเคียงข้างเขาทุกค่ำคืนบนวิหารประจำเมือง

ส่วนอีกคนนั้น…

ก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเทพีกระบี่หิมะไร้นาม ผู้ลุ่มหลงไปกับความสะดวกสบายของดินแดนทวยเทพ

หลินเป่ยเฉินลองวิเคราะห์อย่างละเอียดมากขึ้น

“คนที่อายุ 4,396 ปี น่าจะหมายถึงดวงจิตของเทพีกระบี่แน่ ๆ…”

“ส่วนคนที่อายุ 589 ปี ก็คือเทพีกระบี่หิมะไร้นาม…”

“ส่วนคนที่สามเป็นแค่ผู้ใช้ธรรมดา เราไม่ต้องไปสนใจ”

สิ่งที่ควรให้ความสำคัญในขณะนี้ก็คือเทพีกระบี่ที่อยู่บนโลกมนุษย์ มีจำนวนผู้ติดตามน้อยกว่าเทพีกระบี่ที่อยู่บนดินแดนทวยเทพหลายสิบเท่า

แต่โดยสรุปก็คือ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีผู้ใช้งานธรรมดาหรือบัญชีผู้ใช้งานอย่างเป็นทางการ ต่างก็สามารถค้นหาในแอปเว่ยป๋อได้ทั้งสิ้น

แล้วถ้าลองค้นหาชื่อเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ดูบ้างจะเจอไหมนะ?

หลินเป่ยเฉินเกิดความสนใจขึ้นมาไม่น้อย

หลังจากนั้น เขาก็ลองค้นหารายชื่อเทพเจ้าที่ตนเองนึกออก เช่น เทพเจ้าแห่งแดนรกร้าง

ผลการค้นหาปรากฏว่า ‘ด้วยกฎระเบียบและนโยบายส่วนบุคคล บัญชีผู้ใช้งานบางรายจึงไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ในการค้นหา…’

หมายความว่าคงหาไม่เจอแล้วละมั้ง

หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็ลองค้นหาชื่อของเทพเจ้าแห่งธนู

ซึ่งเป็นเทพเจ้าคู่บ้านคู่เมืองของจักรวรรดิจี้กวง

เช่นเดียวกับเทพีกระบี่ของจักรวรรดิเป่ยไห่

ครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินไม่ผิดหวัง เขาได้คำตอบที่ตนเองกำลังมองหา

“เทพเจ้าแห่งธนู อายุ 4,998 ปี เพศหญิง ผู้ติดตาม 98.87 ล้านคน คำอธิบายเกี่ยวกับตนเอง : ทุกสิ่งทุกอย่างในใต้หล้าล้วนขึ้นอยู่กับลูกธนู…”

จำนวนผู้ติดตามเยอะกว่าเทพีกระบี่มากมายนัก

หากสรุปว่ายิ่งจำนวนผู้ติดตามเยอะเท่าไหร่ พลังศรัทธาก็ยิ่งเยอะเท่านั้น และนั่นก็หมายถึงความแข็งแกร่งของเทพเจ้าแต่ละองค์ด้วยเช่นกัน

นี่ก็หมายความว่าเทพีกระบี่คงไม่มีทางเอาชนะเทพเจ้าแห่งธนูได้เด็ดขาดใช่หรือไม่?

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วใช้ความคิด

มันจะเป็นอย่างที่เขาคิดหรือเปล่านะ?

คงต้องหาคำตอบให้ได้แล้วสิ

เขาตัดสินใจกดปิดการทำงานของแอปเว่ยป๋อ

จนกว่าจะเข้าใจการทำงานของแอปนี้อย่างแท้จริง หลินเป่ยเฉินก็ยังไม่อยากโพสต์อะไรอีกแล้ว

เด็กหนุ่มสังหรณ์ใจว่าแอปเว่ยป๋อในโทรศัพท์เครื่องนี้ น่าจะมีอะไรซ่อนอยู่อีกไม่น้อย

จำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ

เอาไว้มีเวลาแล้วค่อยนั่งไล่ดูก็แล้วกัน

หลินเป่ยเฉินกำลังจะเปิดเข้าไปในแอป Xianyu เพื่อดูว่ามีคนสนใจซื้อสินค้าที่เขาโพสต์ขายบ้างหรือไม่ แต่ทันใดนั้น หัวใจของเด็กหนุ่มก็กระตุกวูบ ราวกับมีเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น

หลินเป่ยเฉินรีบวิ่งออกไปนอกวิหารด้วยความตกตะลึง

ฉับพลันนั้น…

ครืน!

ในพริบตานั้น คลื่นแรงสั่นสะเทือนก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง แม้แต่วิหารบนยอดเขาก็สั่นสะเทือนไปทั้งหลัง

ลมหายใจต่อมา ภาพที่ไม่น่าเชื่อปรากฏขึ้น

รูปปั้นน้อยใหญ่ของเทพีกระบี่นับพันตัวซึ่งตั้งอยู่ตามจุดต่าง ๆ บนภูเขาลูกนี้เริ่มเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง และพลังศรัทธาที่กักเก็บอยู่ด้านในตัวรูปปั้นเป็นเวลาหลายร้อยปีก็ถูกปลดปล่อยออกมา

เงาร่างสายหนึ่งเหินตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าจากยอดหลังคาวิหารด้านหลังหลินเป่ยเฉิน

ย่อมต้องเป็นเทพีกระบี่

พลังศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายสว่างไสวจากร่างกายของนาง ส่งผลให้ท้องฟ้ายามราตรีมีความงดงามมากยิ่งขึ้น

ยามนี้ เทพีกระบี่มีสีหน้าเคร่งเครียดมากแล้ว

อารามทุกหลังที่อยู่บนภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารหลวงในขณะนี้กำลังระเบิดลำแสงเจิดจ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้น เทพีกระบี่ที่ลอยตัวอยู่ในอากาศก็กางปีกกระบี่ทั้ง 12 คู่ของนางออกมา นิ้วมือเรียวยาวขยับพริ้วไหวสร้างค่ายอาคม ปากบริกรรมคาถาเสียงดังตลอดเวลา

ม่านพลังสีเหลืองอ่อนราวกับแสงสะท้อนของดวงจันทร์ค่อย ๆ ถักทอบนท้องฟ้า มันขยายรัศมีครอบคลุมภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารหลวง ก่อนจะเกิดม่านพลังแผ่ปกคลุมอีกหลายจุด…

ในที่สุด ม่านพลังเหล่านั้นก็เชื่อมต่อกันกลายเป็นเกราะป้องกันที่ครอบคลุมไปทั่วนครหลวง

ลมหายใจต่อมา…

“เทพีกระบี่ผู้ต่ำช้า ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับยังไม่เจียมตัว… เพราะฉะนั้น เจ้าต้องตายไปพร้อมกับสาวกของเจ้าซะ”

เสียงคำรามปานฟ้าผ่าดังกึกก้องไปทั่วเมือง

แล้วลำแสงสีแดงสายหนึ่งก็พุ่งตัดผ่านเส้นขอบฟ้า มันพุ่งตัวเข้ามาพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกโชนสว่างเจิดจ้า ราวกับว่าต้องการจะแผดเผาท้องฟ้าให้มอดไหม้ไปทุกอณู

นี่คือพลังแห่งการทำลายล้าง

นี่คือพลังแห่งความตาย

พลังกดดันคุกคามหนักหน่วง

ไม่ต่างไปจากวันพิพากษาคนบาป

การโจมตีที่รุนแรงถึงระดับนี้ อย่าว่าแต่จะสังหารชาวนครหลวงกว่าสิบล้านชีวิตเลย ต่อให้สลายจักรวรรดิเป่ยไห่จนหายไปจากแผ่นดินตงเต้า ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว!