บทที่ 997 แสนดีอาจจะกลับหิรัญชากรุ๊ป

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 997 แสนดีอาจจะกลับหิรัญชากรุ๊ป?

เส้นหมี่เมื่อเห็นคณาธิป เธอไม่ได้รู้สึกว่าไม่ดีใจ ใจนั้นก็ปล่อยวางลง

โรงเรียนประถมเอ็มไพร์

คณาธิปมองไปที่กล่องถั่งเช่าแล้วพูดว่า: “คุณจะส่งเด็กๆไปเรียนที่นั่นใช่ไหม? ถ้าจะไปที่นั่นจริงๆ ของพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้แล้ว ผมคุยกับทางโรงเรียนก็ได้แล้ว”

“ไม่ ไม่ได้หมายความแบบนั้น”

เส้นหมี่รีบอธิบาย: “ฉันรู้ว่าเข้าไปเรียนได้อย่างไม่ยาก แต่ฉันอยากให้คุณครูรับผิดชอบพวกเขาเป็นพิเศษ คุณไม่รู้หรอกว่าตอนนี้บางโรงเรียน คุณครูทำงานแค่ผ่านหน้าไปเท่านั้น”

เมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้ คิ้วเธอก็ขมวดขึ้นมาอีกครั้ง

คณาธิปไม่ออกความเห็นอะไร

เขาหันหน้ากลับมา และมองไปที่ด้านข้างหน้าอันสวยงามของหญิงสาวผู้นี้ ทันใดนั้นเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แววตาใต้เลนส์แว่นของเขานั้นประกายแวววาวออกมา

“ถ้าเป็นแบบนั้น ผมขอแนะนำไปเรียนที่โรงเรียนของรัฐ”

“งั้นหรือ?”

“อืม คุณลืมไปแล้วเหรอ? พวกเราต่างก็เรียนโรงเรียนรัฐกันมา? โรงเรียนรัฐเมื่อเทียบกับเอกชน ถึงแม้ว่าระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีมากนัก และการเรียนการสอนนั้น ก็จะเป็นระเบียบแบบแผนเดียวกัน ถ้าเด็กเรียนได้คะแนนดี แน่นอนว่าก็สามารถแสดงความเห็นได้เต็มที่”

“แต่ถ้าเป็นโรงเรียนเอกชน ก็อาจจะมีการเปรียบเทียบที่เยอะกว่า คุณว่าอย่างไรหล่ะ?”

เขาแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เมื่อเธอฟังเขาเสร็จ เส้นหมี่ที่กำลังลังเล ทันใดนั้นก็รู้สึกพบเจอทางสว่างขึ้นมา

ใช่สิ ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึงจุดนี้?

ในที่สุดเส้นหมี่ก็ตัดสินใจได้ ถั่งเช่ากล่องนั้นก็ไม่ได้ซื้อ

“งั้นผมไปนั่งรอตรงนั้น? นานแล้วที่ไม่ได้คุยกับคุณ” คณาธิปเมื่อเห็นเธอมีทางออกแล้ว ก็ชี้ไปที่ร้านกาแฟเพื่อชวนเธอคุยต่อ

ถึงขึ้นนี้แล้ว ถ้าเธอจะปฏิเสธอีก ก็คงเสียมารยาทไปอีก

เส้นหมี่จึงไปร้านกาแฟนั่นกับเขา

“พี่คณาธิป ขอโทษทีนะคะ ที่กลับมาแล้วยังไม่ติดต่อไปหาคุณ ที่บ้านมีแขกเข้ามาทุกวัน เลยมัวแต่ยุ่ง คิดไว้แล้วว่าถ้ามีเวลาว่าง จะโทรหาพี่”

เมื่อนั่งลงที่ร้านกาแฟ เส้นหมี่คิดแล้วว่าจะคุยกับเขาเรื่องนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องอธิบายให้เขาฟังสักหน่อย

เธอครุ่นคิดสักพัก สุดท้ายก็เอ่ยปากพูดกับเขาโดยให้เหตุผลเช่นนั้นกับเขา

แน่นอนว่าคณาธิปก็ไม่ได้ถือสาอะไร

“ไม่เป็นไร แล้วพวกคุณคิดจะวางแผนทำอะไรต่อ?”

“วางแผน?” เส้นหมี่พลางคนแก้วกาแฟในมือแล้วส่ายหัว

“น่าจะยังไม่มี ตอนนี้ฉันต้องจัดการเรื่องลูกให้เรียบร้อยก่อน แล้วร่างกายของคุณพ่อก็ไม่สู้ดีนัก ฉันอยากใช้เวลาในการดูแลเขาให้มาก”

“อืม แล้วเขาหละ?”

คณาธิปจู่ๆก็ถามถึงแสนดีขึ้นมา

เส้นหมี่ตะลึงไป

เขายังถามหาแสนดี?

เธอรู้สึกตกใจตาจับจ้องอยู่ที่เขา ผ่านไปสักครู่ เธอถึงได้ยินเสียงตัวเองตอบกลับไปว่า: “เขา……ตอนนี้ก็ไม่ได้ทำอะไร ฉันก็ไม่ค่อยรู้มากเท่าไหร่”

“งั้นคุณกลับไปแล้วถามเขาหน่อยว่าจะกลับมาที่หิรัญชากรุ๊ปหรือไม่?”

“อะไรนะ?”

คราวนี้สายตาคู่นั้นของเส้นหมี่ก็เบิกโพลงอย่างตกตะลึง!

“กลับหิรัญชากรุ๊ป? ความหมายของคุณคือ?”

“ผมจะกลับญี่ปุ่นแล้ว บริษัทนี้ตอนที่เกิดเรื่องกับพวกคุณ ผมเลยมารับช่วงต่อชั่วคราว ตอนนี้เขาก็กลับมาแล้ว ก็ควรจะรับกลับไปเริ่มใหม่ ผมก็จะได้รีบกลับไป”

ในที่สุดคณาธิปก็พูดจุดประสงค์ที่เขาหาเธอออกมา

น้ำเสียงเรียบเฉยมาก อารมณ์ก็ดูผ่อนคลาย ราวกับว่ากำลังคุยเรื่องทั่วไปกับเธอ

เส้นหมี่กลับพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ

เธออ้าปากค้างจนพูดอะไรไม่ออก ถึงขั้นสงสัยว่าหูตัวเองนั้นฟังผิดไปหรือเปล่า? เธอถึงได้ยินคำพูดเช่นนี้?!!

“คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่า? เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับไปที่หิรัญชากรุ๊ป!”

“ทำไมหละ?”

“นั่นมันมีเจ้าของอยู่แล้วไม่ใช่รึ? ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นคนที่แท้ๆของตระกูลหิรัญชาแล้ว คุณจะให้เขากลับไปที่ตระกูลหิรัญชา ผู้ถือหุ้นคงไม่ยินยอม? บริษัทนี้ได้มอบหมายให้คุณแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะขอคืนมาอีก?”

เส้นหมี่รู้สึกตัวอีกที ความโมโหก็พุ่งขึ้นมา เวลานั้นเธอพูดอย่างไม่ไว้หน้าเขา

เธอมั่นใจว่ายังไงแสนดีก็ไม่กลับไปที่หิรัญชากรุ๊ปอย่างแน่นอน

เพราะเธอรู้ดีว่าแสนดีไม่ใช่คนแบบนั้น และยังมีอีกอย่างที่เธอรู้สึกได้ ในเมื่อพวกเขากลับมาแล้ว แต่ความสัมพันธ์กับเทวเทพก็ไม่ได้ตัดขาดไปสักทีเดียว

เพราะฉะนั้นเขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะกลับไปอีก?

แต่เรื่องที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ ถึงแม้เธอจะพูดอธิบายไปมากมาย แต่คนที่อยู่ต่อหน้าเธอกลับไม่มีท่าทีเปลี่ยนไปใดๆ

“นั่นก็ไม่ใช่ของของผม ผมให้เวลาคุณสามวันเพื่อคุยกับเขา หลังสามวัน ผมจะจัดงานเพื่อเลี้ยงสื่อ ถึงเวลานั้นเขาจะมาหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา จะไม่เกี่ยวข้องกับผมอีกต่อไป

เขาพูดด้วยท่าทีนิ่งๆ

จากนั้น เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที

เส้นหมี่: “……”

เขาเดินออกจากร้านกาแฟจนเดินลับตาไป เธอถึงได้นึกบางอย่างขึ้นมาได้ และรีบวิ่งตามเขาออก

“คณาธิป คุณหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ! คณาธิป!”

ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่เธอนั้นทั้งโกรธทั้งโมโหจนเรียกชื่อเขาอย่างเต็มยศ

แต่ว่าคณาธิปไม่มีท่าทีจะหยุดลง เขาเดินไปถึงที่รถของเขาอย่างรวดเร็ว และขับรถออกไปจนละสายตาของเธอไป