ภาคที่ 7 ศึกสุดท้าย บทที่ 108 ศึกสุดท้าย (5)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 108 ศึกสุดท้าย (5)

หลังจากที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกเทพเจ้าผนึกไป มนุษย์ก็ถูกลดตำแหน่งให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับต่ำสุด เช่นเดียวกับเผ่าพันธุ์อัจฉริยะอื่น ๆ พวกเขาได้แต่ใช้ชีวิตต่อไปอย่างทุกข์ทรมาน

เทพเจ้ายังคงปกครองโลกต่อไปจากข้างบนและเสวยสุขกับการยกย่องสรรเสริญที่เหล่าผู้บูชามอบให้

ในขณะเดียวกัน เทพแห่งแดนฝันก็กลับไปสู่วิถีชีวิตอิสระของตนเอง ระหว่างที่เดินทางไปมาระหว่างแดนฝันมากมาย เขาก็ยังคงดูดซึมพลังจิตต่อไปด้วย

เขาใช้เวลาส่วนมากอยู่อย่างสุขสบายเช่นนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผลไม้ของเขาโตเต็มวัย

ผลไม้แต่ละลูกคือภูตแดนฝัน และกระทั่งภูตแดนฝันแต่ละตัวก็เป็นเหมือนลูกของเขา ภูตแดนฝันเหล่านี้ก็ปฏิบัติตัวเหมือนเป็นแขนและขาของเทพแห่งแดนฝันด้วยเช่นกัน พวกเขาสามารถนำข้อมูลจากโลกภายนอกกลับมาให้และช่วยเขาปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ มันคือความสามารถที่โดดเด่นของเขา แต่ถึงอย่างนั้น พลังของพวกมันก็ไม่ได้พิเศษอะไร

จนกระทั่งวันนั้นที่ภูตแดนฝันตัวหนึ่งมีสภาวะจิตใจเปลี่ยนแปลงไป

ภูตแดนฝันนั้นสงบเย็นและซุกซน พวกมันซุกซนในแบบที่มักจะพูดคุยเรื่องไร้สาระต่าง ๆ ด้วยกัน ในทางกลับกัน พวกมันนั้นสงบเย็นเพราะไม่มีอะไรให้ทำนอกจากพูดคุย ในทุก ๆ วันพวกมันจะบินไปรอบ ๆ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งก็คือเทพแห่งแดนฝันโดยไร้ซึ่งแรงจูงใจที่จะจากไปและเจริญเติบโตด้วยตนเอง

แต่ก็มีภูตแดนฝันตัวหนึ่งที่ต่างออกไป

มันแทบจะไม่พูดจา มันชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่าซึ่งก็คือเหตุผลที่มันถูกเรียกว่า “มั่ว”

มั่วนั้นต่างไปจากภูตแดนฝันตัวอื่น ๆ มันไม่อาศัยอยู่ที่เดียว มันมักจะพยายามออกห่างจากต้นไม้และหลบหนีออกไปสู่โลกภายนอกเป็นครั้งคราว

เทพแห่งแดนฝันจำเป็นต้องจับมันกลับมาอยู่เรื่อย ๆ แล้วจึงสั่งสอนให้รู้ถึงอันตรายของโลกภายนอก

แต่มั่วก็ดูเหมือนจะไม่เคยฟังเขาเลย

มันมักจะคิดถึงแค่การหลบหนีออกไปสู่โลกภายนอกและก่อปัญหาให้เทพแห่งแดนฝันอยู่เสมอ

ยกตัวอย่างเช่น มันเคยขโมยสมุนไพรพันปีมาจากเทพเจ้า นอกจากนี้ มันยังเคยส่งสายฝนลงไปให้แก่ชาวนาผู้ยากจนและมอบชีวิตให้แก่พืชพรรณของพวกเขา

และทุกครั้ง เทพแห่งแดนฝันก็จะต้องลากมั่วกลับมาและสั่งสอนมัน

มั่วมักจะถามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ท่านพ่อ ทำไมข้าต้องอยู่เคียงข้างท่านตลอดเวลาด้วยล่ะ? ทำไมข้าออกไปข้างนอกและเติบโตขึ้นเองไม่ได้ล่ะ?”

“เพราะนั่นคือโชคชะตาของภูตแดนฝัน ข้าคือโลกของเจ้า” เทพแห่งแดนฝันตอบด้วยท่าทีเคร่งขรึม

ภูตแดนฝันอาศัยอยู่และตายเคียงข้างต้นไม้ต้นนี้ มันคือโลกทั้งใบของพวกมัน

แต่มั่วนั้นต่างออกไป

มันไม่คิดจะยอมรับชะตากรรมนี้อย่างเห็นได้ชัด

เย็นวันหนึ่ง มันหลบหนีไป

มันหลบหนีไปโดยแยกตนเองออกจากความต้องการของเทพแห่งแดนฝันโดยสมบูรณ์

สำหรับเทพแห่งแดนฝันแล้ว การสูญเสียภูตแดนฝันไปตัวหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องน่ากังวลนัก แม้เขาจะเสียใจเล็กน้อยที่มั่วจากไป ก็ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้

ไม่กี่ปีหลังจากนั้น จิตวิญญาณหนึ่งที่คุ้นเคยก็ติดต่อกับเขาอย่างไร้ที่มาที่ไป

มันเรียกเขาว่าท่านพ่อ

“ท่านพ่อ ข้าคือมั่วเอง”

“มั่วหรือ?” ในตอนแรกเทพแห่งแดนฝันจำชื่อเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ

เวลาผ่านมานานเกินไป และเขาก็มีลูกหลายคนนัก เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ความทรงจำของเขาจะมีอยู่จำกัด

แต่ไม่นานเขาก็นึกได้

“มั่วลูกข้า เจ้าเองสินะ เจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือ?”

“ใช่แล้วท่านพ่อ ข้ายังมีชีวิตอยู่ ช่วงเวลาที่ข้าจากท่านไปนั้นไม่ง่ายเลย แต่ข้าก็โชคดีพอที่เอาชีวิตรอดมาได้”

“ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน? เจ้าติดต่อข้ามาได้ยังไง?”

“ข้าอยู่ในที่ที่ห่างไกลมาก ๆ และข้ากำลังติดต่อท่านผ่านแดนฝัน ยังไงซะนี่ก็คือสถานที่ที่พลังจิตของพวกเราถูกแผ่ขยายมาหลายครั้งแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว แต่ทำไมข้าถึงสัมผัสไม่ได้เลยว่าเจ้าอยู่ที่ไหนล่ะ?”

“นั่นคือสิ่งที่ข้าจะมาบอกท่าน ท่านพ่อ ข้าค้นพบพื้นที่กว้างขวางภายในแดนฝันที่มีศักยภาพสูงอย่างถึงที่สุด ท่านพ่อ ท่านคือเทพแห่งแดนฝัน แต่ท่านยังไม่เคยแม้แต่จะเริ่มสำรวจอาณาเขตทั้งหมดของเทพแห่งแดนฝันเองด้วยซ้ำ”

“อาณาเขตทั้งหมดหรือ? เจ้าหมายถึงอะไร?” เทพแห่งแดนฝันงงงวยกับคำพูดของมั่ว

“อาณาเขตทั้งหมดของท่านไง กฎแห่งพลังที่ท่านควบคุมและอำนาจที่ท่านมีต่อโลกใบนี้… นั่นแหละคืออาณาเขตทั้งหมดของท่าน!”

“ข้าไม่เข้าใจ” เทพแห่งแดนฝันตอบด้วยน้ำฟังดูสับสน แม้จะเป็นถึงเทพเจ้า เขาก็ยังเกิดขึ้นมาจากธรรมชาติ พลังที่เขาครอบครองนั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาตระหนักรู้ถึงมันเพียงไร

ดังนั้นแล้ว เทพแห่งแดนฝันจึงไม่เข้าใจว่ามั่วกำลังพูดถึงสิ่งใด

“ไม่เป็นไร ที่ท่านต้องรู้มีแค่ว่าข้าสามารถทำให้ท่านแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ได้มหาศาล” มั่วกล่าวอย่างใจเย็น

“แข็งแกร่งกว่านี้หรือ?” ความเข้าใจในคำพูดนี้กลับชัดเจนยิ่งกว่ามาก อย่างไรแล้วพลังอันยิ่งใหญ่ที่เทพเจ้าระดับสูงอย่างเทพแห่งเวลาสามารถปลดปล่อยได้ก็ทำให้เทพแห่งแดนฝันอิจฉาริษยาเสมอมา

และตอนนี้มั่วก็กำลังบอกเขาว่าความใฝ่ฝันของเขาสามารถเป็นจริงได้

นี่ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ข้าควรทำยังไงหรือ?” เขาถาม

“สร้างแดนฝันขึ้นมา” มั่วตอบอย่างไม่อ้อมค้อม

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เทพแห่งแดนฝันก็เริ่มสร้างอาณาจักรฝันด้วยความช่วยเหลือของมั่ว

แดนฝันแห่งเดิมนั้นคล้ายกับผืนป่าอันกว้างใหญ่ ความฝันของทุกสิ่งมีชีวิตจะฝังรากลึกอย่างไร้ระเบียบเหมือนกับต้นเฟิร์นหรือต้นไม้ในป่ารกชัฏ

และเทพแห่งแดนฝันก็เหมือนกับนักล่ามากฝีมือที่สามารถนำทางในป่าแห่งนี้และควบคุมมันได้ตามใจชอบแต่เพียงผู้เดียว

แต่ตัวเขาคนก่อนก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงมัน

แต่ภายใต้การชี้นำของมั่วแล้ว ทุกสิ่งก็เริ่มเปลี่ยนไป

เขาเปลี่ยนจากนักล่าเป็นชาวไร่และเปลี่ยนภาพลักษณ์ของผืนป่าไปอย่างไม่หยุดหย่อน

แดนฝันที่ถูกสร้างขึ้นจากฝันของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนตกอยู่ใต้การควบคุมของเทพแห่งแดนฝันและเป็นไปตามที่เขาต้องการอย่างช้า ๆ รัศมีอันป่าเถื่อนของดินแดนนั้นจางหายไปพร้อมถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตรยิ่งกว่ามาก ในที่แห่งนี้ เทพแห่งแดนฝันคือผู้นำแต่เพียงผู้เดียว เขาคือผู้ปกครองของทุกสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ข้างใน

ด้วยการพึ่งพาสถานะนี้ในแดนฝัน เทพแห่งแดนฝันจึงได้ดูดซับพลังจิตของผู้ติดตามอย่างต่อเนื่องและเพิ่มพูนพลังของตนขึ้นมหาศาล

ภูตแดนฝันเองก็ไม่ได้พูดคุยเรื่อยเปื่อยอีกต่อไป

พวกมันล้วนมีหน้าที่รับผิดชอบเพื่อช่วยเหลือเทพแห่งแดนฝันสร้างแดนฝันขึ้นมาแล้วในตอนนี้ พวกมันแต่ละตัวกลายเป็นคนงานก่อสร้างผู้ทำผลงานให้แก่แดนฝัน

แน่นอนว่าในตอนแรกเริ่มกระบวนการต่าง ๆ นั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้า เทพแห่งแดนฝันและมั่วได้แต่เริ่มสร้างเมืองเล็ก ๆ ซึ่งยังถูกห้อมล้อมไปด้วยผืนป่ากว้างใหญ่ไพศาล

แต่ถึงอย่างนั้น โลกความฝันที่สะท้อนโลกแห่งความเป็นจริงก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกัน ความเปลี่ยนแปลงก็เริ่มเกิดขึ้นนอกแดนฝันนี้ด้วย

สัญญาณการรบกวนกำลังเกิดขึ้นในหมู่มนุษย์อีกครั้ง

ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไรหรือได้อย่างไร แต่มนุษย์ก็ทลายผนึกออกมาได้สำเร็จ

พวกเขาบางส่วนเริ่มบ่มเพาะพลังอมตะและสะสมมันไว้เพื่อต่อสู้กับเทพเจ้าอีกครั้ง

แต่การก่อกบฏครั้งที่สองนี้รุนแรงและร้ายกาจกว่าครั้งแรกมาก

เป็นเพราะหนึ่งในผู้บ่มเพาะพลังอมตะไม่อาจต้านทานแรงกดดันจากเทพเจ้าได้และปล่อยพลังออกมาโดยบังเอิญ พลังอมตะอันเป็นที่เกรงกลัวของเทพเจ้าปรากฏขึ้นอีกครั้งและทำให้เทพเจ้าทั้งหลายตื่นตระหนก พวกเขาล้วนเข้าแทรกแซงเพื่อกวาดล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยตนเอง

ที่จริงแล้ว พวกเขาหวาดกลัวพลังอมตะ หรือพูดอีกอย่างคือมนุษย์ของพวกเขาทำให้ต้องเอ่ยคำสาบานออกมาว่าจะกวาดล้างเผ่าพันธุ์นี้ออกไปจากโลก

ใช่ พวกเขาจะสังหารมนุษย์ทั้งหมด

และพวกเขาก็ทำสำเร็จจริง ๆ

แน่นอนว่าพวกเขาพลาดจุดสำคัญจุดหนึ่งไป ซึ่งก็คือวิธีการที่มนุษย์ทะลวงผนึกออกมาได้ตั้งแต่แรกและวิธีที่พวกเขารวมกลุ่มกัน

มีเพียงมั่วเท่านั้นที่รู้ความจริง

ตามธรรมชาติแล้ว มั่วคือมนุษย์ที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกายของเทพแห่งแดนฝันเมื่อนานมาแล้ว

เมื่อความทรงจำเก่ากลับคืนมา เขาก็ใช้เวลาส่วนมากไปกับการคิดหาวิธีที่จะแก้แค้นเทพเจ้า จนถึงตอนนี้ เขาก็ได้บังคับให้เทพแห่งแดนฝันสร้างแดนฝันขึ้นมาเพื่อให้ตนได้ใช้มันติดต่อกับเผ่าพันธุ์มนุษย์และส่งต่อวิธีการทำลายผนึกออกไป

แต่ถึงอย่างนั้น ราคาที่เขาจ่ายไปมหาศาล การทำลายล้างทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์ ก็แทบจะทำลายบรรพชนมนุษย์เลยทีเดียว

เขาต้องพบกับความสิ้นหวังเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเทพเจ้าไม่คิดที่จะไว้ชีวิตมนุษย์แม้แต่คนเดียว

ในวันนั้น เขาจากแดนฝันมาอีกครั้งและตระเวนไปทั่วโลกแห่งความจริงภายใต้รูปลักษณ์ของภูตแดนฝัน

เขารู้ว่าโลกใบนี้จะไม่มีวันเหมาะสมกับการอาศัยอยู่ของมนุษย์

ในตอนนั้น ทั้งหมดที่เขาต้องการคือสิ้นสุดทุกสิ่งอย่าง

แต่หากทำเช่นนั้น เขาก็จะตัดเส้นชีวิตสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปด้วย พวกเขาจะหายไปตลอดกาล ทำให้ความเจ็บปวดทรมานและสงครามทั้งหมดจบสิ้นลง

ตอนที่ความสิ้นหวังไปถึงจุดสูงสุดนั่นเอง เขาก็พบเข้ากับทะเลสาบแห่งหนึ่ง

ข้างทะเลสาบมีศพร่างหนึ่ง

ศพมนุษย์

ศพมนุษย์ที่เพิ่งตายไปไม่นาน

มั่วกระทั่งสัมผัสได้ว่าวิญญาณดวงนั้นไม่ยอมจางหายไปเพื่อให้สามารถพูดคุยกับเขาและแสดงความคับข้องใจออกมา

ดวงวิญญาณผู้โกรธแค้นนั้นกำเนิดมาพร้อมกับข้อบกพร่องที่ป้องกันไม่ให้เขาใช้พลังอมตะไปตลอดกาล

เขาจึงได้แต่ใช้ชีวิตอย่างสามัญชนเสมอมา

แน่นอนว่ามันมาพร้อมกับประโยชน์ของตัวเองด้วยเช่นกัน มันหมายความว่าเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าคนอื่น ๆ อีกหน่อย

เขาคือหนึ่งในมนุษย์กลุ่มสุดท้ายที่จะต้องตาย

แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจของเขาก็ยังเปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้าและความไม่พอใจ

เขาต้องการตายในสนามรบอย่างมนุษย์คนอื่น ๆ ไม่ใช่จากโลกไปอย่างน่าสังเวชเช่นนี้

ความขุ่นเคืองของเขาล้นเอ่อจนแม้แต่มั่วก็สัมผัสได้

นั่นคือตอนที่มั่วนึกขึ้นได้ว่าสงครามยังไม่จบเสียทีเดียว

ในไม่ช้า ดวงวิญญาณผู้แค้นเคืองก็จากไป

แต่ศพนั้นยังคงอยู่

มั่วยืนอยู่เหนือร่างไร้ชีวิตอยู่เป็นเวลานานก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในที่สุด

นั่นคือวิธีการที่มั่วละทิ้งร่างภูตแดนฝันและกลับไปสู่ร่างมนุษย์อีกครั้ง

ตอนนี้เขาคือมนุษย์เพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่

เขาคือบรรพชนมนุษย์!