ตอนที่ 1,019 จำนวนสาวกเพิ่มมากขึ้น
แข็งแกร่งเหลือเกิน!
หลินเป่ยเฉินอดประหลาดใจไม่ได้
นี่คือพลังการโจมตีที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเห็นมา
โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ เทพีกระบี่ยังไม่ทันหายจากอาการบาดเจ็บ นางจะสามารถรับมือได้อย่างไร
เปรี้ยง!
ลำแสงสีแดงที่พุ่งเข้ามาเป็นเปลวไฟพยายามจะทะลวงผ่านเกราะกำบังที่คุ้มครองนครหลวง
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ
บังเกิดเสียงเหมือนเปลือกไข่นับพันใบกำลังปริแตกพร้อม ๆ กัน
เพียงการโจมตีครั้งนี้แค่ครั้งเดียว ม่านพลังที่ครอบคลุมทั่วนครหลวงก็เกิดรอยแตกร้าวในบริเวณกว้าง…
ภายใต้การเฝ้ามองของดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วน ม่านพลังที่ครอบทับนครหลวงกำลังจะพังทลายในไม่ช้า
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในนครหลวงเห็นดังนี้ก็บังเกิดความตื่นตระหนกไม่ต่างจากกำลังอยู่ในวันสิ้นโลก
เพียงลำแสงไฟนั้นทะลวงม่านพลังเข้ามาได้เมื่อไหร่ นครหลวงก็จะถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดีทันที
ผู้อยู่อาศัยทุกคนจะต้องเสียชีวิตทั้งหมด
ทันใดนั้น สัญชาตญาณแห่งความอยู่รอดก็ทำให้ชาวนครหลวงทุกคนรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
ความหมดหวังแผ่ปกคลุมไปทั่วตัวเมือง
แต่ในลมหายใจนั้น เสียงร่ายคาถาของเทพีกระบี่กลับดังกังวานมากยิ่งขึ้น!
รัศมีที่เปล่งประกายออกมาจากร่างกายของนางยิ่งสว่างไสวมากขึ้น
นางกางปีกกระบี่ทั้ง 12 คู่ออกกว้าง
เกิดเป็นม่านพลังอีกหนึ่งชั้นครอบคลุมทั่วนครหลวง
ม่านพลังชั้นที่สองนี้มีความสว่างไสวเจิดจ้า ไม่ต่างไปจากแสงจันทร์ที่กำลังขับไล่ความมืดมิด
บรรดาชาวเมืองที่เดินออกมาจากตัวบ้านด้วยความหมดหวังพลันหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ ทุกสายตาเงยหน้ามองขึ้นไปจับจ้องยังร่างที่เป็นแสงสว่างกลางท้องฟ้า
“นั่นเทพีกระบี่ใช่หรือไม่?”
“เทพีกระบี่ปรากฏตัวออกมาแล้วจริง ๆ หรือ?”
“เทพีกระบี่มาช่วยพวกเราแล้ว”
“พวกของหลี่ซิวเยวียนกล่าวได้ถูกต้องจริง ๆ องค์เทพีกระบี่ยังไม่ทอดทิ้งพวกเรา…”
“เมื่อกลางวันตอนที่เกิดเหตุกวาดล้างตระกูลเว่ยและนักบวชจากวิหารเฉียนเกา ข้าก็รู้แล้วว่าเทพีกระบี่ยังไม่ทอดทิ้งพวกเรา และพระองค์ท่านจะกลับมาเพื่อทวงคืนนครหลวงให้แก่จักรวรรดิเป่ยไห่อีกครั้ง…”
“องค์เทพีกระบี่ของพวกเรากลับมาแล้ว”
“พวกเจ้ายังจะมัวยืนทำอะไรกันอยู่อีก รีบสวดภาวนาเร็วเข้า ตราบใดที่ได้รับแรงศรัทธาจากพวกเรา องค์เทพีก็จะสามารถช่วยเราได้!”
“อ้อ จริงด้วยสินะ องค์เทพีกระบี่ต้องได้รับแรงศรัทธาจากพวกเราก่อน พระองค์ท่านถึงจะมีพลังมาช่วยเหลือพวกเราได้”
ชาวเมืองจำนวนมากรีบคุกเข่าลงและสวดภาวนาด้วยความประหลาดใจ
หลังพานพบความทรมานจากการทำลายล้างนครหลวง การสังหารหมู่ ความหิวโหยและความหวาดกลัว ชาวเมืองที่ยังคงรอดชีวิตอยู่ภายใต้ความตื่นตระหนก ก็เริ่มกลับมามีศรัทธาที่หนักแน่นอีกครั้ง
แม้แต่บรรดาผู้คนที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยศรัทธาในตัวเทพีกระบี่มาก่อน บัดนี้ พวกเขาก็มีหลายเหตุผลที่สนับสนุนให้ตนเองกลายเป็นสาวกของนางแล้ว
หลินเป่ยเฉินยืนสังเกตการณ์เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จากบนยอดเขา
เขาเห็นกระแสพลังศักดิ์สิทธิ์ลอยขึ้นมาจากในตัวเมือง ไม่ต่างจากดวงไฟหิ่งห้อยที่ลอยขึ้นมากลางความมืดมิด และกระแสพลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ก็กำลังไหลรินเข้าไปสู่ร่างกายของเทพีกระบี่
พลังศรัทธากลับคืนมาแล้ว
พลังศรัทธาเหล่านี้ช่วยทำให้รัศมีรอบกายเทพีกระบี่เปล่งแสงเจิดจรัสมากยิ่งขึ้น
เมื่อผู้คนกลับมามีศรัทธาที่หนักแน่น ระดับพลังของเทพีกระบี่ก็ฟื้นฟูขึ้นมา… โดยเฉพาะดวงจิตของเทพเจ้าที่อยู่ในร่างของมนุษย์ นางย่อมสามารถมองเห็นพลังเหล่านี้ได้ด้วยตาเปล่า
หลินเป่ยเฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบเปิดแอปเว่ยป๋อขึ้นมาทันที
หลังจากลองกดรีเฟรชอยู่หลายรอบ ในที่สุด เด็กหนุ่มก็ได้คำตอบที่ตนเองต้องการ…
จำนวนสาวกของเทพีกระบี่เพิ่มขึ้นแล้ว
และบัดนี้กำลังเพิ่มขึ้นไม่หยุดยั้ง
ซ้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
ทุกครั้งที่หลินเป่ยเฉินลองรีเฟรซหน้าประวัติส่วนตัวของเทพีกระบี่ใหม่ เขาก็จะพบว่านางมีสาวกเพิ่มขึ้นมาครั้งละไม่ต่ำกว่า 10,000 คน
เพียงพริบตาเดียว เทพีกระบี่ก็มีผู้ติดตามทะลุ 13 ล้านคน…
‘ดูเหมือนที่เราคิดเอาไว้จะไม่ผิดจริง ๆ ด้วย’
หลินเป่ยเฉินพูดกับตัวเองอยู่ในใจ
ครืน!
บนท้องฟ้า ยังคงมีเสียงระเบิดดังอย่างต่อเนื่อง
หลังจากการโจมตีของลำแสงไฟสายแรกล้มเหลว การโจมตีระลอกหลังจึงถาโถมเข้ามาไม่หยุดยั้ง
เสียงระเบิดที่ดังขึ้นในอากาศ ฟังดูน่ากลัวราวผืนฟ้ากำลังจะถล่มลงมา
ทุก ๆ การโจมตีมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือการทะลวงม่านพลังของเทพีกระบี่เข้ามาทำลายล้างนครหลวงให้ได้
ภายในนครหลวงขณะนี้ พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง อาคารบ้านเรือนบางหลังเริ่มพังถล่มลงมา…
เงาร่างของเทพีกระบี่ยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้า
นางยังคงร่ายคาถาและสร้างค่ายอาคมไม่หยุดยั้ง
พลังศรัทธาจากชาวเมืองแปรเปลี่ยนกลายเป็นกระแสพลังที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กระแสพลังเหล่านั้นไหลรินออกมาจากร่างกายของเทพีกระบี่ และสูบฉีดเข้าไปยังม่านพลังที่ครอบคลุมทั่วนครหลวง
รอยแตกร้าวบนม่านพลังเริ่มหยุดการขยายตัว
มิหนำซ้ำ รอยแตกร้าวเหล่านั้นยังเริ่มสมานตัว ราวกับว่าไม่เคยมีรอยแตกร้าวมาก่อน!
สถานการณ์ที่กำลังย่ำแย่แปรเปลี่ยนเป็นกลับมามั่นคงอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ
การโจมตีก็ยุติลง
ลำแสงสีแดงปริศนาจากเส้นขอบฟ้าหมองแสง
เปลวไฟในอากาศดับหายไป
ลำแสงสีแดงเพลิงนั้นไม่ต่างจากตะเกียงที่หมดเชื้อไฟ มันค่อย ๆ หรี่แสงลง ก่อนที่จะหายวับไปในอากาศ…
“นครเป่ยไห่คือดินแดนของข้า ไม่ว่าใครหน้าไหนก็แย่งมันไปไม่ได้เด็ดขาด วันพรุ่งนี้ข้าจะมาที่นี่ด้วยตนเอง และสังหารพวกเจ้าไม่ให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”
เสียงคำรามนั้นดังก้องกังวานไปทั่วแผ่นฟ้า
แน่นอนว่าเสียงคำรามนั้นยังดังสะท้อนไปทั่วทุกซอกมุมของนครหลวง ไม่ว่าผู้ใดได้รับฟังถ้อยคำแห่งความอาฆาตแค้นเหล่านี้ พวกเขาก็อดรู้สึกตัวเย็นเฉียบขึ้นมาไม่ได้
“พวกเราจะรอคอยเจ้า”
เทพีกระบี่ตอบกลับไปอย่างเรียบง่าย
แล้วม่านพลังบนท้องฟ้าก็สลายไป
นางสะบัดปีกกระบี่ของตนเอง
วูบ!
ตัวคนกลับกลายเป็นลำแสงพุ่งกลับไปยังวิหารบนยอดเขา
ในนครหลวงกึกก้องไปด้วยเสียงโห่ร้องของผู้คน
เสียงโห่ร้องดังกังวานราวกับเกลียวคลื่น
ชาวเมืองกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
บรรยากาศสดใสราวกับมีงานเฉลิมฉลอง
พวกเขากลับมามีชีวิตอย่างมีความหวังอีกครั้ง
ในใจของชาวเมืองแทบทุกคน วิกฤตการณ์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
เนื่องจากเทพีกระบี่ปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือพวกเขาแล้ว
ครั้งนี้ เทพีกระบี่ไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ผ่านทูตสวรรค์ หรือผ่านผู้ที่ถูกเลือกเหมือนครั้งก่อน ๆ
แต่ครั้งนี้ นางปรากฏตัวออกมาด้วยตนเอง
นี่คือครั้งแรกที่ทุกคนได้พบเห็นเทพีกระบี่ตัวจริง
ในยุคสมัยที่ความศรัทธาต่อเทพเจ้าตกต่ำ การปรากฏตัวเช่นนี้ย่อมเป็นปาฏิหาริย์อย่างไม่ต้องสงสัย
ตราบใดที่มีเทพีกระบี่คอยปกป้อง แล้วพวกเขาจะต้องกลัวปีศาจไปอีกทำไม?
เมื่อมีเทพีกระบี่คอยปกป้อง พวกเขายังจะต้องหวาดกลัวอะไรอีก?
บรรยากาศในนครหลวงขณะนี้จึงเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องอย่างร่าเริงและมีความหวังของชาวเมือง
…
วิหารประจำนครหลวง
จังหวะที่เทพีกระบี่ทิ้งตัวกลับลงมายืนบนพื้นดิน ร่างกายของนางก็ชวนเซเล็กน้อย
แต่ที่น่ากลัวก็คือไม่ว่าจะเป็นดวงตา จมูกหรือมุมปาก ล้วนมีเลือดไหลทะลักออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ผิวกายที่เคยขาวเนียนราวกับหยกบริสุทธิ์บัดนี้เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำปูดโปน เรือนร่างอรชรมีสภาพแทบไม่ต่างจากตุ๊กตาดินเผา ซึ่งเกิดรอยแตกร้าวและพร้อมแตกสลายได้ทุกเมื่อ
เอาแล้วไง
หลินเป่ยเฉินถึงกับหยุดชะงัก
เกิดอะไรขึ้น?
นางไม่ใช่ฝ่ายชนะหรอกหรือ?
เมื่อตั้งสติได้ เขาก็รีบวิ่งเข้าไปประคองเทพีกระบี่โดยทันที
“เร็วเข้า รีบพาข้าเข้าไปในวิหาร อย่าให้ใครเห็นข้าในสภาพนี้เด็ดขาด”
เทพีกระบี่ผู้มีพลังรวยรินรีบพูดออกมาด้วยความร้อนรน
ระหว่างที่นางพูด ร่างกายก็อ่อนแอมากแล้ว มุมปากยังคงมีเลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด
หลินเป่ยเฉินรีบใช้วิชาตัวเบาพานางกลับเข้าไปในวิหาร
เมื่อมาอยู่ในวิหาร เด็กหนุ่มก็ใช้พลังวารีบำบัด ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเทพีกระบี่
ละอองน้ำสาดกระจาย
พร่างพรมลงไปบนร่างกายของเทพีกระบี่
และนางก็เริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมาอย่างช้า ๆ
ผ่านไปชั่วหนึ่งก้านธูป ลมหายใจของนางก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง
“เฮ้อ…”
เทพีกระบี่ถอนหายใจออกมาด้วยความหนักหน่วง
นางค่อย ๆ ลืมตากลับขึ้นมา
“สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิด”
เทพีกระบี่จ้องมองหลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “เจ้าต้องรีบหนีออกไปจากนครหลวงให้เร็วที่สุด”