มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1000

“นังสารเลว ในเมื่อพูดด้วยดี ๆ แล้วไม่ฟัง ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ อย่าคิดว่ามีวิชาห้ามค่ายกลคอยคุ้มกันแล้วจะปลอดภัยหายห่วง”

เจ้ายุทธจักรหงส์ตระโกนอย่างเดือดดาน ในสายตาของนาง เหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่ถือว่าเป็นอัจฉริยะของเผ่าหงส์อีกแล้ว แต่เป็นเพียงแค่เครื่องมือในการสืบทอดสายเลือดเทพหงส์เท่านั้น

“อาจารย์หยุนเทียนยังไม่มาหรือ?” นางหันไปถามเจ้ายุทธจักรเผ่าหงส์คนหนึ่งข้างกาย

“ตอนนี้อยู่ระหว่างทางแล้ว น่าจะใกล้ถึงแล้ว” เจ้ายุทธจักรเผ่าหงส์เอ่ยตอบ

“วึด! ……”

ในเวลานี้ ปริภูมิเหนือศีรษะวของคนเหล่านี้ก็เปิดออก ชายชราในชุดขาวคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น

ช่วงเวลาที่เจ้ายุทธจักรหงส์เห็นชายชราผู้นี้ปรากฏตัว ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ปรากฏขึ้นด้วยความปีติยินดี รีบตรงเข้าไปทักทายเขาทันที

“ปรมาจารย์หยุนเทียน” กองกำลังต่าง ๆ นำโดยผู้ยิ่งใหญ่พากันเอ่ยทักทาย สถานะที่ต่ำที่สุดก็ยังคงเป็นถึงเจ้ายุทธจักรไร้เทียมทานขั้นหนึ่ง อีกทั้งยังไม่ขาดแคลนผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ รวมถึงอนาคินเจ้ายุทธจักรอีกด้วย

ปรมาจารย์หยุนเทียนผู้นี้ เป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าแห่งสำนักดำเหลือง และเป็นปรมาจารย์ค่ายกลหายากเพียงผู้เดียวของทั่วทั้งโลกแสงดาว

สำหรับนักค่ายเทพ ทั่วทั้งโลกแสงดาวกลับไม่มีแม้แต่คนเดียว

ค่าลกลระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าสามสิบกว่าค่ายรอบอนัตตาทั้งสี่ทิศของแดนตำหนักจื่อ ทำให้ผู้แข็งแกร่งกองกำลังต่าง ๆ อับจนหมดหนทาง ถึงแม้แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จะไม่ขาดแคลนผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ แต่ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่ยินยอมออกโรงให้นั้นกลับมีไม่มาก

ถึงอย่างไร ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั่วทั้งโลกแสงดาวเมื่อรวมกันแล้ว ก็มีแค่เพียงหลักสิบหลักร้อยเท่านั้น

ในส่วนของเผ่าหงส์ก็ได้ส่งคนไปเชิญปรมาจารย์หยุนเทียนท่านนี้มาแล้ว

“ช่างเป็นการจัดวางค่ายกลที่แยบยลจริงๆ!”

ปรมาจารย์หยุนเทียนเดินหน้าเข้าไปสำรวจดู นัยน์ตาแก่ชรานั้นพลันเป็นประกายวาบขึ้นมาทันที

“อายุเพียงสี่สิบกว่าปี ฝึกตนได้เพียงสามสิบปี ก็กลับสามารถครอบครองความสำเร็จบนเส้นทางค่ายกลได้เช่นนี้ อัจฉริยะมหัศจรรย์บนเส้นทางค่ายกลของพวกเราแท้ ๆ!”

ปรมาจารย์หยุนเทียนยิ่งสำรวจก็ยิ่งประหลาดใจ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความเสียดายเล็กน้อย อัจฉริยะมหัศจรรย์เช่นนี้หากยังมีชีวิตอยู่ บรรลุถึงแดนนักค่ายเทพ แต่มันก็ติดเพียงปัญหาเรื่องของเวลาเท่านั้น

เขาหมกมุ่นอยู่กับวิชาค่ายกล ถึงอย่างไรความปรารถนาในใจก็คือการบรรลุถึงแดนนักค่ายเทพ น่าเสียดายที่ชีวิตของเขาเหลือเวลาไม่มาก ถึงมีความตั้งใจแต่ก็ไร้กำลัง

การสืบทอดวิชาค่ายกลของโลกแสงดาว มีการปรากฏตัวของนักค่ายเทพแค่เฉพาะในสมัยโบราณเท่านั้น ตั้งแต่เกิดสงครามพ้นพิบัติในสมัยโบราณ การสืบทอดค่ายกลขาดตอน ยกเว้นนักค่ายกลระดับเทพส่วนน้อยที่กลายเป็นวิญญาณได้ส่งต่อการสืบทอด ได้ผ่านมาหลายหมื่นปีแล้วยังไม่เคยมีนักค่ายเทพปรากฏตัวขึ้นอีกเลย

“อัจฉริยะมหัศจรรย์เช่นนี้ ไม่สามารถพบเจอได้สักครั้ง ช่างเป็นเรื่องน่าเสียตายอย่างมากในชีวิตนี้!”

สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ ไม่ง่ายเลยที่เผ่าหงส์จะเรียนเชิญปรมาจารย์หยุนเทียนท่านนี้มาได้ แต่ปรมาจารย์ท่านนี้เมื่อสำรวจค่ายมหาจักรพรรดิยุทธ์เหล่านี้แล้ว ก็หันหลังเดินออกไป ไม่ว่าใครก็เรียกไว้ไม่อยู่

ในความจริงแล้วที่อาจารย์หยุนเทียนผู้นี้รุดหน้ามา ไม่ใช่ว่าเพราะเผ่าหงส์สามารถเชิญมาได้ แต่เขาต้องการที่จะมาดูว่า เจ้าหลัวซิวผู้นั้น จะสามารถจัดวางค่ายกลระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้า ด้วยการฝึกตนเพียงสามสิบปีได้จริงหรือไม่

เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเรื่องจริงแล้ว ภายในใจนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม เพราะค่ายกลระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์มากกว่าสามสิบค่ายที่หลัวซิวจัดวางเอาไว้นั้น ความเฉลียวฉลาดและความละเอียดอ่อนของวิธีการจัดวาง แม้กระทั่งดีกว่าผู้เฒ่าที่จมอยู่ในเส้นทางนี้มานับพันปีเสียอีก

ผู้แข็งแกร่งกองกำลังต่าง ๆ ต่างมองหน้ากันด้วยสายตางุนงง เมื่อไม่มีความช่วยเหลือจากปรมาจารย์หยุนเทียน หากพวกเขาต้องการที่จะบุกเข้าไปในแดนตำหนักจื่อ ทำได้เพียงแต่เลือกฝืนทำลายวิชาห้ามค่ายกลระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เหล่านี้เสียแล้ว

เพราะฉะนั้น ผู้แข็งแกร่งจากทุกกองกำลังต่างก็เริ่มดึงดูดคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็ได้ส่งผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์มาจำนวนหนึ่ง เตรียมพร้อมที่จะบุกโจมตีแดนตำหนักจื่อ

……